วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

นักบุญบริจิตทำนายถึงแอนตี้ไครส์


 
เรื่องที่หนึ่ง
 
ย้อนกลับไปในปี 2018 สื่อต่างประเทศรายงานว่ากะโหลกศีรษะของนักบุญบริจิต Saint Bridget (Birgitta) แห่งสวีเดนที่ถูกเก็บไว้ในอาสนวิหารใน Vadstena Abbey นั้นอาจไม่ใช่ของจริง การศึกษาใหม่ที่ดำเนินการที่มหาวิทยาลัย Uppsala เปิดเผยว่ามีกะโหลกสองหัวที่เชื่อว่าเป็นของนักบุญบริจิตและนักบุญแคทเธอรีน ( Saint Bridget และ Catherine (Katarina) ลูกสาวของเธอนั้น ไม่ตรงกับพันธุกรรมจากเชื้อสายของเธอ นอกจากนี้การตรวจหาอายุยังแสดงให้เห็นว่ากะโหลกไม่ได้มาจากช่วงเวลาที่นักบุญบริจิตและแคทเธอรีนอาศัยอยู่
 
แล้วกะโหลกศีรษะทั้งสองเป็นของใคร? กระโหลกที่แท้จริงถูกขโมยไปหรือไม่?
 
เราจะปล่อยเรื่องนี้ให้นักโบราณคดีและนักพันธุศาสตร์สืบหาต่อไป สิ่งที่เราสนใจคือความจริงที่ว่านักบุญบริจิต St. Bridget เป็นผู้แพร่ธรรมและเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่ ข่าวเกี่ยวกับเธอทำให้เรานึกถึงคำพยากรณ์มากมายของเธอซึ่งบางอย่าง - ถ้าถูกต้อง - อาจเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาของเรา เราต้องเน้นว่านิมิตที่เธอเห็นนั้นได้รับการรับรองจากพระศาสนจักรแล้ว โดยพระศาสนจักรระบุว่าข้อเขียนของเธอนั้นไม่มีสิ่งใดที่ขัดกับความเชื่อ
 
นักบุญบริจิต เป็นบุตรีของผู้ปกครองสวีเดน เมื่ออายุเจ็ดขวบ เธอเห็นนิมิตว่าเธอได้รับการสวมมงกุฎจากพระมารดามารีย์ เธอได้รับนิมิตเห็นพระเยซูเจ้าตลอดชีวิตของเธอ เมื่อบริจิตอายุ 13 ปี ด้วยความเชื่อฟังต่อคำสั่งของบิดา เธอได้แต่งงานกับ Ulfo เจ้าชายแห่งเนรีเซียในสวีเดน และมีลูกด้วยกัน 8 คน ลูกคนสุดท้องคือ แคทเธอรีน ซึ่งได้รับเกียรติเป็นนักบุญเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้เดินทางไปแสวงบุญที่ Compostela ในแคว้นกาลิเซีย เมื่อกลับมาถึงสวีเดน Ulfo เกิดอาการเจ็บป่วย แต่กลับฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิต (1887) หลังจากการตายของเขา บริจิตได้ก่อตั้งคณะชื่อ Brigittines หรือ Order of St. Savior
 
นักบุญบริจิตมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่พระศาสนจักรอยู่ในความระส่ำระสาย และเมื่อกาฬโรคระบาดไปทั่วยุโรป ก็ทำให้ประชาชนทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างมาก เรารู้จากหนังสือ Butler’s Lives of the Saints ว่าคำพยากรณ์จำนวนหนึ่งของเธอมักจะมุ่งเน้นไปที่เหตุการณ์สมัยนั้นอย่างเป็นรูปธรรม เธอทำนายว่าสมเด็จพระสันตะปาปาอูร์บันที่ 5และจักรพรรดิชารล์ที่ 4 จะมาพบปะกันฉันท์มิตรในกรุงโรม - ซึ่งเกิดขึ้นจริงในปี 1368 – และต่อมาพระสันตะปาปาได้รับการเตือนล่วงหน้าจากบริจิตว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์ในไม่ช้า (ซึ่งเกิดขึ้นในสี่เดือนต่อมา)

นักบุญบริจิตกล่าวว่าเธอได้รับนิมิตที่พระเยซูทรงทรงอธิบายว่า ประวัติศาสตร์โลกแบ่งเป็นสามระยะคือ
 
ช่วงเวลาแรก - ระหว่างอาดัมจนถึงการบังเกิดของพระคริสต์
 
ช่วงเวลาที่สอง - ประมาณพันปีหลังจากการเสด็จมาของพระองค์
 
และช่วงเวลาที่สาม - ซึ่งจะนำหน้าการพิพากษาครั้งสุดท้าย (เวลาที่ความชั่วช้าจะเกิดขึ้นมากมายและไร้ความปราณี ความชั่วช้าจะทวีเพิ่มขึ้นอย่างมากในระดับที่ใหญ่กว่าที่เคยเห็นในช่วงแห่งภัยพิบัติการลงโทษของยุคกลาง)
 
และนักบุญบริจิตยังได้ให้คำทำนายที่น่าประหลาดใจอย่างหนึ่งคือ "เมื่อวันฉลองของนักบุญมาร์โกจะตกในวันอีสเตอร์, วันฉลองของนักบุญแอนโทนี่จะตกในวันพระจิตเสด็จลงมา(เพนเทคอสต์) และวันฉลองของนักบุญยอห์นจะตกในวันฉลองพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า Corpus Christi ทั้งโลกจะร้องไห้คร่ำครวญว่า อนิจจา" !'
 
“เวลาของแอนตี้ไครส์จะใกล้เข้ามาเมื่อมาตรวัดแห่งความยุติธรรมของพระเจ้าจะล้นปรี่และเมื่อความชั่วร้ายเติบโตมากมายมหาศาลจนเกินพิกัด เมื่อคริสตชนหลงไปชอบสิ่งนอกรีตนอกรอยและความอยุติธรรมเหยียบย่ำผู้รับใช้ของพระเจ้าให้อยู่ใต้เท้าของมัน”
 
“ในตอนปลายยุคนี้, แอนตี้ไครส์จะเกิดมา ในขณะที่พระคริสต์ทรงบังเกิดจากสตรีสูงส่งประเสริฐที่สุด เจ้าแอนตี้ไครส์จะเกิดจากสตรีที่ต่ำช้าที่สุด มันจะเป็นเด็กประหลาดตั้งแต่เกิด แม่ของมันจะเป็นผู้หญิงที่ถูกสาปแช่งซึ่งจะแสร้งทำเป็นคนรู้ดีในเรื่องทางวิญญาณ และพ่อของมันจะเป็นคนที่ถูกสาป จากเมล็ดพันธุ์ของคนต่ำช้านี้, ปีศาจจะเริ่มแผนของมัน”
 
“เวลาของแอนตี้ไครส์ผู้นี้, ซึ่งฉันรู้จักดี, มันจะมาเมื่อความชั่วช้าและความเลวทรามจะมีอยู่มากมายเกินกว่าที่จะวัดได้ เมื่อความอยุติธรรมจะถูกเติมเต็มจนล้นปรี่และความชั่วร้ายจะเพิ่มขึ้นจนเกินขอบเขต…. มันจะครองอำนาจในช่วงระยะเวลาสามปีและจะมีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกทั้งหมด…. “
 
นักบุญบริจิตได้ทำนายถึงปีที่จะเกิดเหตุการณ์การมาถึงของแอนตี้ไครส์หรือ?
 
By Michael H. Brown
 
เรื่องที่สอง
 
ผมได้พิจารณาถึงคำทำนายที่น่าประหลาดใจนี้ จากคำทำนายของนักบุญบริจิตนี้ที่บอกว่า "เมื่อวันฉลองของนักบุญมาร์โกจะตกในวันอีสเตอร์, วันฉลองของนักบุญแอนโทนี่จะตกในวันพระจิตเสด็จลงมา(เพนเทคอสต์) และวันฉลองของนักบุญยอห์นจะตกในวันฉลองพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า Corpus Christi ทั้งโลกจะร้องไห้คร่ำครวญว่า อนิจจา" !'
 
ผมไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรดีกับคำทำนายนี้และตามที่ผมได้พูดไว้ เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำทำนายนี้มาจากนักบุญบริจิตเอง เป็นที่น่าสนใจที่บางคนอ้างถึงวันที่ 24 มิถุนายน (ซึ่งเป็นวันที่ประจักษ์ครั้งแรกใน Medjugorje) และปี 2038 หนังสือของผมที่ชื่อ The Final Hour ผมได้คาดการณ์ว่าความลับของ Medjugorje จะคลี่คลายภายในปี 2040 (เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าปีนี้ แน่นอนว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน)
 
แต่เมื่อกลับไปที่คำทำนายของนักบุญบริจิต ผมได้ยินเรื่องบางอย่างจากบางคน
 
พวกเราบางคนทำการคำนวณทางคณิตศาสตร์เพื่อหาวันที่ตรงกับคำทำนายนี้ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากทีเดียวในการหาวันให้ตรงกันอย่างครบถ้วน ถึงแม้จะมีเครื่องมือทางปฏิทินด้วยก็ตาม
 
Dibby Green แห่งซานตาบาร์บาร่าแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า:“ ฉันพบว่ามีความซับซ้อนมากในการหาวันที่ตรงตามคำทำนายที่ว่า วันฉลองนักบุญมาร์โกตรงกับวันอีสเตอร์ วันฉลองนักบุญแอนโทนี (แห่งปาดัว) ตรงกับวันเพนเทคอสต์ และวันฉลองของนักบุญยอห์น(วันเกิดของนักบุญยอห์น บัพติส) ตรงกับวันฉลองพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า Corpus Christi
 
เราพอจะประมวลให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นบ้างดังนี้
 
วันพระจิตเสด็จลงมา(Pentecost) คือ 49 วันหลังวันอีสเตอร์
วันฉลองพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า (Corpus Christi) คือ 60 วันหลังวันอีสเตอร์หรือ 11 วันหลัง Pentecost
วันฉลองนักบุญมาร์โก = 25 เมษายน
วันฉลองนักบุญแอนโทนี = 13 มิถุนายนซึ่งเป็น 49 วันต่อมา
วันเกิดนักบุญยอห์น บัพติส = 24 มิถุนายนซึ่งคือ 11 วันต่อมาหรือ 60 วันหลังวันอีสเตอร์
 
เพราะฉะนั้นปีใดก็ตามที่วันอีสเตอร์ตรงกับวันที่ 25 เมษายน วันอื่นที่ตามมาก็จะอยู่ในปฏิทินข้างบน และตรงตามคำทำนาย
 
เมื่อใช้ปฏิทินเกรกอเรียนของทางพระศาสนจักรตะวันตกเป็นหลัก เราจะพบว่าปีที่วันอิสเตอร์ตรงกับวันที่ 25 เมษายนนั้นมีอยู่สองปีด้วยกัน คือ 2124 และ 2038

ดังนั้นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามคำทำนายของนักบุญบริจิตก็จะตกอยู่ในสองปีนี้
 
(หมายเหตุ – อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้แย้งในเรื่องนี้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงวันฉลองของนักบุญดังกล่าวข้างบนนี้ในยุคหลังของนักบุญบริจิต)

**************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น