วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การต่อสู้ของผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจยุคปัจจุบัน

(Rome)  ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจถือเป็นแนวหน้าในการสู้รบกับปีศาจโดยตรง  บุคคลผู้หนึ่งคือคุณพ่อ  ฟรานซิสโก  บามอนเต (Father Francesco Bamonte). เป็นผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจในสังฆมณฑลของพระสันตะปาปา  ท่านกล่าวว่า “พฤติกรรมของปีศาจในระหว่างพิธีชับไล่  บ่อยครั้งมันจะพูดถึงเรื่องการทำลายล้างสิ่งเหล่านี้คือ  ความสวยงาม  ความดี  สุขภาพ ความบริสุทธิ์  ความปรองดองกัน  ทั้งหมดนี้จะถูกมันเยาะเย้ยและต้องถูกมันทำลายให้สิ้นซาก”  บ่อยครั้งปีศาจโจมตีด้วยความเกลียดชังต่อศึลแต่งงาน  ต่อความรักความผูกพันในครอบครัว  “มันโจมตีอย่างรุนแรงต่อบุคคลที่ได้รับพระพรของศีลแต่งงาน  หรือต่อผู้ที่มาประกอบพิธีแต่งงานอย่างถูกต้องเสียใหม่”  คุณพ่อกล่าว

คุณพ่ออยู่ในคณะที่ตั้งขึ้นมาไม่นานนักชื่อ Servants of the Immaculate Heart of Mary  at (ICMS) ก่อตั้งในปี 1991  คุณพ่อ Bamote ได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1990 และตั้งแต่ปี 2012  ท่านก็ได้เป็นประธานของ Italian Association of Exorcists .

ทันทีที่เป็นพระสงฆ์ของคณะ  ท่านสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับศีลแห่งการสำนึกผิดกลับใจ  เพื่อจะนำมาช่วยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการทำเวทมนต์ไสยศาสตร์  ในปี 1997 ท่านเป็นสมาชิกของ the International Association of Exorcists  และตั้งแต่ปี 2005 ท่านเป็นอาจารย์สอนที่ Regina Apostolorum Pontifical University  ในโรม ท่านเป็นผู้สอนวิชา Exorcism and Deliverance Prayer  คามคำขอร้องของพระสังฆราชอิตาเลียนหลายท่าน  ท่านสอนสามเณรในเรื่องของลัทธิเวทมนต์และการทำพิธีขับไล่ปีศาจและเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำแก่ลูกศิษย์  ท่านยังช่วยสนับสนุนพระสงฆ์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระสังฆราชให้เป็นผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจด้วย

            หนังสือของคุณพ่อ  Bamonte “วิธีรู้จักบิดาแห่งการโกหก”

ในปี 2000 ท่านได้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ของท่านในการทำพิธีขับไล่ปีศาจชื่อ "What to do with Wizards? How to Free Yourself of the Superstition and Protect Against Fraud " (Cosa fare con questi maghi?); และอีกเล่มหนึ่งพิมพ์ในปี 2004 ชื่อ "Harmful Spiritualism. The Occult Work of the Evil in the Alleged Contacts with the Hereafter " (I danni dello spiritismo),   ในปี 2008 หนังสือชื่อ "The Fallen Angels. The Mystery of Evil in the Experience of an Exorcist ." และเล่มล่าสุดในปี 2010 "The Virgin Mary and the Devil in Exorcism."
 

ในการประชุมปี 2013 คุณพ่อกล่าวในที่ประชุมว่า “ในพิธีขับไล่  ที่ปีศาจมันต้องการคือให้มนุษย์นมัสการมันเป็นพระเจ้า  มันปฏิเสธไม่ยอมรับองค์พระผู้สร้าง  และทำตัวเลียนแบบพระเป็นเจ้าเสียเอง  มันต้องการให้มนุษย์กราบไหว้บูชามัน  ซึ่งเป็นกิจการที่มนุษย์ควรปฏิบัติต่อพระเป็นเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น  ในระหว่างพิธีขับไล่  มันพูดว่า “จงสวดภาวนาต่อข้า ข้าคือพระเจ้า  ข้าคือพระเจ้า จงคุกเข่าลง  เมื่อชื่อของข้าถูกป่าวประกาศ  จงร้องว่าข้าคือผู้ทรงอำนาจสูงสุด”  ในสถานการณ์นี้ผมได้สวดภาวนาตามหนังสือ Roman Ritual (titulus XII "De exorcizandis obsessis a doemonio") เลขที่ 20 ซึ่งแนะนำว่า  ให้เอ่ยพระวาจาของพระเยซูเจ้าขณะที่ทรงจำศีลอยู่ในทะเลทราย และคำพูดของนักบุญเปาโลในหนังสือถึงชาวฟิลิปปี

            ปีศาจต้องการให้มนุษย์นมัสการมัน “ข้าคือพระเจ้า”

พฤติกรรมของปีศาจอีกอย่างหนึ่งในระหว่างพิธีขับไล่คือ  มันมักจะพูดว่า “ต้องทำลายล้างและทำลายล้าง” ทุกๆสิ่งที่เป็นความดีอันได้แก่ “ความดี  ความงาม  สุขภาพ  ความบริสุทธิ์ ความปรองดองกัน” สิ่งเหล่านี้เป็นที่เกลียดชังของปีศาจ มันพยายามทำลายทุกสิ่ง  ด้วยพลังแห่งความเกลียดชังของมันต่อศีลแต่งงานและต่อครอบครัว  คุณพ่อเล่าถึงการทำพิธีครั้งหนึ่งปีศาจพูดกับท่านว่า”ข้าไม่ชอบวิธีการแต่งกายของผู้หญิง  แกต้องทำให้เธอโป๊มากกว่านี้เพื่อที่การทำผิดทางเพศจะได้แพร่หลายและข้าจะได้ทำลายชีวิตครอบครัวได้ง่าย” และอีกครั้งหนึ่งมันพูดว่า เรื่องทางเพศเป็น “จุดศูนย์กลางของโลก”  มันพูดด้วย “ความบ้าคลั่ง”  ถ้าคู่แต่งงานตัดสินใจที่จะประกอบพิธีอย่างถูกต้องและรักษาความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน  ปีศาจมันแช่งด่าการตัดสินใจในการเป็นผู้บริสุทธิ์และดีงามว่าเป็น “สิ่งโสโครก”  คุณพ่อบามอนเตอธิบาย

            “ข้าพยายามกินเด็กทารก” – การทำแท้งและการทำผิดประเวณี

ลักษณะพิเศษส่วนตัวของปีศาจอีกอย่างหนึ่งคือ”ความเกลียดชังอย่างเข้าไส้” “มันพึงพอใจความชั่วในทุกรูปแบบ” ในพิธีครั้งหนึ่งมันร้องว่า”จงดูในหนังสือวิวรณ์ที่น่ารังเกียจนี้  มันเขียนเกี่ยวกับสตรีผู้ให้กำเนิดบุตรชาย  ข้าพยายามกินเด็กเหล่านี้เสมอ  รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”  แล้วปีศาจก็อธิบายด้วยคำพูดที่น่าตกใจว่า  การฆาตกรรมเด็กทารกเป็นพันๆคนทุกวันด้วยการทำแท้งนั้น  มันจะบันทึกรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้  และการทำอนาจารเด็ก  มันก็บันทึกทุกอย่างไว้อย่างละเอียด  “ข้าสนุกสนานเป็นอย่างมาก”  คุณพ่อบามอนเต ยังกล่าวว่า  ปีศาจยังพูดถึงการที่เยาวชนเสพยาเสพติดและการพลีชีพด้วยระเบิดเพื่อฆ่าคนจำนวนมากของพวกอิสลามิก  บาปทั้งสองอย่างเป็นการทำลายตนเองของคนเหล่านั้น

การบิดเบือนและเยาะเย้ย “มาหาข้าสิ  ทุกคนที่ชอบพูดถากถางและรักสนุก”

“เป็นเรื่องน่าตกใจมาก  วิธีที่มันบิดเบือนทุกสิ่งทุกเรื่องให้กลายเป็นสิ่งตรงข้าม  มันเปลี่ยนความชั่วให้กลายเป็นความดี  และความดีให้กลายเป็นความชั่ว  เมื่อผมยื่นพระธาตุไปที่มัน  มันร้องตะโกนว่า “เหม็นอะไรอย่างนี้  นี่คือความรู้สึกของข้าเมื่อเห็นเขา”  มันหมายถึงพระเยซูคริสตเจ้า  มันเอ่ยพระนามของพระองค์ด้วยความเกลียดชัง  เมื่อผมยื่นสายประคำ  มันก็พูดว่า “สายโซ่ที่ถูกสาปมีกางเขนติดที่ปลาย”  เมื่อผมสาดน้ำเสกคนที่ถูกมันสิง  มันก็เกรี้ยวกราด “ข้าจะไม่ยอมถูกล้างด้วยน้ำนี้หรอก  มันเจ็บและร้อน”  เมื่อผมสวดเหนือคนที่ถูกสิงว่า  “พระเจ้าข้าโปรดอวยพระพรคนผู้นี้ด้วยเถิด”  ปีศาจสบถออกมาทันทีว่า “มันจะถูกสาปแช่ง  ข้าจะนำตัวมันไปนรก”  เมื่อใช้คำพูดในพระวรสารว่า  “จงมาหาเราเถิด  ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก  เราจะทำให้ท่านสดชื่น”  มันก็จะร้องว่า “ไม่  จงมาหาข้า  คนที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก  ข้าจะทำให้แกสดฃื่น”

เมื่อผมสวดว่า inimìce fidei, hostis, umani generis, adducto mortis' ตามคำสวดของพิธีขับไล่  เจ้าปีศาจมันก็จะแสดงความศรัทธาต่อความชั่วและเพื่อความชั่วว่า  “อำนาจของบาปจะเป็นพระแท่นของข้าและข้าจะบูชายัญวิญญาณของบุตรที่ต้องคำสาปของพวกเจ้าบนพระแท่นนี้  ข้าจะสาดเลือดของบุตรชายและบุตรสาวที่ต้องคำสาปของพวกเจ้า  มีพระเจ้าของผู้ที่เกลียดชัง  และนั่นคือพระเจ้าของพวกข้า”
ความเกลียดชังของมนุษย์ทำให้ข้ามีพลังเพิ่มขึ้น”

ปีศาจแสดงลักษณะที่แท้จริงของมันออกมาในระหว่างพิธีขับไล่  มันเปิดเผยธาตุแท้ของมัน  มันเป็นผู้ที่พยายามทำให้มนุษย์แตกแยกและต่อสู้กันเอง  มันมีความสนุกสนานและมีความสุขมากเมื่อเห็นความเกลียดชังกันในระหว่างมนุษย์  มันต้องการให้มนุษย์กล่าวหากันและทะเลาะกัน  “นี่เป็นอาหารที่เพิ่มพลังให้กับข้า” มันพูดขึ้นทันที

คุณพ่อเล่าต่อ “หลายครั้ง  ผมได้ยินปีศาจพูดในเรื่องที่สอดคล้องกับคำสอนของพระศาสนจักรว่า  ความชั่วเป็นการตัดสินใจด้วยจิตใจอิสระของมนุษย์  มันยังพูดว่า  มันไม่สามารถทำอะไรที่ขัดแย้งกับจิตใจอิสระของมนุษย์ได้  เพราะมันเป็นการต่อสู้กับพระหรรษทานที่พระเป็นเจ้าประทานให้แก่มนุษย์  เพราะฉะนั้น  มันจึงอธิบายอย่างชัดเจนหลายต่อหลายครั้ง  มันคือผู้ล่อลวงผู้ยิ่งใหญ่  มันต้องการล่อลวงมนุษย์ทุกคนตลอดเวลา  หน้าที่ของมันคือการล่อลวง  ตลอดเวลา  แก่มนุษย์ทุกคน  ทุกสถานที่และในทุกสถานการณ์  มนุษย์บางคนถูกจับอยู่ในตาข่ายของมัน  บางคนอยู่ในนั้นตลอดนิรันดร”

            พลังอำนาจแห่งการสวดภาวนาและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

คุณพ่อได้พิสูจน์ในทันทีถึงพลังอำนาจของการสวดภาวนา  ท่านกล่าวว่า “พิธีขับไล่ปีศาจเป็นพิธีกรรมและการสวดภาวนาของพระศาสนจักร  ผู้ทำพิธีขับไล่ไม่ได้ทำด้วยตัวของเขาเอง  แต่ทุกๆอย่างถูกกระทำในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าและของพระศาสนจักร  เมื่อเราได้เห็นว่าพิธีกรรมนี้ทำให้ปีศาจทรมานและถูกทำลาย  เราก็จะรู้ว่า  พิธีกรรมอื่นๆของพระศาสนจักรและการสวดภาวนานั้นทำให้เราได้รับพระหรรษทานที่ทรงพลังมากสักเพียงไร  และนี่ควรเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราสวดภาวนามากขึ้น และไปร่วมพิธีมิสซาบ่อยๆด้วย

ในพิธีขับไล่ปีศาจครั้งหนึ่ง  ปีศาจมันยอมรับกับผมว่า “มันถูกพระเป็นเจ้าบังคับ”  และพูดอีกว่า”ถ้ามนุษย์จะคุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์พระองค์และกราบนมัสการพระองค์และขับร้องเพลงสรรเสริญพระองค์  ดังเช่นที่เหล่าทูตสวรรค์กระทำแล้ว  พวกข้าจะไม่มีพลังอำนาจใดๆซึ่งพวกเจ้ามอบให้แก่พวกเข้าเหลืออีกเลย”
----------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น