วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ความชั่วและจิตใจอิสระ

 
 
ความชั่วคืออะไร

บางคนยังมีความเข้าใจไม่ค่อยชัดเจนนักในเรื่องความชั่ว และไม่ตระหนักว่าความชั่วคือการปฏิเสธความดีของพระเป็นเจ้าอย่างเปิดเผย
           ตามคำอธิบายของ น.โทมัส อไควนัส ความชั่วหาได้มีเนื้อแท้ของความเป็นอยู่ในตัวของมันเอง แต่เป็น การขาดหายไปซึ่งความดี เปรียบได้กับ ความเย็นที่จะเกิดขึ้นเมื่อความร้อนขาดหายไป ฉันใดก็ฉันนั้น ความชั่วก็บังเกิดขึ้น เมื่อความดีอันเป็นธรรมชาติที่แท้ซึ่งควรจะปรากฏอยู่แต่ได้ขาดหายไปหรือถูกทำให้สับสนผิดเพี้ยนไป

ก่อนที่ทูตสวรรค์จำนวนหนึ่งจะก่อกบฏขึ้นบนสวรรค์ ยังไม่มีความชั่วร้ายใดๆปรากฏอยู่เลย เพราะไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดที่ขาดความดี ตามคำสอนของพระศาสนจักรได้กล่าวไว้ว่า พระเป็นเจ้าทรงสร้างลูซีเฟอร์และฑูตสวรรค์ทุกองค์ให้มีแต่ความดีงาม แต่การตกต่ำของลูซีเฟอร์และพรรคพวกของมันเกิดจาก การเลือกอย่างอิสระของจิตที่ถูกสร้างมาให้มีอิสระที่จะเลือกเหล่านั้น จิตเหล่านั้นได้ปฏิเสธพระเป็นเจ้าและการปกครองของพระองค์อย่างรุนแรงและถอนกลับคืนไม่ได้
เมื่อพระเป็นเจ้าทรงสร้างโลก พระองค์ทรงเห็นว่าทุกสิ่งในธรรมชาติที่ทรงสร้างมานั้นดีมาก แม้กระนั้นก็ตาม อาดัมและเอวาก็ได้เลือกความชั่วมากกว่าเลือกทำตามคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้า ในเวลานั้นเองความชั่วก็ได้เข้ามาในโลก และเนื่องจากบาปกำเนิดนี้ ความสับสนวุ่นวายก็เข้ามาสู่ธรรมชาติ ทำให้มนุษย์มีใจโน้มเอียงไปทางบาปและกิเลสต่างๆ
ความชั่วปรากฏขึ้นได้หลายวิธีเมื่อมนุษย์เลือกทำตามใจปรารถนาของตนแทนที่จะทำตามพระบัญญํติของพระเป็นเจ้า แท้จริงความทุกข์มากมายบนโลกนี้มีสาเหตุมาจากการเลือกความชั่วของมนุษย์ซึ่งกระทำสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานในประวัติศาสตร์ของโลก มหาสงคราม ครอบครัวที่แตกแยก การทำแท้ง การคอร์รัปชั่น การปกครองแบบเผด็จการ เป็นเพียงผลอันชั่วร้ายของบาปของมนุษย์
ด้วยพระทัยดีของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงประทานจิตอิสระที่จะเลือกให้แก่มนุษย์ ทำให้มนุษย์สามารถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธความรักของพระองค์ก็ได้ แต่หลายครั้งทีเดียวที่เราได้เลือกความชั่ว ด้วยพระเมตตาของพระเป็นเจ้าทรงมีต่อผู้ที่สำนึกผิดและกลับมาหาพระองค์,ในที่สุด,พระเป็นเจ้าก็ทรงมีชัยชนะเหนือความตายและความชั่ว โดยอาศัยพระมหาทรมานและการกลับคือพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถมั่นใจได้ว่าในการทำสงครามกับความชั่วนี้เราจะได้รับชัยชนะ เพราะความหวังทั้งหมดของเราอยู่ที่องค์พระเยซูคริสต์ เราสามารถพูดเช่นเดียวกับ น. ออกุสติน ได้ว่า พวกเราคือประชากรแห่งอิสเตอร์ (ผ่านพ้นความตายมาสู่การกลับคืนชีพ) และบทเพลงอัลเลลูยา คือบทเพลงของเรา
จิตใจอิสระคืออะไร
พระเป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ และให้มนุษย์มีอำเภอใจและเสรีภาพที่จะเลือกทำตามใจปรารถนาของตน หรือที่เรียกว่า จิตใจอิสระสิ่งนี้เป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่เป็นเสรีภาพสูงสุด  เพราะทำให้มนุษย์เป็นเหมือนพระเป็นเจ้า แต่มนุษย์ก็ต้องรู้จักควบคุมในการใช้และมีความรับผิดชอบประกอบอยู่ในจิตใจอิสระนี้ด้วย นี่เป็นเรื่องลึกลับน่าอัศจรรย์มาก พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ พระองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ แต่เมื่อพระองค์อยู่ต่อหน้าจิตใจอิสระของมนุษย์แล้ว ราวกับว่าพระองค์ทรงอ่อนแรงไม่มีฤทธานุภาพเหลืออยู่เลย พระองค์ไม่สามารถบังคับให้มนุษย์เลือกกระทำตามที่พระองค์ประสงค์ได้ ถ้าหากมนุษย์ผู้นั้นไม่ต้องการ จิตใจอิสระของมนุษย์จึงเป็นสิ่งประทานอันยิ่งใหญ่จากพระเป็นเจ้าที่ออกมาจากความรักของพระองค์อย่างแท้จริง
เมื่อมนุษย์มอบจิตใจอิสระของตนแด่พระเป็นเจ้า โดยทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ พวกเขาทำตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าผู้ทรงตรัสว่า "อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และทำงานของพระองค์ให้สำเร็จ" (ยน.4:35) พระเยซูทรงวางรูปแบบอย่างไรให้แก่เรามนุษย์ พระองค์มิได้ดำเนินชีวิตตามความพอพระทัยของพระองค์เอง แต่พระองค์ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดาด้วยการนำของพระจิตของพระเจ้า "พระจิตอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเลือกข้าพเจ้าให้มาประกาศข่าวดีแก่คนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้า ให้มาประกาศข่าวดีแก่บรรดาเชลย ทำให้คนตาบอดกลับมองเห็น ให้ผู้ที่ถูกกดขี่ได้รับอิสรภาพ และประกาศเวลาที่พระเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด" (ลก.4:18-19) ชีวิตของพระเยซูเจ้าเป็นชีวิตที่มีพระจิตเป็นผู้นำพระองค์ ไม่ทรงเลือกกระทำสิ่งใดตามความประสงค์ของพระองค์เองเลย รางวัลของผู้ที่มอบจิตใจอิสระของตนแด่พระเป็นเจ้าคือการได้อยู่กับพระเป็นเจ้าในความบรมสุข ณ. สวรรค์นิรันดร
ถึงแม้พระเป็นเจ้าทรงกำหนดวิถีชีวิตให้แก่มนุษย์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงบังคับให้มนุษย์จะต้องเดินในวิถีที่พระองค์ทรงกำหนด พระเป็นเจ้าทรงประทานอิสระในการเลือกให้แก่เขา จึงมีคนอีกประเภทหนึ่ง คนที่ทำตามใจตนเองและปฏิเสธน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า พวกเขาต้องการเลือกหนทางของโลกมากกว่าหนทางของพระเป็นเจ้า อันได้แก่ความสะดวกสบาย ความรักในทรัพย์สมบัติ อำนาจ ชื่อเสียงและกิเลสตัณหา เขาจึงมีความโลภและทำความชั่วต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ยอมช่วยเหลือผู้ได้รับความทุกข์ร้อน ผู้ที่เลือกหนทางนี้ พระเป็นเจ้าก็ทรงห้ามหรือบังคับเขาไม่ได้ การเลือกเป็นของเขาแต่ก็มีความรับผิดชอบซึ่งเขาจะต้องได้รับในวาระสุดท้าย นั่นคือความตายนิรันดร การทำให้เขาสำนึกในความผิดและกลับมาหาพระองค์ก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก ถ้าเขายังคงติดใจในสิ่งที่ตนเองเป็นและมี นอกจากนั้นยังมีปีศาจที่คอยล่อลวงเขาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พระเป็นเจ้าทรงประทานวิธีช่วยเหลือไว้ นั่นคือ คนในครอบครัว มิตรสหาย หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จักเขาเลยก็ตาม สวดภาวนาเพื่อเขาหรือกระทำกิจการดีอุทิศแก่เขาด้วยความตั้งใจจริงและด้วยความรักต่อเขา แล้วพระเป็นเจ้าจะทรงประทานพระหรรษทานการกลับใจให้แก่เขาโดยเห็นแก่ความตั้งใจและความดีของผู้สวดภาวนาเพื่อเขา และโดยอาศัยฤทธิ์กุศลของการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้าจะทรงประทานอภัยให้แก่คนบาป มีตัวอย่างในเรื่องนี้ คือการที่นักบุญเทเรซาสวดภาวนาวอนขอพระเป็นเจ้าให้นักโทษประหารปรานซินีกลับใจ เป็นต้น
 ดังนั้นโลกจึงเป็นสถานที่ทดสอบจิตใจอิสระของเราแต่ละคนว่าเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธความรักของพระเป็นเจ้า

1 ความคิดเห็น: