วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2564

แม่พระประจักษ์ที่ไนจีเรีย

 
 
[การที่คุณได้รับชมการประจักษ์นี้ เป็นเพราะแม่พระทรงขอให้นำกล้องวีดีโอมาบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ด้วย ไม่ใช่เป็นการผลิตจากฮอลลีวูดที่มีนักแสดงและมีการใช้จ่ายเงินจำนวนมาก มีประชาชนหลายหมื่นคนรวมทั้งพระสงฆ์และนักบวชชายหญิงจำนวนมาก  และที่สำคัญคือพระสังฆราชเองก็มาด้วย หลายคนเดินเท้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงเอโอคเป(Aokpe )เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม 1992 ถึงกุมภาพันธ์ 1996 เหตุการณ์เหล่านี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยพระศาสนจักร เรื่องราวเล่าโดย Fr. John Beirne C.S.Sp. ผู้มาไนจีเรียครั้งแรกในปี 1955 ท่านเป็นพระสงฆ์ประจำท้องถิ่นในเวลาที่มีการประจักษ์เริ่มต้นขึ้น สาส์นของแม่พระนั้นมีสำหรับทุกคนในโลกไม่ใช่เฉพาะที่ไนจีเรียเท่านั้น สาส์นแม่พระแห่งเอโอคเป,แม่พระแห่งพระหรรษทานทุกประการ เป็นชื่อสารคดีอย่างเป็นทางการที่ทาง Aokpe Shrine Project Promotions นำเสนอ]
                                       --------------------------------
 
แม่พระประจักษ์มาจริงหรือไม่?เหตุการณ์อัศจรรย์มาจากพระเจ้าหรือมาจากสิ่งอื่น? พระศาสนจักรกำลังตรวจสอบและยังไม่ได้ให้การรับรองอย่างเป็นทางการ
 
แม่พระประจักษ์แก่เด็กหญิงชาวไนจีเรียชื่อ คริสตีน่า อักโบ(Christiana Agbo) ครั้งแรกเมื่อตุลาคม 1992 เวลานั้น คริสตีน่ามีอายุ 12 ปีและกำลังเก็บสมุนไพรอยู่ในทุ่งหญ้า แล้วเธอได้เห็นแสงสว่างแรงกล้า หลังจากนั้นเธอได้เห็นสตรีที่สวยงามผู้หนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า เธอเล่าว่า “พระนางพรหมจารีย์ทรงทอดพระเนตรมาที่ฉันและทรงยิ้มให้โดยไม่ได้ตรัสอะไร เธอประทับยืนอยู่บนก้อนเมฆ ทรงอาภรณ์และผ้าคลุมศีรษะมาถึงไหล่และหลังสีฟ้าที่สว่างเจิดจ้า พระหัตถ์ทรงถือสายประคำประนมอยู่ที่ทรวงอก”
 
ในวีดีโอข้างล่างนี้เป็นการสัมภาษณ์คริสตีน่า
 
เธอบรรยายถึงแม่พระว่า “พระนางทรงสวยงามยิ่งนัก, ตัวสูงและอ่อนเยาว์ พระเนตรเป็นประกาย พระนางมีผิวสีน้ำตาล, ทรงอาภรณ์สีขาวและมีอาภรณ์ด้านในอีกชั้นหนึ่ง อาภรณ์ที่คลุมไปถึงพระบาทนั้นส่องสว่างเจิดจ้า มีสีสองสีที่อาภรณ์ด้านหลัง สีหนึ่งเป็นสีขาว อีกสีหนึ่งเป็นสีแดง” สิ่งที่เป็นที่ประทับใจของเด็กหญิงมากที่สุดคืออะไร? คือ “ความสวยงามและสง่า” คริสตีน่าให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
 
เมื่อเห็นการประจักษ์, ช่วงเวลาหนึ่ง,คริสตีน่าพยายามที่จะวิ่งหนีแต่มีเสียงเรียกเธอให้กลับมา พระนางตรัสว่า “จงมองดูสิ, เราคือพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์”
 
ในสาส์นแรกที่ได้รับจากแม่พระ, คริสตีน่ากล่าวว่า แม่พระทรงอธิบายว่า “แม่คือที่ลี้ภัยของคนบาป, แม่มาจากสวรรค์เพื่อนำวิญญาณทั้งหลายมาสู่พระคริสต์และปกป้องบรรดาลูกทั้งหลายของแม่ไว้ในดวงหทัยนิรมลของแม่ สิ่งที่แม่ต้องการจากลูกคือการสวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระ, เพื่อโลก,และเพื่อปลอบพระทัยพระเยซู”
 
พระสังฆราชท้องถิ่น, Fidelis Orgah, เชื่อในตัวคริสตีน่าอย่างชัดเจน, และได้อนุญาตให้เผยแพร่สาส์น และอนุญาตให้มีการแสวงบุญมายังสถานที่ประจักษ์ด้วย (ตามที่เรารู้, ไม่มีการออกจดหมายอภิบาลอย่างเป็นทางการ) คริสตีน่าเล่าต่อไปว่า ในช่วงแรก, เธอเป็นลมสลบไปเมื่อเธอได้เห็นสตรีที่สวยงามเป็นครั้งแรก บิดาของเธอไม่เชื่อเรื่องที่เธอบอกและกลัวว่าอาจจะเป็นปีศาจ ผู้คนในชุมชนนั้นก็เชื่อเช่นนั้นด้วย ซึ่งนั่นทำให้คริสตีน่าปรารถนาให้สตรีที่สวยงามผู้นั้นไม่มาปรากฏอีก— แต่ในเวลาต่อมา เธอก็ได้เห็นสตรีผู้นั้นอีก และคริสตีน่าพบว่า ตนเองมี “ความสุขและบรรเทาใจมาก” 

มีอัศจรรย์ศีลมหาสนิทเกิดขึ้นด้วย ในรูปด้านซ้าย,คริสตีน่าได้รับศีลมหาสนิทจากเทวดาที่นำศีลมาจากสวรรค์  ในเอกสารที่จัดทำโดยผู้แทนของสำนักพระสังฆราช, ได้รายงานเกี่ยวกับการประจักษ์วันที่ 4 สิงหาคม 1994 และได้กลายเป็นวันเฉลิมฉลองประจำท้องถิ่นไป, ในวันนั้นมีผู้คนมาร่วมนับหมื่นคน แม่พระทรงขอให้คริสตีน่าทำสิ่งที่น่าประหลาดใจ, นั่นคือแม่พระทรงขอให้คริสตีน่าคลานไปด้วยเข่า แม่พระตรัสเป็นภาษาท้องถิ่นที่เรียกว่า Doma และพระนางทรงร้องไห้มีน้ำตาในพระเนตร, คริสตีน่าอธิบายว่า เป็นเพราะมีวิญญาณหลายดวงที่ไปนรก
 
สาส์นแม่พระวันที่ 1 มีนาคม 1995, แม่พระทรงขอให้สวดสายประคำ “ลูกทั้งหลายของแม่เหล่านั้นที่สวดสายประคำเป็นประจำด้วยความมุ่งมั่นจะได้รับพระหรรษทานมากมาย ซาตานจะไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขา ลูกทั้งหลายของแม่,เมื่อลูกถูกโจมตีด้วยการประจญและปัญหาต่างๆที่ใหญ่โต, จงถือสายประคำในมือและสวดภาวนาต่อแม่,แล้วปัญหาต่างๆของลูกก็จะได้รับการแก้ไข ทุกครั้งที่ลูกสวดว่า’วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน’ ลูกจะได้รับพระหรรษทานมากมายจากแม่ ผู้ที่สวดสายประคำจะไม่ถูกสาปแช่ง”
 
“ใจความสำคัญที่สุดของสาส์นก็คือการสวดภาวนา” คริสตีน่ากล่าว “โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสวดสายประคำ, การสนทนากับพระเจ้า,การทำกิจใช้โทษบาป, และการอดอาหาร มีคำทำนายที่สำคัญเกี่ยวกับการลงโทษจากพระเจ้าสำหรับโลกทั้งโลกถ้าหากมนุษย์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คำทำนายนั้นคือความมืดมิดอย่างยิ่ง ซึ่งแม่พระตรัสว่าจะเป็นเวลานานถึง 72 ชั่วโมง ในท้ายที่สุด,แม่พระทรงอธิบายว่าทั้งหมดนี้เป็นหายนะภัย”
 
คริสตีน่าเคยรู้เรื่องเกี่ยวกับสามวันแห่งความมืดมิดมาจากที่ใดหรือไม่? มันเป็นช่วงเวลา 72 ชั่วโมงหรือ? นั่นขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณ การประจักษ์นี้มีการพูดถึงแม่พระแห่งพระหรรษทานทุกประการ
 
เรื่องที่น่าสนใจและที่เป็นที่ถกเถียงอีกอย่างคือ คริสตีน่า,เมื่อได้รับการขอร้องจากบางคน, เธอได้ถามแม่พระเกี่ยวกับการถวายประเทศรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนาง,ตามที่แม่พระทรงร้องขอในเวลาที่ประจักษ์ที่ฟาติมา คริสตีน่าบรรยายว่า “แม่พระทรงเศร้าพระทัยเมื่อฉันถามคำถามนี้, เพราะมันยังไม่ได้รับการปฏิบัติตามอย่างสมบูรณ์” หลายคนอาจสงสัยข้องใจในคำตอบนี้ เพราะลูซีอา ดอส ซานโตส ผู้เห็นแม่พระแห่งฟาติมา เคยบอกไว้ว่า การถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระโดยพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 นั้นได้ทำตามคำร้องขอของแม่พระอย่างสมบูรณ์แล้ว

คริสตีน่า, ผู้ที่อย่างน้อยก็เคยเข้าอารามคอนแวนต์เป็นระยะเวลาหนึ่ง, ได้รับการเยี่ยมเป็นการส่วนตัวจากพระแม่มารีย์จนถึงปี 2004 การที่เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างทันทีนั้น,บางคนบอกว่าดูเหมือนเป็นอัศจรรย์ แล้วเกี่ยวกับอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ล่ะ? ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 1996, “มีประชาชนนับหมื่นคนมารวมกันอยู่ในสถานที่มีการประจักษ์ และสิ่งที่ดึงดูดผู้คนคืออัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ อัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1999 ในหลายปีที่ผ่านมา เอโอคเป ได้เป็นที่แสวงบุญสำหรับสามเณรประมาณหนึ่งร้อยคนที่มาร่วมด้วยเพราะต้องการเห็นอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์จากพระแม่มารีย์”
 
La Stampa สำนักข่าวคาทอลิกได้รายงานว่า “ในตอนเช้าของวันที่ 13 ตุลาคม, ในพิธีเฉลิมฉลองรื้อฟื้นการถวายประเทศแด่แม่พระ,ที่ประกอบพิธีโดยพระอัครสังฆราชแห่งจอส,ท่านอิกนาเชียส อะโย คัยกามา(Archbishop of Jos, Ignatius Ayau Kaigama)ผู้เป็นประธานของสภาสังฆราชไนจีเรีย วันนั้นมีพระสังฆราช 53 องค์,พระสงฆ์มากกว่า 1,000 องค์,นักบวช 2,000 คน, และศาสนิกชนประมาณ 55,000 คน ในช่วงบ่าย, หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้ว,มีฝนตกใหญ่ตามมาด้วยการปรากฏของดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนสีและ'เต้น' ตามที่คุณพ่อคริส เอ็น อันยานวู(Chris N. Anyanwu)ผู้อำนวยการการสื่อสารมวลชนของสังฆราชกล่าวว่า “ปรากฏการณ์ที่ผิดปกตินี้ทำให้หัวใจของผู้แสวงบุญที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองชื่นชมยินดีและ หลายคนยืนยันในสิ่งที่พวกเขาเห็น โดยทำให้นึกถึงเหตุการณ์ของฟาติมาในปี 1917 แน่นอนว่าไนจีเรียจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
 
ข่าวนี้ดังไปทั่วประเทศไนจีเรีย
 
แม่พระประจักษ์ครั้งสุดท้ายที่เอโอคเป คือวันที่ 26 ธันวาคม 1998 คริสตีน่าสรุปใจความของสาส์นว่า “จงทำกิจใช้โทษบาป, ทำกิจใช้โทษบาปมากๆ พระแม่ทรงช่วยให้ฉันรักพระเยซูด้วยสิ้นสุดดวงใจของฉัน”
 
นี่เป็นสาส์นสำหรับทุกคน
 
“จงสวดภาวนา, ไปร่วมพิธีมิสซา, รักพระเยซูเจ้าด้วยสิ้นสุดดวงใจของท่าน, โดยอาศัยดวงหทัยของพระแม่มารีย์”
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น