คุณพ่อกาเบรียล
เอมอร์ท Fr
Gabriele Amorth เป็นพระสงฆ์ผู้พิธีขับไล่ปีศาจแห่งกรุงโรม
ท่านเคยทำพิธีนับร้อยครั้งในหลายปีที่ผ่านมา ท่านเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีชื่อ An Exorcist Tells His Story
และ An Exorcist: More Stories. บทความข้างล่างนี้กล่าวถึง “อำนาจของซาตาน”
โดยนำมาจากหนังสือ An Exorcist Tells His Story (pages 25-36)
ซาตานซึ่งถูกปราบลงโดยพระคริสตเจ้า
ยังคงต่อสู้กับผู้ที่ติดตามพระคริสตเจ้า
สงครามต่อสู้กับจิตที่ชั่วร้าย “เริ่มต้นตั้งแต่จุดกำเนิดของโลก และจะดำเนินต่อไปจนถึงวันสุดท้าย
เพราะพระเป็นเจ้าทรงยืนยัน” (no. 37). ในช่วงเวลานี้
มนุษย์ทุกคนต้องตื่นตัวเสมอและสำนึกว่ากำลังอยู่ในสงคราม
เพราะชีวิตบนโลกนี้นั้นเป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า “เพราะฉะนั้น เราจึงพยายามทำให้พระเป็นเจ้าพอพระทัยในทุกสิ่ง”
(cf 2 Cor 5:9). เราต้องสวมเสื้อเกราะของพระเป็นเจ้าเพื่อที่จะได้ต้านทานและต่อสู้กับเล่ห์กลของปีศาจได้ เราจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในวันแห่งความชั่วร้าย....เพราะก่อนที่เราจะได้ปกครองพร้อมกับพระคริสตเจ้าในสิริรุ่งโรจน์ เราทุกคนจะถูกนำไปอยู่เบื้องหน้าการพิพากษาของพระคริสตเจ้า
เพื่อที่แต่ละคนจะได้รับรางวัลในชัยชนะของเขาที่มีต่อร่างกาย ตามผลงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่ว” (2 Cor
5: 10)" (Lumen Gentium, no. 48).
สงครามต่อสู้กับซาตานนี้เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคนและดำเนินอยู่ตลอดเวลา อำนาจของซาตานนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆในประวัติศาสตร์ เมื่อบาปของสังคมเกิดขึ้นอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น
เมื่อพ่อมองไปยังอาณาจักรโรมัน
พ่อสามารถเห็นถึงความเสื่อมทางจิตใจของมนุษย์ในสมัยนั้นจากประวัติศาสตร์
เวลานี้เราก็อยู่ในสถานะไม่แตกต่างจากสมัยนั้นมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราใช้สื่อสารมวลชนในทางที่ผิด
(สื่อสารมวลชนไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดในตัวของมันเอง) และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะลัทธิบริโภคนิยมและวัตถุนิยมจากทางตะวันตก
ซึ่งเป็นพิษภัยแก่สังคมโลกของเรา
พ่อเชื่อว่าพระสันตะปาปาเลโอที่ 13
ได้รับคำทำนายจากนิมิตของพระองค์
ซึ่งเตือนให้รู้ถึงการโจมตีของปีศาจในยุคสมัยของพวกเรานี้ ปีศาจต่อสู้กับพระเป็นเจ้าและองค์พระผู้ไถ่ของเราอย่างไรหรือ?
ก็โดยการทำให้มนุษย์บูชามันเป็นพระเจ้าและโดยการทำให้สถาบันคริสตศาสนาเป็นที่ดูหมิ่นเยาะเย้ย เพราะฉะนั้น
มันจึงเป็นปรปักษ์พระคริสต์ และ เป็นปรปักษ์ของพระศาสนจักร ซาตานใช้เซ็กส์ให้เป็นเหมือนการบูชารูปเคารพ ซึ่งเป็นการลดคุณค่าร่างกายของมนุษย์ ทำให้ร่างกายมนุษย์เป็นเครื่องมือในการทำบาป
มันต่อสู้กับการบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงไถ่กู้มนุษย์และเสด็จมาเป็นมนุษย์ ซาตานใช้โบสถ์ของมัน เวทมนตร์คุณไสยต่างๆ ใช้ผู้ที่ศรัทธาในมันและเคารพบูชามัน ใช้ผู้ที่ติดตามคำสัญญาของมัน ในการดูหมิ่น การนมัสการพระเป็นเจ้า เหมือนเช่นที่พระคริสตเจ้าทรงประทานอำนาจแก่อัครสาวกและผู้ติดตามอื่นๆในการช่วยทำให้เกิดความดีต่อร่างกายและวิญญาณของมนุษย์ ดังนั้นซาตานจึงมอบอำนาจของมันแก่ผู้ที่ติดตามมัน เพื่อทำลายร่างกายและวิญญาณของมนุษย์
เราจะอธิบายเรื่องนี้เป็นพิเศษเมื่อพูดต่อไปในเรื่องของพ่อมดหมอผี
พ่อจะพูดบางเรื่องที่เกี่ยวกับหัวข้อนี้ เช่นเดียวกับความผิดพลาดในการปฏิเสธการมีอยู่จริงของซาตาน เป็นความผิดพลาดด้วยเช่นกันที่ยอมรับความคิดซึ่งแพร่หลายไปทั่วที่ว่ามีจิตวิญญาณอื่นซึ่งไม่ได้มีระบุไว้ในพระคัมภีร์ มีการประดิษฐ์จิตวิญญาณใหม่ขึ้นมา โดยผู้ที่นิยมเวทมนคร์
หรือโดยผู้ที่มีจินตนาการซึ่งเชื่อเรื่อง “วิญญาณเร่ร่อน” (เช่นมนุษย์หมาป่า แวมไพร์ กระสือ กระหัง ฯลฯ)
ไม่มีจิตวิญญาณที่ดีอื่นอีกนอกจากเทวดาในสวรรค์
และไม่มีจิตวิญญาณที่เลวอื่นอีกนอกจากปีศาจ สังคายนาสองครั้งของพระศาสนจักร (ที่ลียอง และ
ฟลอเรนส์) บอกเราว่า
วิญญาณของผู้ตายจะไปสวรรค์ทันทีหรือไปนรก
หรือไปไฟชำระ
วิญญาณของคนตายที่ปรากฏในร่างทรง
หรือวิญญาณคนตายที่สิงในร่างคนที่มีชีวิตเพื่อทรมานเขานั้น มิใช่อะไรอื่นแต่เป็นปีศาจ การที่พระเป็นเจ้าทรงอนุญาตให้วิญญาณกลับมายังโลกนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ยกเว้นบางกรณี
แต่เราต้องตระหนักว่ายังมีบางเรื่องที่เราไม่รู้
คุณพ่อ La Grua ได้พยายามอธิบายประสพการณ์ของท่านเกี่ยวกับบางคนที่ถูกปีศาจสิง
แต่พ่อขอย้ำว่าเรื่องนี้ยังต้องมีการศึกษากันต่อไป
และพ่อจะพูดถึงเรื่องนี้ในหนังสือเล่มอื่นของพ่อ
บางคนรู้สึกอัศจรรย์ใจในความสามารถของปีศาจในการล่อลวงมนุษย์หรือการเข้าครอบครองร่างกาย
(แต่มันไม่สามารถเข้าสิงร่างกายได้เว้นแต่มนุษย์จะยินยอม) ด้วยการเข้าสิงและทรมานผู้ที่มันเข้าสิง เราต้องจำไว้ว่ามีเขียนในพระคัมภีร์วิวรณ์ว่า (12:7, etc.): “เกิดสงครามในสวรรค์ มีคาแอลและเทวดาของท่านสู้รบกับมังกร มังกรกับพรรคพวกของมันก็ต่อสู้ด้วย
แต่พวกมันพ่ายแพ้และไม่มีที่อยู่ต่อไปในสวรรค์ แล้วมังกรใหญ่ถูกโยนลงไป เจ้างูโบราณ ซึ่งถูกเรียกว่าปีศาจและซาตาน เป็นผู้ล่อลวงโลกทั้งมวล มันถูกโยนลงไปบนแผ่นดินโลก พรรคพวกของมันก็ถูกโยนลงไปพร้อมกับมันด้วย...และเมื่อมังกรเห็นว่ามันถูกโยนลงมาบนโลก มันจึงไล่ติดตามหญิงนั้น” ซึ่ง “ทรงอาภรณ์เหมือนดวงอาทิตย์” ผู้ทรงให้กำเนิดพระเยซูเจ้า (แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงแม่พระ) เมื่อมังกรตระหนักว่าความพยายามของมันล้มเหลว “มันจึงออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธ์ทั้งหลายของหญิงนั้น
คือผู้ที่ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าและเป็นพยานของพระคริสตเจ้า”
ระหว่างวันที่ 24 พ.ค. 1987
พ่อได้ไปเยี่ยมอาสนวิหารนักบุญมีคาแอล
พระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 เคยตรัสว่า “สงครามต่อสู้กับปีศาจ เป็นงานหลักของนักบุญมีคาแอล และยังคงมีการต่อสู้กันอยู่ในทุกวันนี้ เพราะปีศาจยังคงมีชีวิตอยู่และมันทำงานอย่างหนักในโลก ความชั่วร้ายอยู่ล้อมรอบพวกเราในทุกวันนี้
ความไม่เป็นระเบียบแพร่ระบาดไปในสังคมของเรา จิตใจมนุษย์ไม่มีความมั่นคงและแตกสลายไม่ใช่เพราะผลสืบเนื่องจากบาปกำเนิดเท่านั้น
แต่เป็นผลมาจากการทำงานของพลพรรคซาตานและความมืดมิดด้วย”
คำพูดประโยคหลังนี้อ้างถึงอย่างแน่ชัดในคำสาปแช่งของพระเป็นเจ้าต่องูร้าย
Genesis
(3:15): “เราจะทำให้เกิดความเป็นศัตรูกันระหว่างเจ้ากับหญิงนั้น
ระหว่างพงศ์พันธ์ของเจ้าและพงศ์พันธ์ของนางด้วย บุตรของนางจะเหยียบหัวของเจ้าและเจ้าจะขบส้นเท้าของเขา” ซาตานยังอยู่ในนรกหรือเปล่า?
สงครามระหว่างเทวดาและปีศาจเกิดขึ้นเมื่อไร? เราไม่สามารถให้คำตอบนี้ได้ เว้นแต่เราจะจำไว้ว่า
นรกเป็นสถานะทางจิตมากกว่าเป็นสถานที่
สถานที่และเวลาเป็นมุมมองที่แตกต่างกันสำหรับจิตวิญญาณ
พระคัมภีร์วิวรณ์บอกเราว่า
ปีศาจถูกโยนลงมาบนโลก เพราะฉะนั้น
การสาปแช่งของพวกมันได้บังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและไม่อาจถอนกลับคืนได้
หมายความว่าพวกมันยังคงมีอำนาจซึ่งพระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่พวกมัน แต่
“เพียงช่วงเวลาสั้นๆ”
ด้วยเหตุนี้มันจึงถามพระเยซูเจ้าว่า “พระองค์เสด็จมาเพื่อทรมานพวกเราก่อนถึงเวลาหรือ?
(มท. 8:29)
พระคริสต์จะทรงพิพากษา
พระองค์จะทรงรวบรวมมนุษย์ให้เข้ามาสู่พระกายทิพย์ของพระองค์
และนี่จะเป็นการอธิบายความหมายคำพูดของนักบุญเปาโลในบทจดหมายถึงชาวโครินทร์
“เพราะเราต้องพิพากษาเทวดา (ตกสวรรค์)เหล่านั้น”
(I
Cor 6:3). เมื่อ “กองทัพ”
ของปีศาจเข้าสิงชายที่เกราซา
มันวิงวอนต่อพระเยซูเจ้าว่า “โปรดอย่าสั่งให้พวกเราไปยังขุมนรกเลย” (ลก. 8:23-32)
พวกมันต้องการรักษาอำนาจของพวกมันไว้
สำหรับปีศาจ ในการละจากผู้ที่มันสิง
หมายถึงมันจะต้องไปอยู่ในนรกและถือเป็นคำพิพากษาให้ไปสู่ความตายที่ไม่อาจถอนกลับคืนได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ปีศาจพยายามดิ้นรนจนวินาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม
ความเจ็บปวดทรมานก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับความเจ็บปวดที่มันทรมานมนุษย์บนโลกนี้ด้วยเช่นกัน น.เปโตรบอกกับเราว่า
ปีศาจยังไม่ได้ถูกพิพากษาในขั้นสุดท้าย “เมื่อเทวดาทำบาป พระเป็นเจ้ายังมิได้ทรงลงโทษพวกมันทันที พระองค์ทรงส่งพวกมันไปยังใต้พื้นพิภพ และกักขังมันไว้ในถ้ำที่มืดมิดใต้แผ่นดินโลก จนกว่าจะถึงวันแห่งการพิพากษา” (2 Pet 2:4). ศักดิ์ศรีอันรุ่งโรจน์ของเทวดาที่ดีก็จะเพิ่มมากขึ้นจากการกระทำดีของท่านด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นการเหมาะสมที่เราจะขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น