Knights4Christ 01/12/2013
พระศาสนจักรต้องผ่านการทดสอบขั้นสูงสุด
ก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสตเจ้า
พระศาสนจักรต้องผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายที่สั่นสะเทือนความเชื่อของผู้มีความเชื่อจำนวนมาก
การเบียดเบียนตลอดระยะเวลาแห่งการเดินทางแสวงบุญบนโลกนี้จะเปิดเผยให้เห็น “ความลึกลับของความชั่ว”
ในรูปแบบของการหลอกลวงทางศาสนาที่ทำให้มนุษย์ดูเหมือนแก้ปัญหาของพวกเขาได้ แต่ต้องแลกด้วยการละทิ้งสัจจะธรรมของศาสนา
การหลอกลวงทางศาสนาขั้นสูงสุดก็คือแอนตี้ไครส์ ผู้ปรากฏมาเป็นพระเมสสิยาห์เท็จ นั่นคือมนุษย์ผู้หนึ่งได้ยกตัวเองขึ้นแทนที่พระเป็นเจ้าและพระผู้ไถ่
ผู้มารับเนื้อหนังเป็นมนุษย์ การหลอกลวงของแอนตี้ไครส์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วบนโลกนี้
ทุกครั้งในประวัติศาสตร์ที่มีผู้ที่ให้ความหวังลมๆแล้งๆแก่มนุษย์
พระศาสนจักรปฏิเสธรูปแบบต่างๆของกลุ่มเหล่านี้ที่ปรับตัวให้ดูน่านิยมภายใต้ชื่อว่า
ลัทธิสหัสวรรษ หมายเหตุ
(อังกฤษ:
Millenarianism หรือ Millenarism)
ลัทธิสหัสวรรษ คือความเชื่อของกลุ่มหรือขบวนการทางศาสนา สังคม
หรือการเมือง ที่เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นในสังคม
และหลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นสิ่งดี
ในคัมภีร์ไบเบิลระบุว่าช่วงเวลาที่สงบสุขจะยาวนานถึง 1,000
ปี จึงเป็นที่มาของชื่อแนวคิดนี้ว่า "ลัทธิสหัสวรรษ"
ลัทธิสหัสวรรษในประเทศจีนคือ ลัทธิบัวขาว เกิดในสมัยราชวงศ์หยวน
มีแนวคิดว่าโลกปัจจุบันเป็นยุคตกต่ำ
ประชาชนเดือดร้อนเป็นทุกข์จากการปกครองกดขี่ของภาครัฐ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
และพระเป็นเจ้าคือพระแม่องค์ธรรมจะส่งพระศรีอริยเมตไตรยลงมาเกิดเพื่อฉุดช่วยมวลมนุษย์จากความทุกข์ยาก
และสร้างสังคมที่ผาสุก มีคุณธรรม)
VATICAN
CITY, FEB. 28, 2007 (Zenit.org).
-
“แอนตี้ไครส์คือการลดทอนคริสตศาสนาให้กลายเป็นการบูชาอุดมการณ์อันสูงสุด
แทนที่การเคารพนับถือองค์พระผู้ไถ่” พระคาร์ดินัลผู้ทำการฟื้นฟูจิตใจได้กล่าว
โดยมีพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 รับฟังอยู่ด้วย
พระคาร์ดินัล
จิอาโคโม บิฟฟิ (Cardinal
Giacomo Biffi) ผู้เป็นอัครสังฆราชเกษียณของโบโลญญ่า
ได้บรรยายเพื่อการไตร่ตรองพิจารณาเรื่องนี้ในวันอังคารที่ 28 ก.พ. 2007
โดยอ้างอิงถึงผลงานของนักปรัชญาชาวรัสเซีย Vladimir Sergeyevich Solovyov.
พระคาร์ดินัล
กล่าวแก่ผู้ฟังโดยอ้างถึงผลงานของโซโลยอฟชื่อ “Three Dialogues on War, Progress and the End of History" ว่า “แอนตี้ไครส์ปรากฏตนเองเป็นผู้รักความสงบ
นักนิเวศวิทยา และนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ”
“เขาจะจัดการประชุมสภาโลกและหาวิธีแก้ปัญหาของคริสตชนทั้งหมด อนุญาติให้แต่ละคนประกอบพิธีมิสซาตามแบบของแอนตี้ไครส์
โดยยกเว้นให้กับคาทอลิกกลุ่มเล็กๆบางกลุ่ม หรือกลุ่มออร์โธดอกซ์ และโปรแตสแตนท์”
โซโลฟยอฟ
ยังเขียนในผลงานอีกว่า “วันนั้นจะมาถึงในพระศาสนจักร
เมื่อเขาจะลดความหมายของการไถ่กู้ให้เป็นเพียงคุณค่าในระดับหนึ่งเท่านั้น”
ไม่มีกางเขน
ในผลงานของเขาเรื่อง
“ตำนานของแอนตี้ไครส์” โซโลฟยอฟมองเห็นล่วงหน้าว่าจะมีกลุ่มคริสตชน คาทอลิก ออร์โธดอกซ์
และโปรแตสแตนท์ กลุ่มเล็กๆ ที่จะต่อต้านและกล่าวแก่แอนตี้ไครส์ว่า “ท่านให้ทุกสิ่งกับพวกเรา ยกเว้นสิ่งเดียวคือ พระเยซูคริสตเจ้า” ข้อความจากจดหมายของนักบุญเปาโล ถึง ชาวเธสะโลนิกา
เธสะโลนิกา ฉบับที่ 2 ข้อ 2
มนุษย์ผู้ชั่วร้าย
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
เรื่องการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น
เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจ
ไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้าหรือเพราะคำพูด
หรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว
อย่าให้ใครหลอกลวงท่านโดยวิธีใดเลย เพราะวันนั้นจะยังมาไม่ถึง จนกว่าจะเกิดการกบฏและมนุษย์ชั่วร้ายจะปรากฏตัวมารับความพินาศ
มนุษย์ชั่วร้ายผู้นี้จะยกย่องตนเองขึ้นเหนือพระเป็นเจ้า หรือ
สิ่งที่มนุษย์กราบนมัสการ
เพิ่อที่มันจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้าและประกาศว่ามันคือพระเจ้า
ท่านจำได้หรือไม่ว่า
ข้าพเจ้าเคยบอกเรื่องเหล่านี้ให้ฟังแล้วเมื่ออยู่กับท่าน
และบัดนี้ท่านก็รู้ว่าอะไรที่ขัดขวางมนุษย์ชั่วร้ายนี้ไว้
เพื่อที่มันจะปรากฏตัวตามเวลาที่กำหนด
เพราะอำนาจลึกลับของความชั่วร้ายได้ทำงานของมันอยู่แล้วอย่างซ่อนเร้น
แต่ผู้ที่ขัดขวางมันไว้จะขัดขวางมันจนกว่าจะถูกขจัดออกไป แล้วนั้นมนุษย์ชั่วร้ายก็จะเปิดเผยตนออกมา
และพระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทำลายมันด้วยลมจากพระโอษฐ์ของพระองค์
และจะทรงบดขยี้มันให้สูญสิ้นไปด้วยการเสด็จมาอันรุ่งเรืองของพระองค์
การมาของมนุษย์ชั่วร้ายจะเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของซาตาน
ที่แสดงออกเป็นการอัศจรรย์ มันจะแสดงฤทธิ์ทุกประการด้วย
เครื่องหมายและปาฏิหารย์ที่หลอกลวง
มนุษย์ชั่วร้ายนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วช้าทุกอย่างทำร้ายผู้ที่จะต้องพินาศไป
พวกเขาพินาศเพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรับความรักและความจริงอันจะทำให้พวกเขารอดพ้น
ด้วยเหตุนี้พระเป็นเจ้าจึงทรงส่งความหลงผิดที่ทรงพลังมาหลอกลวงพวกเขา
เพื่อว่าพวกเขาจะได้เชื่อในความเท็จ
ดังนั้นทุกคนที่ไม่ยอมเชื่อความจริงแต่พึงพอใจความชั่วร้ายจะถูกตัดสินลงโทษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น