วันที่ 1 พ.ย. 1937
หลังจากเวลาผ่านไป 20 ปีที่แม่พระทรงประจักษ์ที่ฟาติมา (ที่ฟาติมาปี
1917) แม่พระก็ได้มาประจักษ์แก่เด็ก 4
คนที่หมู่บ้านฮีด ในประเทศเยอรมนี ในเวลานั้นชาวบ้านในหมู่บ้านฮีดเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กๆซึ่งเมื่อก่อนเป็นคนซุกซนสนุกสนาน
กลับเป็นคนที่ชอบสวดภาวนาเป็นเวลานานนับชั่วโมงเพื่อรอการประจักษ์มาของแม่พระอีกครั้งหนึ่ง คุณพ่ออธิการของโบสถ์และบรรดาชาวบ้านไม่ได้เชื่อเรื่องการประจักษ์นี้เป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็ยอมรับในความจริง ผู้คนจำนวนมากในเมืองที่อยู่ใกล้ๆต่างพากันมาที่หมู่บ้านฮีด เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดไป แต่ขณะนั้นฮิตเลอร์กำลังปกครองเยอรมนีและตำรวจเกสตาโปพยายามหยุดเหตุการณ์นี้ พวกเขาเชื่อว่าเรื่องการประจักษ์นี้เป็นเรื่องเหลวไหล เกสตาโปพาเด็กไปอยู่ที่โรงพยาบาลบ้าและห้ามการแสวงบุญ หลายสัปดาห์ต่อมา
เด็กก็ได้รับการปล่อยตัวแต่ยังคงถูกห้ามไปใกล้กับสถานที่ประจักษ์ แต่แม่พระรวมทั้งพระเยซูเจ้าด้วยทรงมาประจักษ์แก่เด็กในสถานที่อื่น
สาส์นของแม่พระที่หมู่บ้านฮีดมีความคล้ายกันกับสาส์นของฟาติมา แม่พระทรงตรัสแต่เพียงเล็กน้อย ทรงประจักษ์พร้อมพระเยซูกุมาร ทรงยิ้มให้แก่เด็กๆซึ่งทำให้เด็กเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีในความงามของพระนาง
แม่พระทรงกล่าวย้ำเกี่ยวกับการสวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระที่น่าสงสาร เด็กๆเห็นแม่พระครั้งแรกในสุสานระหว่างทางที่พวกเขากำลังเดินไปที่โบสถ์เพื่อรับพระคุณการุณย์สำหรับอุทิศแก่วิญญาณในไฟชำระ วันที่ 5 เม.ย. 1939
เด็กคนหนึ่งถามแม่พระว่าจะให้เรียกแม่พระในฐานะอะไร แม่พระตรัสว่า “ในฐานะราชินีแห่งจักรวาลและราชินีของวิญญาณในไฟชำระ” แม่พระยังทรงขอให้มีการสวดบทเร้าวิงวอนของแม่พระแห่งลอเร็ตโตด้วย
พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประจักษ์แก่เด็กคนหนึ่งชื่อ
Greta
Gansforth ทรงให้พระดำรัสเตือนที่เศร้าและจริงจัง
“มนุษยชาติไม่ยอมฟังวาจาของพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของเรา
เมื่อพระนางทรงประจักษ์ที่ฟาติมาและขอให้มนุษย์สำนึกผิดกลับใจ
เวลานี้เราจึงมาด้วยตัวของเราเองในชั่วโมงสุดท้ายเพื่อเตือนและขอร้องมนุษยชาติ เวลากระชั้นชิดแล้ว มนุษย์ต้องสำนึกผิดในบาปของพวกเขาและสวดภาวนา
สวดภาวนามากๆเพื่อพระพิโรธของพระเป็นเจ้าจะเบาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จงสวดสายประคำบ่อยๆ การสวดสายประคำมีพลังอำนาจมากต่อพระเป็นเจ้า ความสนุกสนานและความพึงพอใจตามประสาโลกจะต้องถูกเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น
โดยรอยแผลที่หลั่งโลหิตออกมาในเวลานี้
พระเมตตาจึงได้รับชัยชนะต่อพระยุติธรรมอีกครั้งหนึ่ง ผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องไม่หลับใหลในเวลานี้เหมือนดังเช่นสานุศิษย์ของเราบนภูเขาโอลิเว็ต พวกเขาควรสวดภาวนาโดยไม่หยุดหย่อนและรับพระคุณที่พวกเขาสามารถรับได้สำหรับตัวเขาเองและสำหรับผู้อื่นด้วย
เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ถูกเตรียมไว้แล้ว มันจะเป็นเหตุการณ์ที่น่าตระหนกซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่สร้างโลก
ทุกคนที่อยู่ในช่วงเวลานั้นจะได้รับความทุกข์ลำบากเป็นอันมาก
หลายคนจะเป็นมรณสักขีและจะเป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับการฟื้นฟูบูรณะพระศาสนจักร
พวกเขาจะได้รับสิทธิพิเศษในการมีส่วนร่วมกับการถูกจับกุมและการถูกโบยตีของเรา ในมงกุฎหนามและหนทางแห่งกางเขน
พระนางพรหมจารีย์มารีย์และบรรดาทูตสวรรค์จะเข้าร่วมในระหว่างเหตุการณ์เหล่านี้ นรกมั่นใจว่ามันจะเก็บเกี่ยวผลได้อย่างแน่นอน แต่เราจะยึดมาจากมัน หลายคนพูดจาผรุสวาทต่อเราในเวลานี้
แต่ความทุกข์เวทนาเหล่านี้จะมาเหนือมนุษยชาติเพื่อที่พวกเขาจะได้รับการช่วยให้รอด.....
เราจะมาพร้อมด้วยสันติสุขของเรา โดยอาศัยมีผู้มีความเชื่อเพียงเล็กน้อย เราจะสร้างอาณาจักรของเรา อาณาจักรของเราจะมาถึงเหมือนสายฟ้าแลบ....รวดเร็วเกินกว่าที่มนุษยชาติจะตระหนักรู้ เราจะให้แสงพิเศษแก่พวกเขา สำหรับบางคนแสงนี้จะเป็นพระพร สำหรับบางคนจะเป็นความมืดมิด
แสงจะมาเหมือนดวงดาวที่นำทางให้แก่นักปราชญ์ มนุษยชาติจะมีประสบการณ์ความรักและฤทธานุภาพของเรา
เราจะแสดงพระเมตตาและพระยุติธรรมของเราแก่พวกเขา ลูกๆที่รักทั้งหลายของเรา ชั่วโมงนั้นมาอยู่ใกล้มากแล้ว จงสวดภาวนาโดยไม่หยุดหย่อนเถิด”
วันที่ 3 พ.ย. 1940 เด็กๆได้เห็นแม่พระเป็นครั้งสุดท้าย พระนางประจักษ์แก่พวกเขาในสุสาน ทรงตรัสว่า “จงเป็นคนดีและปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า สวดภาวนาบ่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวดสายประคำ
เวลานี้แม่ขอลาก่อน
ลูกๆของแม่
จนกว่าเราจะได้พบกันในสวรรค์”
เด็กๆร้องว่า “พระแม่
เราขอขอบพระคุณพระแม่”
เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ว่า
วาติกัน ปฏิเสธหรือแม้แต่ตำหนิการประจักษ์ที่ฮีด
ขณะที่ยังไม่มีการตัดสินอย่างเป็นทางการในเรื่องเกี่ยวกับการประจักษ์และสาส์น พระสังฆราช Osnabrück
ได้รับรายงานในทางบวกจากพระสงฆ์สององค์ที่ท่านส่งไปตรวจสอบ มีการตอบสนองในทางที่ดีของประชาชนและพระสงฆ์ในสังฆมณฑลนั้น ที่มีต่อเด็กๆผู้ได้รับการประจักษ์
(มีการประกาศห้ามเต้นรำในที่สาธารณะในวันที่ 21 ต.ค. 1945 เพื่อตอบสนองต่อคำเตือนของพระเยซูเจ้า)
พระสงฆ์ที่พระสังฆราชส่งไปประจำโบสถ์ในระยะเริ่มต้นของการประจักษ์ได้ประกาศยืนยันว่า
“มีข้อพิสูจน์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในความเป็นจริงที่เชื่อถือได้ในการประจักษ์ครั้งนี้” การแสวงบุญและความศรัทธาต่อแม่พระแห่งฮีด
ได้รับอนุญาติให้กระทำได้
วันที่ 13 พ.ค. 1917 แม่พระทรงประจักษ์ครั้งแรกที่ฟาติมา
วันที่ 1 พ.ย. 1937 แม่พระทรงประจักษ์ครั้งแรกที่ฮีด 20 ปี หลังจากที่ฟาติมา
------------------------------------------------------------------------------------------
ความทุกข์เวทนานั้นก็คือ สงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนตายประมาณ 75 ล้านคน การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวด้วยการรมก๊าซ การเบียดเบียนพระศาสนจักร พระสงฆ์ นักบวช ถูกประหารชีวิต ฯลฯ
ตอบลบแสงพิเศษ อาจหมายถึง พระสันตปาปายอห์นที่ 23 ผู้ทรงประกาศพระสังคยานาวาติกันครั้งที่ 2 และ พระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 ผู้เป็นแบบอย่างแห่งความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ทั้งสองพระองคืทรงเป็นเหมือนแสงสว่างนำทางให้กับมนุษย์