วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

วิวัลดี



                   ชื่อ วิวัลดิ อาจไม่เป็นที่คุ้นหูนักสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับนักดนตรีและผู้ประพันธ์เพลงชั้นสูงคงต้องพอรู้จักบ้าง เพลงจากวีดีโอนี้เป็นเพลงที่วิวัลดิแต่งขึ้นชื่อว่า “The Four Seasons  เป็นเพลงที่ไพเราะเพลงหนึ่งและเป็นที่รู้จักกันดี วิวัลดิ เป็นนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลกของดนตรี  นอกจากการประพันธ์เพลงแล้ว วิวัลดิ ยังมีชีวิตฝ่ายจิตที่ลึกซึ้งด้วย

วิวัลดี มีชื่อเต็มว่า อันโตนีโอ ลูซีโอ วิวัลดี  Antonio Lucio Vivaldi ท่านเป็นพระสงฆ์คาทอลิก

มิกกี้ ไวท์ นักวิจัยชาวอังกฤษกล่าวกับทางสำนักข่าว CAN (Catholic news agency) ว่า

 “เพลง The Four Seasons ของวิวัลดิ เป็นเพลงที่มีความแปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง มันมีสไตล์ที่ทันสมัย ไม่เหมือนเพลงในสมัยของเขา วิวัลดิเป็นพระสงฆ์ที่มีชีวิตจิตที่ลึกซึ้งและได้แสดงออกมาในเพลงของเขา บาคห์ไม่ใช่พระสงฆ์  โมสาร์ทไม่ใช่พระสงฆ์ และบีโธเฟนก็ไม่ใช่พระสงฆ์”

เมื่อฟังเพลงของวิวัลดิ ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความศรัทธามาก คุณจะรู้สึกได้

มิกกี้สนใจชีวิตของวิวัลดี เธอได้ไปที่เวนิสเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับชีวิตของวิวัลดี จนเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ เธอได้แต่งหนังสือชื่อ "Antonio Vivaldi: A Life in Documents," ซึ่งเป็นผลพวงจากการวิจัยค้นคว้าของเธอ และเธอยังได้เป็นที่ปรึกษาการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิตของวิวัลดี ในหัวข้อเรื่อง "Viva Vivaldi: The Four Seasons Mystery."

นิทรรศการจัดขึ้นที่หลังอาสนวิหาร St. Mark's Basilica ในเวนิส มีวีดีโอจอยักษ์ มีเสียงเพลงและฉากประกอบที่มีกลิ่นหอมและสายลมพัดผ่าน  งานจัดขึ้นในวันที่ 13พ.ค. ที่พิพิธภัณฑ์ the Diocesan Museum และจัดไปจนถึงปี 2018

อันโตนีโอ ลูซิโอ วีวัลดี (Antonio Lucio Vivaldi) เกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1678 ที่เมืองเวนีส ประเทศอิตาลี เขาเป็นเป็นนักแต่งเพลงและนักเล่นไวโอลินชื่อดังในสมัยบาโรก นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์และพระสงฆ์คาทอลิกอีกด้วย วิวัลดีได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแต่งเพลงในยุคบาโรกที่ดีที่สุด อิทธิพลของเขาในขณะที่มีชีวิตอยู่ครอบคลุมไปทั่วทั้งยุโรป คนส่วนใหญ่รู้จักเขาจากการที่เขาแต่งเพลงให้กับเครื่องดนตรีประสานเสียง สำหรับไวโอลินและเครื่องดนตรีอื่นๆอีกมากมาย ตลอดจนแต่งเพลงที่ใช้ในพิธีกรรมทางด้านศาสนา และละครเพลงกว่าสี่สิบองก์ ผลงานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเขาคือซีรีย์ของเพลงประสานเสียงไวโอลิน ที่รู้จักในชื่อ “The Four Seasons”

เมื่ออายุ 15 ปี วิวัลดีเริ่มต้นศึกษาเป็นพระสงฆ์ และได้บวชในปี 1703 เมื่ออายุ 25 ปี ไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนไวโอลินให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ Pio Ospedale della Pieta (โรงพยาบาลแห่งเมตตาธรรม)

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้จัดตั้งขึ้นในปี 1492 โดยนักบวชที่ยากจนท่านหนึ่ง ให้เป็นบ้านสำหรับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง  เด็กหญิงได้รับการสอนในเรื่องดนตรี มีการจัดตั้งวงออร์เคสตราหญิงล้วนขึ้นมาโดยวิวัลดีนี้เอง วงออร์เคสตร้าหญิงล้วนนี้ได้กลายเป็นวงออร์เคสตร้าที่มีเอกลักษณ์ที่สุดวงหนึ่งในสมัยนั้น จนสามารถดึงดูดเศรษฐีชาวต่างชาติมาชมการแสดงได้มาก

วิวัลดีมีสุขภาพที่ไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก  เขาเป็นโรคหอบหืดค่อนข้างหนัก  และทำให้วิวัลดีเขียนจดหมายถึงผู้ใหญ่ขอพักฟื้น และงดเว้นการประกอบพิธีมิสซาและงานอภิบาลด้านศาสนาเนื่องจากอาการแน่นหน้าอก

ตามคำบอกเล่าของมิกกี้ “เป็นเรื่องลำบากมากสำหรับวิวัลดีในการของดเว้นการประกอบพิธีมิสซา เพราะเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะทำมากที่สุด  เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง และเขายังขอไม่รับเงินเดือนอีกด้วย”

มิกกี้กล่าวว่า “เป็นเรื่องงี่เง่ามากเกี่ยวกับคำร่ำลือที่ว่า วิวัลดีถูกไล่ออกจากการเป็นพระสงฆ์”

เธอยังกล่าวว่า คำร่ำลือที่ว่าวิวัลดีไม่พอใจวงออร์เคสตราหญิงในปี 1715 เพราะเหตุที่เขาถูกไล่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น “นอกจากไม่เป็นความจริงแล้ว ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกด้วย”

วิวัลดีไม่ได้กลับมาทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในปี 1723 ทั้งๆที่มีการออกเสียงให้เขากลับมา  แต่เด็กหญิงหลายคนยังคงอยู่กับวงออร์เคสตรา และบางคนอยู่จนอายุถึง 70 ปี และ 80 ปีด้วย 

มิกกี้กล่าวว่า “การค้นคว้าวิจัยเป็นเรื่องของความจริง ไม่ใช่เรื่องที่มาจากความคิดเห็นหรือจากคำร่ำลือ มันเป็นเรื่องที่มาจากความจริง”

เธอกล่าวว่า ความเป็นพระสงฆ์ของวิวัลดีเป็นสิ่งจำเป็นในงานเพลงของเขา  แม้แต่ในระยะที่เขาได้งดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทางพิธีกรรมแล้วก็ตาม  วิวัลดีไม่เคยหยุดการเป็นพระสงฆ์ของเขาเลย เหมือนที่มีคำพูดว่า “เมื่อเป็นพระสงฆ์แล้ว ก็เป็นตลอดชีวิต”

มิกกี้ย้ำว่า “เขาได้รับการบวช  เขาเป็นพระสงฆ์ตลอดชีวิต และชีวิตฝ่ายจิตของเขาแสดงออกมาในเพลงของเขา”

ถึงแม้จะมีสุขภาพที่ไม่ดีนัก วิวัลดี ก็แสดงถึงความก้าวหน้าในความเป็นนักดนตรีของเขา เขายังคงประพันธ์เพลงหลายเพลง  และได้รับเชิญให้ไปแสดงในสถานที่หลายแห่งในอิตาลีและยุโรป เขาเดินทางบ่อยมาก

ในปี 1722 วิวัลดีได้ไปที่กรุงโรม และได้รับเชิญให้แสดงดนตรีต่อหน้าพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 13

เพลง The Four Seasons, ถูกแต่งขึ้นในปี 1721

เพลงใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเป็นอีกแนวหนึ่งซึ่งแสดงออกถึงความเชื่อของวิวัลดี เพลงเหล่านี้เช่น Gloria, the Credo, the Stabat Mater, the Magnificat, Dixit Dominus และ Laetatus sum  ในบรรดาเพลงเหล่านี้ เพลง Laetatus sum ถูกแต่งขึ้นในปี 1691 ขณะที่วิวัลดีมีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น  และยังมีอีกหลายเพลงของวิวัลดีที่สูญหายไป

วิวัลดีย้ายไปอยู่ที่ออสเตรีย หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิชาร์ลที่ 6 และได้ถวายผลงาน 9 ชิ้นให้พระองค์ในปี 1728 จักรพรรดิประทับใจในผลงานของวิวัลดีมากและให้ยศอัศวินแก่วิวัลดี และเชิญวิวัลดีให้มาอยู่ที่เวียนนา  จักรพรรดิสิ้นพระชนม์หลังจากวิวัลดีมาอยู่ที่ออสเตรียได้ไม่นาน วิวัลดีจึงไม่มีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ต่อไปและไม่ได้รับเงินเดือนอย่างสม่ำเสมอ  วิวัลดีจึงกลายเป็นคนยากจนและได้สิ้นใจอย่างยากจนเมื่ออายุ 63 ปี เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 1741

หลังจากที่เขาตาย เพลงของเขาก็ถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเพลงของเขาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ทุกวันนี้วิวัลดีถูกจัดอันดับให้เป็นนักแต่งเพลงยุคบาโรกที่มีชื่อเสียง ได้รับการบันทึกไว้อย่างแพร่หลาย และเป็นต้นแบบให้คีตกวีรุ่นหลังนิยมทำตาม ทั้งในสมัยคลาสสิกและโรแมนติก โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค ที่ได้รู้จักกับวีวัลดีชื่นชมเขามากจนกระทั่งได้ยืมหัวข้อที่วิวัลดิกล่าวถึงไว้หลายหัวข้อมาถ่ายทอดและปรับเปลี่ยนใหม่

---------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น