วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การควบคุมตนเอง

 

เราต้องรู้จักที่จะควบคุมประสาทสัมผัสของร่างกายและจิตใจเพื่อที่จะยับยั้งอารมณ์, พฤติกรรม, และความปรารถนาตามธรรมชาติของเรา  ในการควบคุมตนเอง,เราจำเป็นต้องควบคุมสิ่งเหล่านี้ 
 
1 ควบคุมดวงตา “นักบุญอัลฟองโซกล่าวว่า “ประสาทสัมผัสอื่นๆเป็นหน้าต่างของวิญญาณ แต่ดวงตาเป็นประตู” ไม่มีใครห้ามคุณไม่ให้มอง แต่คุณไม่ควรมองสิ่งที่จะทำอันตรายวิญญาณของคุณ ชายหนุ่มอาจมองหญิงสาวเป็นเหมือนน้องสาวหรือพี่สาวของเขา
 
2 ควบคุมประสาทสัมผัสของการรับรส พยายามอย่ากินหรือดื่มมากจนเกินไป นักบุญอัลฟองโซ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าคนเมาจะเป็นคนบริสุทธิ์“
 
3 ควบคุมประสาทสัมผัสทางร่างกาย  เพราะร่างกายของคุณเป็นภาชนะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีไว้รับพระคริสตเจ้า(ในศีลมหาสนิท) ดังนั้นจึงสามารถถูกสัมผัสหรือแตะต้องได้ด้วยความเคารพเท่านั้น
 
4 ควบคุมความคิดของคุณ จงระวังความคิดและจำไว้เสมอว่า คุณอาจเปิดประตูให้กับศัตรูหรืออาจปฏิเสธมันไปในทันทีก็ได้
 
5 ควบคุมจิตใจของคุณ จิตใจเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ความปรารถนาอาจเริ่มที่จิตใจแล้วไปอยู่ในเนื้อหนังได้ (กาลาเทีย 3.3)
 
คริสตชนต้องพยายามให้ตนเองอยู่ในสถานะของพระหรรษทานเสมอ เราทำได้โดย
 
1 ไม่ทำบาปหนัก
2 หลีกหนีโอกาสบาป
3 ควบคุมตนเอง (ตามที่กล่าวไว้ในด้านบน) 
4 อย่าเกียจคร้าน
5 สวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ (จัดตารางเวลาสำหรับสวดภาวนา)
6 รับศีลมหาสนิทบ่อยๆ
7 มีความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์
8 ต่อสู้กับการประจญต่างๆที่อาจเข้ามา

 
5 หนทางในการสำนึกผิดกลับใจใช้โทษบาป โดยนักบุญ ยอห์น คริสซอสโตม
 
“ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าแจกแจงหนทางแห่งการสำนึกผิดใช้โทษบาปหรือ? มีหลายวิธีและทุกวิธีนำไปสู่สวรรค์”
 
หนทางแรกของการสำนึกผิดกลับใจคือการกล่าวโทษบาปของท่านเอง จงยอมรับในบาปของท่านก่อน แล้วท่านจะเป็นผู้ชอบธรรม ด้วยเหตุนี้, ประกาศกจึงเขียนว่า “ข้าพเจ้าบอกตัวเองว่า ข้าพเจ้าจะกล่าวโทษบาปของตัวเองต่อพระเจ้า และพระองค์จะทรงให้อภัยความชั่วของข้าพเจ้า” เพราะฉะนั้น, ท่านก็เช่นเดียวกัน, ควรจะกล่าวโทษบาปของตัวท่านเอง นั่นเป็นการเพียงพอที่พระเจ้าจะทรงให้อภัยแก่ท่าน เพราะคนที่กล่าวโทษบาปของเขาเองก็จะพยายามไม่ทำบาปนั้นอีก จงปลุกจิตสำนึกของท่านให้กล่าวโทษในขณะที่อยู่ที่บ้าน มิฉะนั้นบาปจะเป็นผู้กล่าวโทษท่านเบื้องพระบัลลังก์แห่งการพิพากษาของพระเจ้า
 
นั่นคือหนทางแห่งการสำนึกผิดกลับใจที่ดีมาก อีกหนทางหนึ่งที่มีค่ายิ่งกว่า, คือการแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากศัตรูของเรา โดยการควบคุมความโกรธของเรา, และให้อภัยความผิดของผู้อื่นที่กระทำต่อเรา จากนั้นบาปของเราที่ทำผิดต่อพระเจ้าจะได้รับการอภัย ดังนั้นด้วยวิธีนี้ท่านก็มีอีกหนทางหนึ่งคือการชดเชยบาปบาปของท่านเองและของผู้อื่น เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้กระทำผิดต่อท่าน พระบิดาในสวรรค์ก็จะทรงให้อภัยท่าน
 
ท่านต้องการทราบหนทางที่สามหรือ? นั่นก็คือการสวดภาวนาด้วยใจร้อนรน, ด้วยความใส่ใจและออกมาจากหัวใจของท่าน
 
ถ้าท่านอยากฟังหนทางที่สี่ ข้าพเจ้าขอแนะนำการทำบุญให้ทาน ซึ่งมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ต่อจากนั้นก็คือหนทางที่ห้า อันได้แก่ การดำเนินชีวิตด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยความสุภาพ มีตัวอย่างในเรื่องนี้ คือเรื่องของคนเก็บภาษีที่เข้าไปสวดภาวนาในพระวิหารด้วยความถ่อมตนและยอมรับว่า เขาเป็นคนบาป เมื่อเขาออกมาจากพระวิหาร, เขากลายเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า เขาได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้าและมีความสุขสันติในจิตใจ
 
จงทำตามหนทางเหล่านี้ทุกวัน มันเป็นหนทางที่ง่าย ถึงแม้ท่านจะเป็นคนยากจน ขาดแคลนปัจจัยหลายอย่างสำหรับชีวิต แต่ท่านก็สามารถละความโกรธแค้น เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน สามารถสวดภาวนาด้วยความยินดี สามารถกล่าวโทษบาปของท่านเอง ความยากจนไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำสิ่งเหล่านี้ ความยากจนไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำตามคำสอนของพระเยซูเจ้า แม้แต่ในเรื่องของการทำบุญให้ทานก็ตาม ดูตัวอย่างของหญิงม่ายที่ให้ทานด้วยเงินเพียงสองเหรียญ อันเป็นเงินเพียงเล็กน้อยแต่มันเป็นเงินทั้งหมดที่เธอมี และพระเยซูเจ้าตรัสว่า เธอได้ทำบุญมากกว่าทุกคน
 
ขอพระเยซูเจ้าทรงอวยพระพรแก่ท่าน
 
St. John Chrysostom, Homily on the tempting devil (2, 6: PG 49, 263-264).

****************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น