วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การสู้รบขั้นแตกหักระหว่างแม่พระและปีศาจ

 

ในปี 1984 บิชอปแห่งฟาติมา, คอสเมีย ดู อามารัล(Cosme do Amaral), ยืนยันว่าความลับข้อที่สามแห่งฟาติมาไม่เกี่ยวกับสงครามปรมาณูหรือจุดสิ้นสุดของโลก แต่เกี่ยวกับความเชื่อคาทอลิกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสูญเสียความเชื่อคาทอลิกทั่วทั้งยุโรป

ในไดอารี่ที่สามของซิสเตอร์ลูซีอาซึ่งทำเสร็จสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม 1941 ได้เล่าว่า หลังจากที่ซิสเตอร์ลูซีอาเขียนความลับสองข้อแรกเสร็จเรียบร้อย เธอบอกว่า ความลับของฟาติมาแบ่งออกเป็นสามส่วน “ความลับประกอบด้วยสามส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งความลับสองข้อแรกนั้นดิฉันกำลังจะเปิดเผยให้ทราบ”
1 เธอรู้สึกว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปิดเผยความลับสองข้อแรก”
2 อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับความลับข้อที่สาม เพราะเธอยังไม่ได้รับอนุญาติจากสวรรค์ให้เปิดเผย

ในไดอารี่ที่สี่ของเธอที่เขียนระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 1941 ซิสเตอร์ลูซีอาคัดลอกความลับสองข้อแรกจากไดอารี่ที่สามของเธอ แต่ได้เพิ่มเติมข้อความที่มาจากประโยคแรกของความลับข้อที่สามแทรกเข้าไปในไดอารี่ที่สี่นี้ คือข้อความว่า "โปรตุเกสจะสามารถรักษาความเชื่อไว้ได้เสมอ ฯลฯ" ประโยคนี้ยังไม่เคยปรากฏในไดอารี่ก่อนหน้านี้เลย ซิสเตอร์ลูซีอาเพิ่มข้อความนี้ในไดอารี่ที่สี่ของเธอเพื่อบอกเราว่าความลับส่วนสุดท้ายจะเกี่ยวข้องกับอะไร

ในปี 1943 หลังจากได้รับการร้องขอจากท่าน บิชอป ดาซิลวา ให้เขียนข้อความของความลับที่สาม ซิสเตอร์ลูซีอาพบว่างานนี้ทำได้ยากมาก เธอบอกท่านบิชอปว่าไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความลงบนกระดาษก็ได้ “เพราะเธอพูดเรื่องนี้ไปแล้ว” ซิสเตอร์ลูซีอาต้องการอ้างถึงข้อความที่เพิ่มเข้าไปในไดอารี่ที่สี่ของเธอ “โปรตุเกสจะรักษาความเชื่อไว้ได้เสมอ ฯลฯ“

ข้อความที่ว่า “โปรตุเกสจะรักษาความเชื่อไว้ได้เสมอ ฯลฯ” เป็นคำสัญญาที่ว่าความเชื่อที่แท้จริงจะยังคงอยู่ในประเทศนั้นเสมอ

แต่ถ้าโปรตุเกสสามารถรักษาความเชื่อที่แท้จริงไว้ได้ แล้วประเทศอื่นในโลกล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น? คุณพ่อ เมสสีอาส เดอ โคเอโล (Messias de Coelho)พระสงฆ์ชาวโปรตุเกสได้สรุปว่า “ข้อความนี้ กล่าวในทางบวกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างเรา มันแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆรอบตัวเราจะเปลี่ยนไปจากเดิม…”

ในช่วงเวลาก่อนหน้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์, สิ่งที่น่ากลัวจะเกิดขึ้น และอยู่ในเนื้อหาของความลับข้อที่สามแห่งฟาติมา แล้ว "สิ่งที่น่ากลัว" เหล่านี้คืออะไร?

ถ้าหากในโปรตุเกส, ข้อความเชื่อจะได้รับการรักษาไว้เสมอ ‘…นั่นก็สามารถอนุมานได้อย่างชัดเจนว่าในส่วนอื่นๆของพระศาสนจักร ข้อความเชื่อของคำสอนเหล่านี้จะถูกบิดเบือนหรือสูญหายไป ดังนั้นจึงเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่ในช่วงเวลาระหว่างกาลเวลานี้ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเราดำรงชีวิตอยู่ (ระหว่างปี 1960 และก่อนเวลาแห่งชัยชนะแห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์) ข้อความดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนถึงวิกฤตศรัทธาความเชื่อของพระศาสนจักรและความประมาทเลินเล่อของบรรดานายชุมพาบาลเอง

จึงสรุปได้โดยไม่มีข้อสงสัย ว่าเนื้อหาของความลับส่วนที่ไม่ได้เผยแพร่นั้น มิได้หมายถึงสงครามครั้งใหม่หรือความวุ่นวายทางการเมือง แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของบรรดาพระสงฆ์นักบวชในพระศาสนจักร ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะเป็นผู้ที่เคร่งครัดและศรัทธา

ความประมาทเลินเล่อของผู้อภิบาล
คุณพ่ออลองโซได้เขียนหนังสือเรื่อง “ความลับของฟาติมา, ข้อเท็จจริงและตำนาน” ที่ตีพิมพ์ในปี 1976 คุณพ่ออลองโซกล่าวถึงสมมุติฐานของท่านว่า ความลับข้อที่สามจะเกี่ยวกับวิกฤตศรัทธาความเชื่อในพระศาสนจักร ท่านมีความเชื่อมั่นว่ามันเกี่ยวกับความประมาทเลินเล่อของผู้อภิบาลทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรดาผู้มีตำแหน่งที่สูง “เป็นไปได้ค่อนข้างมาก” ท่านกล่าว “ที่ข้อความ (จากความลับข้อที่สาม) กล่าวอย่างเป็นรูปธรรมถึงวิกฤตศรัทธาความเชื่อในพระศาสนจักรและความขัดแย้งภายในส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของพระศาสนจักรและความประมาทเลินเล่อของผู้อภิบาลผู้มีตำแหน่งชั้นสูงสุด” และ “ข้อบกพร่องของผู้อภิบาลชั้นสูงสุดของพระศาสนจักรเอง”

ในเดือนมิถุนายน 1943 ซิสเตอร์ลูซีอาล้มป่วยหนักด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ และสิ่งนี้ทำให้ Canon Galamba และ บิชอปดา ซิลวา เป็นกังวลว่าเธออาจจะตายโดยไม่ทันเปิดเผยความลับข้อสุดท้ายก่อน ต่อมา Canon Galamba ได้ชักชวนให้บิชอปดา ซิลวาแนะนำให้ซิสเตอร์ลูซีอาเขียนความลับข้อที่สาม อย่างไรก็ตามซิสเตอร์ลูซีอาไม่สามารถทำตามคำแนะนำของท่านบิชอปได้ การไม่ได้รับคำสั่งอย่างชัดเจนจากท่านบิชอป ทำให้เธอกังวลอย่างมาก และซิสเตอร์ลูซีอาไม่ต้องการรับผิดชอบต่อความคิดริเริ่มดังกล่าว

และในกลางเดือนตุลาคม 1943 ในที่สุดท่านบิชอป ดา ซิลวา ก็ได้ออกคำสั่งอย่างเป็นทางการ ให้ซิสเตอร์ลูซีอาเขียนความลับข้อที่สาม ซิสเตอร์พยายามเชื่อฟังคำสั่งของท่านบิชอป แต่ก็ไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ตลอดระยะเวลาสองเดือนครึ่ง ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 1943 จนถึงต้นเดือนมกราคม 1944 ซิสเตอร์ลูซีอาไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเป็นทางการนี้ เนื่องมาจากความเจ็บปวดลึกลับที่เกาะกุมเธอไว้ ในที่สุด, วันที่ 2 มกราคม 1944 แม่พระทรงประจักษ์แก่ซิสเตอร์ลูซีอาเพื่อให้พละกำลังแก่เธอและเพื่อยืนยันว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้เธอเขียนข้อความลับข้อที่สาม ด้วยคำยืนยันจากแม่พระนี้จึงทำให้ซิสเตอร์ลูเซียสามารถเขียนข้อความลับส่วนสุดท้ายได้

การต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างแม่พระและปีศาจ
ในการสัมภาษณ์กับคุณพ่อฟูเอนเตส(Father Fuentes)ในปี 1957 ซิสเตอร์ลูซีอาพูดถึงการต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างพระแม่มารีผู้ศักดิ์สิทธิ์และปีศาจ เธอพูดว่า:

“คุณพ่อคะ ปีศาจกำลังรวบรวมกำลังเข้ามาในการต่อสู้ขั้นแตกหักกับพระแม่มารีย์ และปีศาจมันรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำร้ายพระเจ้ามากที่สุด และจะทำให้มันได้วิญญาณเป็นจำนวนมากที่สุดภายในเวลาอันสั้น ดังนั้นปีศาจจึงทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะวิญญาณที่ถวายตนแด่พระเจ้า เพราะมันรู้ว่าด้วยวิธีนี้, วิญญาณของผู้มีความเชื่อทั้งหลายจะไม่ได้รับการปกป้องนำทางและจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมันอย่างง่ายดาย

สิ่งที่ทำให้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์และดวงพระทัยศักดิสิทธิ์ของพระเยซูเจ้าเศร้าพระทัยมากที่สุด คือการตกต่ำในวิญญาณของบรรดาพระสงฆ์และนักบวช ปีศาจรู้ดีว่าเมื่อพระสงฆ์และนักบวชปฏิเสธกระแสเรียกของตนแล้ว พวกเขาจะลากวิญญาณจำนวนมากลงไปนรกด้วย ... เพื่อที่จะครอบครองวิญญาณที่ถวายตัวทั้งหลาย มันพยายามทำทุกวิถีทางในการทำให้เกิดความเสื่อมเสียในพวกเขา ทำให้วิญญาณของผู้สัตย์ซื่อหลับไหลและนำพวกเขาไปสู่จุดที่เลวร้ายที่สุด

“คุณพ่อคะ, พระแม่ของเราไม่ได้บอกว่าเรากำลังเข้าใกล้วาระสุดท้ายของโลก แต่พระนางทรงทำให้ดิฉันเข้าใจเช่นนั้นด้วยเหตุผลสามประการ ประการแรก, เพราะพระนางทรงบอกดิฉันว่า ปีศาจกำลังจะเข้าต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายกับพระนางพรหมจารีย์ เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ฝ่ายหนึ่งจะได้รับชัยชนะและอีกฝ่ายจะประสบความพ่ายแพ้ ดังนั้นจากนี้ไปเราจะต้องเลือกข้างว่าจะอยู่ผ่ายใด เราจะอยู่กับพระเจ้า หรือเราจะอยู่กับปีศาจ ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่น

เหตุผลประการที่สองเป็นเพราะแม่พระตรัสกับลูกพี่ลูกน้องของดิฉันและตัวดิฉันเองว่า พระเจ้าทรงประทานความช่วยเหลือสองสิ่งสุดท้ายแก่โลก นั่นคือ สายประคำศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ สองสิ่งนี้เป็นความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายและจะไม่มีอย่างอื่นอีก

เหตุผลประการที่สาม, ในแผนการของพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าทุกครั้ง, ก่อนที่พระองค์จะทรงลงโทษโลก พระองค์จะยุติความบรรเทาอื่นๆทั้งหมด เวลานี้เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่าโลกไม่สนใจเลยว่าจะเป็นอย่างไร พระองค์ทรงประทานวิธีสุดท้ายที่แน่นอนสำหรับความรอดของเรา นั่นคือพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระองค์ นี่เป็นวิธีที่ดีและแน่นอนที่สุดสำหรับความรอดของเราเพราะถ้าเรายังคงดูถูกและผลักไสสิ่งที่ดีที่สุดที่มอบแก่เรานี้ นั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้รับการให้อภัยจากสวรรค์อีกต่อไป เพราะเท่ากับเราทำบาปที่พระวรสารเรียกว่าบาปผิดต่อพระจิตเจ้า บาปนี้ประกอบด้วยการปฏิเสธอย่างเปิดเผยด้วยความรู้และความยินยอมอย่างครบถ้วนต่อความรอดที่พระองค์ทรงเสนอให้ จงจำไว้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรที่ดีมากและพระองค์ไม่ทรงยอมให้เราทำร้ายและดูหมิ่นพระมารดาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระองค์ เรามีตัวอย่างประจักษ์พยานหลายศตวรรษในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลงโทษอันน่ากลัวซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ที่โจมตีพระเกียรติของพระมารดาของพระองค์ จงรับรู้ว่าพระเจ้า, พระเยซูคริสต์ทรงปกป้องพระเกียรติของพระมารดาของพระองค์อย่างไร

ซิสเตอร์ลูเซียบอกว่า มีสองวิธีในการช่วยโลกนั่นคือ การสวดภาวนาและการพลีกรรม (…)

เกี่ยวกับสายประคำศักดิ์สิทธิ์, คุณพ่อคะ, พระมารดาผู้บริสุทธิ์ยิ่ง, ในยุคสุดท้ายที่เราดำรงชีวิตอยู่นี้, พระนางทรงประทานอำนาจอันทรงประสิทธิภาพของการสวดสายประคำ จนกระทั่งไม่มีปัญหาใดที่ไม่ว่าจะยากแค่ไหน, ไม่ว่าจะเรื่องทางโลก, หรือเหนือสิ่งอื่นใดเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ, ในชีวิตส่วนตัวของเราแต่ละคน, ครอบครัวของเรา, ครอบครัวของโลก, ในคณะนักบวชหรือแม้แต่ชีวิตของประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งจะไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการสวดสายประคำ ด้วยการสวดสายประคำ, เราจะช่วยตัวเองให้รอด, เราจะชำระตนให้บริสุทธิ์เราจะปลอบประโลมองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและเราจะช่วยวิญญาณมากมายให้ได้รับความรอด

และสุดท้าย, ความศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของพระมารดามารีย์, พระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเรา ประกอบด้วยการพิจารณาพระนางในฐานะบัลลังก์แห่งพระเมตตา, ความดีงามและการให้อภัย และเป็นประตูที่แน่นอนที่ซึ่งพวกเราจะเข้าสู่สวรรค์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น