วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การหลีกหนีโอกาสบาปความไม่บริสุทธิ์



หลีกหนีโอกาสบาป
 
(โดย นักบุญอัลฟองโซ ลิโกวรี (St. Alphonsus d’Liguori)
 
"เมื่อประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา"(ยน. 20.19)
 
เราอ่านพบในพระคัมภีร์ของวันนี้ว่าหลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปในห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันอยู่ถึงแม้ว่าประตูห้องถูกปิดไว้ และพระองค์ทรงประทับยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา นักบุญโทมัสกล่าวว่าความหมายลึกลับของอัศจรรย์นี้คือ พระเจ้าจะไม่ทรงเข้ามาในจิตวิญญาณของเรา เว้นแต่เราจะปิดประตูแห่งประสาทสัมผัสของเรา เราจะต้องปิดประตูแห่งประสาทสัมผัสของเราให้พ้นจากโอกาสของสถานการณ์ที่อันตราย มิฉะนั้นปีศาจจะทำให้เราเป็นทาสของมัน วันนี้ข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นถึงอันตรายใหญ่หลวงซึ่งผู้ที่ไม่หลีกเลี่ยงโอกาสบาปทำให้เกิดขึ้นกับตัวของเขา
 
1. เรารู้จากพระคัมภีร์ว่าพระคริสตเจ้าและลาซารัสกลับฟื้นคืนชีพจากความตาย แต่พระคริสตเจ้าจะไม่สิ้นพระชนม์อีก: "พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์จากบรรดาผู้ตายแล้วจะไม่สิ้นพระชนม์อีก" (โรม. 6. 9); แต่ลาซารัสซึ่งกลับคืนชีพแล้ว เขาจะต้องตายอีกครั้งหนึ่ง เจ้าอาวาสกัวริค Abbot Guerric กล่าวว่าพระคริสต์ทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์และไม่ได้ถูกผูกมัดไว้ "แต่ลาซารัสออกมาโดยเท้าและมือถูกมัดไว้" (ยอห์น 11.44) ท่านยังกล่าวต่อไปว่า บุคคลผู้น่าสงสารซึ่งเพิ่งออกมาจากบาป แต่เขายังคงถูกผูกมัดไว้ด้วยโอกาสแห่งบาปที่อันตราย: เขาจะตายอีกครั้งโดยสูญเสียพระคุณอันศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นผู้ที่ประสงค์จะช่วยจิตวิญญาณของตนต้องไม่เพียงแต่ละทิ้งบาปเท่านั้น แต่ยังต้องละทิ้งโอกาสแห่งบาปด้วย นั่นคือเขาต้องละทิ้งความคุ้นเคยต่างๆ เช่น บ้าน, สถานที่ เขาต้องละทิ้งสหายที่ชั่วร้ายและโอกาสในลักษณะเดียวกันทั้งหมดที่กระตุ้นให้เขาทำบาป
 
2. เนื่องจากบาปกำเนิด เราทุกคนจึงมีความโน้มเอียงที่จะทำสิ่งที่พระบัญญิตได้ห้ามไว้ ดังนั้นนักบุญเปาโลจึงกล่าวว่า ท่านมีประสบการณ์กับตัวเองซึ่งบทบัญญัติขัดแย้งกับเหตุผล: "แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และทำให้ข้าพเจ้าหลงไหลในกฎแห่งบาป" (โรม 7.22) บัดนี้เมื่อโอกาสบาปปรากฏขึ้น มันจะกระตุ้นความปรารถนาที่ชั่วร้ายของเราอย่างรุนแรง และเป็นการยากที่จะต่อต้านมัน เพราะพระเจ้าทรงระงับความช่วยเหลืออันทรงประสิทธิภาพจากผู้ที่จงใจนำตัวเองเข้าไปในโอกาสแห่งบาป "ผู้ที่รักอันตรายจะต้องพินาศในมัน" (Ecclus.3.27) นักบุญโทมัสกล่าวไว้ในความเห็นของท่านเกี่ยวกับข้อนี้ว่า "เมื่อเรานำตนเองเข้าไปสู่โอกาสที่เป็นอันตรายนั้น พระเจ้าก็จะทรงทอดทิ้งเราเมื่อเราอยู่ในนั้น" นักบุญเบอร์นาดีนแห่งเซียนาสอนว่า การหลีกเลี่ยงโอกาสบาปเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดในบรรดาคำแนะนำทั้งหมดและเป็นหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนา
 
3. นักบุญเปโตรกล่าวว่า "มารกำลังดักวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงโตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกิน" (1 ปต. 5.8) มันวนเวียนอยู่รอบๆจิตวิญญาณของเรา พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปและครอบครองจิตใจของเรา ดังนั้นมันจึงพยายามวางกับดักไว้ต่อหน้าเรา ซึ่งก็คือโอกาสแห่งบาปอันเป็นประตูที่มันจะเข้าสู่วิญญาณ นักบุญซีเปรียนกล่าวว่า "an sit pars cujus aditu penetret." เมื่อวิญญาณยอมทำตามคำแนะนำของปีศาจและนำตัวเองเข้าไปสู่โอกาสบาป ปีศาจก็สามารถเข้าสู่วิญญาณและกัดกินอย่างง่ายดาย ความพินาศของบิดามารดาคนแรกของเราเกิดขึ้นจากการที่พวกเขาไม่หลีกหนีโอกาสบาป พระเจ้าไม่ทรงแต่เพียงห้ามพวกเขาไม่ให้กินเท่านั้น แต่ยังสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาสัมผัสกับผลไม้ต้องห้ามด้วย เอวากล่าวกับงูว่า: "พระเจ้าทรงบัญชาเราว่า เราอย่ากินหรือแตะต้องมัน" (ปฐมกาล 3.3) แต่แล้ว "เอวาก็มอง , หยิบและกินผลไม้ต้องห้าม”: เอวามองผลไม้เป็นอันดับแรก จากนั้นเธอก็หยิบมันมาไว้ในมือ แล้วหลังจากนั้นก็กินมัน นี่คือสิ่งปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่นำตัวเองเข้าไปสู่โอกาสบาป ด้วยเหตุนี้, ครั้งหนึ่งปีศาจถูกบังคับโดยพระสงฆ์ให้บอกถึงบทเทศน์ซึ่งมันไม่ชอบมากที่สุด ปีศาจได้สารภาพว่าเป็นบทเทศน์ในเรื่องการหลีกหนีโอกาสบาป ตราบใดที่เรานำตนเองเข้าไปสู่โอกาสบาป ปีศาจก็หัวเราะเยาะเย้ยความตั้งใจและคำสัญญาที่ดีของเราที่มีต่อพระเจ้า ศัตรูของเราพยายามอย่างสุดแรงที่จะชักจูงเราไม่ให้หลีกหนีโอกาสบาป โอกาสบาปนั้นเป็นเหมือนม่านที่วางอยู่ต่อหน้าสายตาของเรา ซึ่งกั้นเราจากการมองเห็นแสงสว่างที่ได้รับจากพระเจ้าหรือจากความจริงนิรันดร หรือจากการแก้ไขสิ่งที่เราได้ทำ: ปีศาจทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่างและเมื่อเราหลงไป มันก็ผลักเราให้เข้าสู่บาป
 
4. "รู้ไว้เถิดว่าการไปติดต่อสื่อสารกับความตาย ก็จะทำให้เจ้าเข้าไปอยู่ในบ่วงกับดัก" (Ecclus. 9.20) ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ได้เข้าไปอยู่ในบ่วงกับดัก ดังนั้นปรีชาญาณจึงแนะนำผู้ที่ต้องการป้องกันตนเองให้พ้นจากบ่วงของโลกและถอนตัวออกจากบ่วงนั้นว่า "ผู้ที่รู้และคอยระวังกับดักก็จะปลอดภัย" (สภษ. 11.15) แต่ถ้าหากคริสตชนไม่หลีกหนีจากบ่วงกับดักเหล่านั้น แต่กลับเข้าไปหามัน พวกเขาจะพ้นจากการถูกจับได้อย่างไร? ดังนั้นหลังจากที่เคยตกหลุมพรางมากมายจนได้เรียนรู้ถึงอันตรายของการนำตัวเองไปสู่โอกาสบาป ดาวิดจึงกล่าวว่า เพื่อที่จะสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ท่านต้องอยู่ห่างไกลจากโอกาสบาปทุกชนิดที่จะกระตุ้นให้เขาทำบาป "ข้าพเจ้าควบคุมเท้าของข้าพเจ้าจากวิถีทางที่ชั่วร้ายทุกอย่าง เพื่อที่ข้าพเจ้าจะสามารถรักษาชีวิตให้อยู่ในพระวาจาของพระองค์" (เพลง. 118.101) ดาวิดไม่ได้บอกว่าจากบาปทุกอย่าง แต่บอกว่าจากวิถีทางที่ชั่วร้ายทุกอย่างที่นำไปสู่บาป ปีศาจพยายามหาข้ออ้างที่จะทำให้เราเชื่อว่าโอกาสบาปบางอย่างที่เรานำตัวเองเข้าไปนั้นไม่ได้เป็นความสมัครใจ แต่เป็นความจำเป็น เมื่อโอกาสบาปที่ถูกเสนอต่อเราเป็นความจำเป็นจริง ๆ พระเจ้าจะทรงช่วยเราเสมอให้หลีกหนีบาปได้ แต่บางครั้งเราจะจินตนาการอ้างถึงความจำเป็นบางอย่างที่จะไม่เป็นการกล่าวโทษเราได้ นักบุญซีเปรียนกล่าวว่า “สมบัติจะไม่ปลอดภัย ตราบใดที่โจรยังอยู่ภายใน; และแกะไม่มีทางที่จะปลอดภัยได้ในขณะที่มันอาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกันกับหมาป่า” (Lib. de Sing. Cler.) ท่านนักบุญพูดกับผู้ที่ไม่ต้องการกำจัดโอกาสแห่งบาปแถมยังพูดว่า: "ฉันไม่กลัวว่าฉันจะหกล้ม" ไม่มีใครสามารถรักษาสมบัติของเขาได้ถ้าเขาเก็บโจรขโมยเอาไว้ในบ้านของเขา และแกะก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ ถ้ามันยังคงอยู่ในถ้ำของหมาป่า ทำนองเดียวกันไม่มีใครสามารถรักษาสมบัติแห่งพระพรของพระเจ้าได้ ถ้าเขายังคงเข้าไปสู่โอกาสบาปอย่างต่อเนื่อง นักบุญยากอบสอนว่ามนุษย์ทุกคนมีศัตรูที่ทรงอำนาจอยู่ในตัวของเขา นั่นคือความโน้มเอียงในทางชั่วร้ายของเขาเอง ซึ่งล่อลวงให้เขาทำบาป "เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง” (ยากอบ 1.14) เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่หลีกหนีจากโอกาสบาปที่อยู่ภายนอกเรา แล้วเราจะต่อต้านการล่อลวงและหลีกหนีบาปได้อย่างไร? ดังนั้น ให้เราระลึกจดจำพระวาจาที่พระเยซูเจ้าทรงแนะนำไว้เสมอเพื่อเอาชนะการล่อลวงและช่วยจิตวิญญาณของเรา "ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย" (มท. 5.29) ถ้าท่านพบว่าตาขวาของท่านเป็นสาเหตุทำให้ท่านถูกสาปแช่ง ท่านต้องควักมันออกมาและเหวี่ยงมันไปให้พ้น นั่นคือเมื่อมีอันตรายที่จะทำให้รสูญเสียวิญญาณ ท่านจะต้องรีบหนีจากโอกาสที่ชั่วร้ายทั้งหมด นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซิซิเคยพูดว่าในตอนแรกปีศาจไม่พยายามผูกมัดวิญญาณด้วยห่วงโซ่แห่งบาป เพราะจะเป็นการเตือนผู้นั้นให้นึกถึงการทำบาปอันน่ารังเกียจ และพวกเขาก็จะหนีไปจากมันด้วยความกลัว แต่ปีศาจจะพยายามผูกมัดพวกเขาด้วยเส้นด้ายบางๆเท่าเส้นผมเพียงเส้นเดียวซึ่งไม่กระตุ้นให้เกิดความกลัวมากนัก ด้วยวิธีนี้ปีศาจจะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในการเสริมสร้างความผูกพันกับพวกเขา จนกว่ามันจะทำให้พวกเขากลายเป็นทาสของมัน ดังนั้นผู้ที่ประสงค์จะเป็นอิสระจากอันตรายของการเป็นทาสของนรก เขาต้องทำลายเส้นผมทั้งหมดที่ศัตรูพยายามผูกมัดเขา นั่นคือเขาจะต้องหลีกหนีโอกาสบาปทุกอย่าง เช่น คำพูดบางอย่าง, สถานที่, ของขวัญเล็กน้อย และคำพูดหว่านล้อมต่างๆ สำหรับผู้ที่ดำรงอยู่ในความไม่บริสุทธิ์จนเป็นนิสัย เพียงแค่การอยู่ห่างๆโอกาสบาปนั้น ไม่เป็นการเพียงพอ เขาจะต้องหลีกหนีโอกาสบาปให้ไกลจนไม่สามารถกลับไปสู่มันได้เลย มิฉะนั้นพวกเขาจะหันกลับไปทำบาปในอดีตได้อย่างง่ายดาย
 
5. “ความไม่บริสุทธิ์” นักบุญออกัสตินกล่าว เป็นความชั่วที่ทำสงครามกับทุกคน และมีน้อยคนที่ได้รับชัยชนะ "การต่อสู้เป็นเรื่องธรรมดา แต่การได้ชัยชนะนั้นหาได้ยาก" มีวิญญาณที่น่าสมเพชกี่คนแล้วที่ได้ต่อสู้กับความชั่วนี้และก็พ่ายแพ้! เพื่อชักนำท่านเข้าไปสู่โอกาสบาปนี้ ปีศาจจะบอกท่านว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะพ่ายแพ้ในการทดลอง นักบุญเจโรมกล่าวว่า "ข้าพจ้าต่อสู้ด้วยความหวังในชัยชนะ แต่ข้าพเจ้ากลับพ่ายแพ้ในบางครั้ง" ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่นำตัวเองไปสู่การต่อสู้ด้วยความหวังที่จะพิชิตมัน เพราะถ้าข้าพเจ้าเข้าไปสู่การต่อสู้ด้วยความสมัครใจ ข้าพเจ้าจะพ่ายแพ้, สูญเสียจิตวิญญาณและสูญเสียพระเจ้าของข้าพเจ้า เพื่อหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นต้องมีพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเพื่อทำให้เรามีค่าควรกับพระหรรษทานนี้ เราต้องหลีกหนีโอกาสบาป ฝึกฝนคุณธรรมความรักความเมตตา และจำเป็นที่จะต้องเสนอตนเองเบื้องพระพักตร์พระเจ้าอย่างต่อเนื่อง: เราไม่มีพละกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรักษาคุณธรรมความบริสุทธิ์ไว้ได้ด้วยตนเอง พละกำลังนั้นเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ชาญฉลาดผู้หนึ่งกล่าวว่า “ตามที่ข้าพเจ้ารู้ ข้าพเจ้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงบนแผ่นดินได้ เว้นแต่พระเจ้าจะทรงประทานให้ ... ข้าพเจ้าจึงไปหาและอ้อนวอนพระองค์ " (ปรีชาญาณ. 8.21) แต่ถ้าเรามีเหตุให้ต้องนำตัวเราไปสู่โอกาสบาป เราจะต้องปกป้องเนื้อหนังด้วยอาวุธและเกราะเพื่อต่อสู้กับวิญญาณ ท่านอัครสาวกสอนว่า "อย่ามอบร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งให้แก่บาป" (โรม 6.13) ในการอธิบายข้อความนี้ นักบุญซิริลแห่งอเล็กซานเดรียกล่าวว่า: "ท่านจงกระตุ้นเนื้อหนัง ปกป้องมันด้วยเกราะ ทำให้มันมีพลังต่อต้านวิญญาณ" นักบุญฟิลิปเนรีเคยกล่าวไว้ว่า ในสงครามกับความไม่บริสุทธิ์ ชัยชนะจะได้รับมาโดยอาศัยความขี้ขลาด นั่นคือจากการหลีกหนีโอกาสบาปนั่นเอง แต่คนที่นำตัวเองไปสู้กับมัน ถึงแม้จะใส่เกราะให้กับเนื้อหนังของเขา ทำให้มันแข็งแรง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จิตใจของเขาจะต่อต้านการโจมตีอันรุนแรงของมันได้
 
6. พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า "จงร้องเถิดว่า เนื้อหนังทั้งหมดเป็นเพียงหญ้า" (อิสยาห์. 40.6) นักบุญยอห์น คริสตซอสโตมกล่าวว่า หากเนื้อหนังทั้งหมดเป็นหญ้า ก็เป็นเรื่องโง่เขลามากที่คนเราจะนำตัวเองไปสู่โอกาสบาป โดยหวังว่าจะสามารถรักษาคุณธรรมความบริสุทธิ์ไว้ได้ ก็เหมือนกับหญ้าแห้ง ซึ่งเมื่อโยนคบเพลิงลงไป คิดหรือว่ามันจะไม่ติดไฟ "วางคบเพลิงลงไปในกองหญ้าแห้ง คิดหรือว่าหญ้าแห้งจะไม่ถูกเผาไหม้" ไม่ใช่แน่นอน นักบุญซีเปรียนกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟและไม่ถูกเผาไหม้” พระจิตเจ้าตรัสว่า "คนเราจะซ่อนไฟไว้ในทรวงอก และเสื้อผ้าของเขาจะไม่ไหม้ไฟได้หรือ? หรือเขาสามารถเดินบนถ่านที่ร้อนจัดและเท้าของเขาจะไม่ไหม้?" (สภ. 6.27, 28) การไม่ถูกไฟไหม้ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องนับว่าเป็นอัศจรรย์ นักบุญเบอร์นาร์ดสอนว่า การรักษาความบริสุทธิ์และในเวลาเดียวกันก็นำตัวเองไปสู่โอกาสบาปนั้น "เป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำให้คนตายกลับมามีชีวิตเสียอีก"
 
7. ในการอธิบายบทสดุดีบทที่ห้า นักบุญออกัสตินกล่าวว่า "ผู้ที่ไม่เต็มใจหนีให้พ้นจากอันตราย แสดงว่าเขาประสงค์จะพินาศในอันตรายนั้น” ดังนั้นท่านจึงเตือนผู้ที่ต้องการเอาชนะบาปและไม่ต้องพินาศในบาป ให้หลีกเลี่ยงโอกาสบาปเสีย "เมื่อเผชิญกับโอกาสที่จะล้มลงในบาป จงหนีไปเสีย ถ้าท่านปรารถนาที่จะได้รับชัยชนะ" (Serm. 250 de temp.) คนโง่เขลาวางใจในความเข้มแข็งของตนเอง โดยมองไม่เห็นว่าความเข้มแข็งของพวกเขาเป็นเหมือนผ้าลินินที่วางอยู่ในกองไฟ "ความเข้มแข็งของท่านจะเป็นเหมือนขี้เถ้าในเตา" (อิสยา. 1.31) ส่วนคนที่เชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา, เชื่อมั่นการสารภาพบาปของพวกเขาและเชื่อมั่นในคำสัญญาที่พวกเขาที่กระทำกับพระเจ้ากล่าวว่า: โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า บัดนี้ฉันไม่มีความโน้มเอียงในทางชั่วที่จะคบหาใคร การปรากฏตัวของเธอไม่เป็นโอกาสของการประจญทดลอง: จงฟังเถิดทุกคนที่พูดเช่นนี้ ในป่าแห่งหนึ่ง มีหมีที่ไปตามล่าลิงเพื่อกัดกินเป็นอาหาร ทันทีที่หมีปรากฏตัวขึ้น ลิงก็รีบวิ่งขึ้นต้นไม้ ทำให้มันรอดจากอันตราย แต่หมีทำอย่างไร? มันนอนลงบนพื้นแสร้งทำทีว่าตาย และรอจนกว่าลิงจะลงมาจากต้นไม้ ทันทีที่มันเห็นว่าลิงลงมาจากต้นไม้แล้ว มันก็ลุกขึ้นมาจับลิงเหล่านั้นและกัดกินพวกมัน ปีศาจก็ทำเช่นนี้: มันทำให้การประจญทดลองดูเหมือนจะตายไปแล้ว แต่เมื่อวิญญาณลงมาและนำตนเองไปสู่โอกาสบาป ปีศาจก็ปลุกเร้าการทดลองขึ้นอีกและกัดกินวิญญาณเสีย โอ! มีวิญญาณที่น่าสมเพชสักกี่คนที่อุทิศตนเพื่อกิจการฝ่ายจิต ด้วยการสวดภาวนา รับศีลมหาสนิทเป็นประจำและดำเนินชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะการขาดความระมัดระวังตัว  โดยการนำตนเองเข้าไปสู่โอกาสบาป เขาก็ตกเป็นทาสของปีศาจ!  ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีความระมัดระวังตัวอยู่เสมอหลังจากที่เราสารภาพบาป  และรับศีลมหาสนิทแล้ว  เราต้องดำรงชีวิตในความรู้ตัวถึงเล่ห์กลของปีศาจ  ความโน้มเอียงของเนื้อหนัง หลีกเลี่ยงโอกาสบาปทุกชนิด
 
8. พระจิตเจ้าบอกเราว่า เราต้องหลีกหนีจากบาปเหมือนหลีกหนีงู "จงหลีกหนีบาปเหมือนหลีกหนีงู" (Ecclus. 21.2) ดังนั้นเราต้องไม่เพียงแต่หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกงูกัดเท่านั้น แต่ยังต้องระวังไม่ไปแตะต้องหรือเข้าใกล้มันด้วย ดังนั้นเราต้องหลีกหนีบาป หลีกหนีจากโอกาสบาป - นั่นคือจาก บ้าน, จากการสนทนา, จากบุคคลที่จะนำเราไปสู่บาป นักบุญอิสิดอร์ กล่าวว่า ”ผู้ที่ปรารถนาจะอยู่ใกล้งู ในไม่ช้าเขาก็จะถูกงูกัด” ดังนั้นหากบุคคลใดอยากจะพิสูจน์ตนเองโดยเข้าไปสู่โอกาสบาป คำตักเตือนของผู้มีปรีชาญาณคือ "จงหลีกไปให้ไกลจากมัน  และอย่าเข้าใกล้ประตูบ้านของมัน" (สภ. 5.8) คำเตือนนี้ไม่เพียงแต่บอกท่านว่าอย่าไปอยู่ใกล้ แต่ให้อยู่ห่างไกลให้มากที่สุด แต่ท่านอาจจะพูดว่า ถ้าฉันละทิ้งบ้านหลังนี้ ฉันจะต้องทุกข์ทรมานใจอยู่ในโลก เป็นการดีกว่าที่ท่านจะได้รับความสูญเสียทางโลกแทนที่จะสูญเสียจิตวิญญาณและสูญเสียพระเจ้าของท่าน หากท่านปรารถนาที่จะช่วยจิตวิญญาณของท่านให้รอดพ้นจากบาปและนรก ท่านต้องมีความกลัวและหวั่นไหวเสมอ “ท่านจงออกแรงด้วยความกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้นเถิด” (ฟิลิปปี. 2.12) ผู้ที่ไม่กลัว ไม่หลีกหนีโอกาสบาปจะไม่ได้รับความรอด ดังนั้นในคำอธิษฐานภาวนาของเรา เราควรจะสวดทุกวันและหลายๆครั้งตามบทข้าแต่พระบิดาว่า "โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประจญ" พระเจ้าข้า โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าถูกโจมตีด้วยการประจญล่อลวงเหล่านั้นซึ่งกีดกันข้าพเจ้าจากพระหรรษทานของพระองค์ ตามที่นักบุญออกัสตินกล่าวไว้ พระเจ้าจะทรงประทานให้กับทุกคนที่วอนขอจากพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงฟังคำอธิษฐานของทุกคนที่วอนขอจากพระองค์ ดังนั้นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรจึงกล่าวว่า “โดยคำสัญญาของพระองค์ พระเจ้าจึงทรงทำให้พระองค์เองกลายเป็นลูกหนี้"

*************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น