วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดร.กลอเรีย โปโล (ตอนที่ 9)


เวลานี้ฉันจะพูดถึงเงินตาแลนท์ที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นต่อไป
คุณต้องรู้ว่าฉันไม่เคยดูข่าวจากทีวี  เพราะฉันรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นคนมากมายเสียชีวิต  มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบ...ฉันสนใจแต่เรื่องของ  การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก  โหราศาสตร์  อำนาจทางจิต  พลังงาน หรือข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้...เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ปีศาจใช้ในการหันเหความสนใจของเรา  ทำให้เราสับสน..เวลานี้พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นในหนังสือแห่งชีวิต  วันหนึ่ง  พระองค์ทรงทำให้รายการข่าวในทีวีมาช้าลง  และฉันบังเอิญเปิดดูข่าวเรื่องนี้ซึ่งยังไม่ทันจบ  ฉันเห็นหญิงชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง  เธอกำลังร้องไห้อยู่บนร่างของสามีที่เสียชีวิตแล้ว
ฉันขอบอกพวกคุณว่า  ปีศาจมันทำให้เรารู้สึกชินชากับความโศกเศร้าของคนอื่น  โดยคิดว่ามันเป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา  คนที่เป็นทุกข์อยู่ต้องดูแลตัวเอง  มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน  พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า  สิ่งนี้ทำให้พระองค์เจ็บปวดอย่างไรเมื่อนักข่าวเสนอข่าวเพียงเพื่อให้เกิดความสนใจ  เพียงเพื่อขายข่าว  โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย  ในกรณีของผู้หญิงในข่าวนั้น  เมื่อฉันเปิดทีวีเห็นเธอกำลังร้องไห้  ฉันเห็นความเศร้ายิ่งนักในความทุกข์ของเธอ  ฉันรู้สึกเศร้าตามเธอไปด้วย  พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฉันเป็นเช่นนั้น  ฉันเกิดความสนใจในเหตุการณ์นี้ และยังรู้ด้วยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่  Venadillo, Tulima   บ้านเกิดของฉันเอง....แต่หลังจากนั้น รายการก็เปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นเรื่องการลดน้ำหนัก  และฉันก็ลืมเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปสิ้น  เพราะไปสนใจในเรื่องการลดน้ำหนักแทน...และไม่คิดถึงมันอีกเลย
แต่ผู้ที่ไม่ลืมผู้หญิงชาวนาคนนั้น คือ พระเยซูเจ้าของเรา  พระองค์ทำให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ของเธอ  เพื่อที่ฉันจะได้ไปช่วยเหลือเธอบ้าง  เพราะพระองค์ประสงค์เช่น นั้น  นั่นเป็นเวลาที่ฉันจะได้ใช้เงินตาแลนท์ของฉันซึ่งพระองค์ประทานให้  พระองค์ตรัสว่า “ความเจ็บปวดที่เจ้ารู้สึกนั้น  เป็นเราเองที่ส่งเสียงขอให้เจ้าไปช่วยสตรีผู้นั้น  เป็นเราเองที่ทำให้ข่าวมาช้าลง  เพื่อที่เจ้าจะได้เห็น  แต่เจ้าไม่แม้แต่จะย่อเข่าลงเพื่อสวดภาวนาให้เธอสักหนึ่งนาที  เจ้ามัวใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องลดน้ำหนัก  และไม่เคยคิดถึงเธออีกเลย”
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นเหตุการณ์ของผู้หญิงคนนั้น  เธอเป็นชาวนาที่ยากจน และได้ขอให้สามีของเธอละทิ้งบ้านที่อาศัยอยู่  แต่เขาปฏิเสธ  แล้วก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาขับไล่พวกเขา  ชายชาวนาเห็นผู้ชายที่มีอาวุธจะเข้ามาฆ่าเขา  ฉันเห็นชีวิตของชายชาวนาทั้งหมด  เห็นและรู้สึกถึงความกลัวและความโกรธของเขา  เขาวิ่งหนีและหาที่หลบซ่อนให้แก่ลูกน้อยและภรรยาของเขาภายใต้กองสิ่งของบางอย่าง  แล้วเขาก็วิ่งหนีไปทางอื่น  แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ติดตามเขา  คุณรู้ไหมเขาสวดภาวนาครั้งสุดท้ายว่าอย่างไร?  “พระเจ้าข้า  โปรดดูแลภรรยาและลูกน้อยของข้าพระองค์ด้วย  ข้าพระองค์ฝากพวกเขาไว้กับพระองค์”  และชายฉกรรจ์เหล่านั้นได้ฆ่าเขา  เขาล้มลงกับพื้นดินเมื่อถูกยิง  พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงและลูกเล็กๆนั้นซึ่งไม่สามารถส่งเสียงร่ำไห้ได้ (..กลอเรียร้องไห้..)
ด้วยวิธีนี้พระเยซูเจ้าทรงทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงรู้สึก  และรู้สึกถึงความทุกข์ของผู้อื่น  แต่บ่อยครั้ง  เราสนใจแต่ตัวเองและไม่รู้สึกกังวลใจในความต้องการของเพื่อนมนุษย์ของเราแม้แต่น้อย  พระเยซูเจ้าทรงประสงค์สิ่งใดหรือ?  พระองค์ประสงค์ให้ฉันคุกเข่าลงและวอนขอต่อพระองค์เพื่อครอบครัวนั้น  เพื่อมารดาและลูกของเธอ  พระเป็นเจ้าทรงดลใจฉันให้รู้ว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร  นั่นก็คือเพียงแต่เดินไปหาพระสงฆ์ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากบ้านของฉันมากนัก  และบอกท่านว่าฉันเห็นอะไรในทีวี  พระสงฆ์ผู้นี้เป็นเพื่อนกับคุณพ่ออธิการของโบสถ์ในหมู่บ้านนั้น (Venadillo, Tulima), และท่านมีบ้านพักอยู่ที่ โบโกตา  ท่านจะได้ช่วยผู้หญิงคนนั้น
สิ่งแรกที่เราต้องยอมรับและรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้านั้น  หาใช่แต่เพียงบาปเท่านั้น  แต่เป็นการละเลยด้วย  มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากซึ่งคุณอาจนึกไม่ถึง  แต่วันหนึ่งคุณจะได้เห็นด้วยตัว เองเหมือนที่ฉันเห็น  บาปเหล่านี้ทำให้พระเป็นเจ้าของเราต้องกรรแสง  ถูกแล้ว  พระเป็นเจ้าทรงกรรแสง  ที่เห็นลูกๆของพระองค์เป็นทุกข์เพราะการที่พวกเราขาดความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์  มีหลายคนที่มีความทุกข์และพวกเราไม่ได้ทำอะไรเพื่อพวกเขาเลย  พระเยซูเจ้าจะทรงแสดงเหตุการณ์นี้ให้แก่เรา  ให้แก่ทุกๆคน  บาปที่เราทำในการละเลยไม่สนใจความทุกข์ร้อนของผู้อื่น  เป็นความเจ็บปวดในโลกที่เกิดจากความใจแข็งของเรา
ขอสรุปเล็กน้อย   ผู้หญิงชาวนาที่ได้รับการเบียดเบียน (ความจริง กลุ่มชายฉกรรจ์ตามหาเพื่อจะฆ่าเธอด้วย) พาลูกหนีไปขอความช่วยเหลือจากพระสงฆ์ที่หมู่บ้านนั้น  คุณพ่อกล่าวกับเธอว่า “ลูกเอ๋ย  ลูกต้องหนีไป  เพราะถ้าพวกเขามาพบลูกที่นี่  พวกเขาจะฆ่าลูก”
คุณพ่อรีบกระทำในสิ่งที่ท่านคิดว่าดีที่สุดสำหรับเธอ  ท่านรีบส่งเธอไปที่โบโกตา  ให้เงินเล็กน้อยแก่เธอ  และหนังสือจดหมายแนะนำตัว”
ผู้หญิงคนนั้นรีบหนีไปทันที  นำจดหมายไปแสดงกับหลายแห่งตามที่คุณพ่อได้บอกไว้  แต่ไม่มีใครยอมให้เธอพักอาศัย  เธอไปสิ้นสุดลงที่ไหนทราบไหม?  ใครที่ช่วยเธอในตอนท้าย?  คนพวกนั้นบังคับเธอให้ไปเป็นหญิงโสเภณี!!!
พระเยซูเจ้ายังคงให้โอกาสแก่ฉันอีกครั้งที่จะช่วยเหลือสตรีผู้นี้  ในปีต่อมาฉันได้พบเธออีก  มันเป็นวันที่ฉันเข้าไปในกลางใจเมือง  ฉันไม่อยากไปที่นั่น  เพราะมันเป็นที่ที่คุณจะเห็นแต่สิ่งน่าเศร้า  และฉันไม่อยากเห็นความยากจนความขัดสน หรือสิ่งที่คล้ายแบบนั้น  แต่วันหนึ่งฉันจำเป็นต้องไปที่นั่น  ขณะที่ฉันผ่านไป  ลูกชายได้ถามฉันว่า “โอ  คุณแม่  ทำไมผู้หญิงคนนั้นจึงแต่งตัวแบบนั้น  ทำไมเธอสวมกระโปรงสั้นอย่างนั้น?"  ฉันตอบเขาว่า  “อย่าไปดู ลูก  นี่เป็นผู้หญิงขายบริการ  ขายร่างกายเพื่อเงิน  เขาเป็นโสเภณี  เป็นพวกสกปรก”  ลองคิดดูเถอะ  ฉันพูดออกไปอย่างนั้น  มันเป็นยิ่งกว่ายาพิษสำหรับลูกชายของฉัน  ฉันพูดดูถูกคน  พระเยซูเจ้าตรัสว่า “การดูถูกคนอื่นเป็นการลบหลู่เราด้วย  และเราจะถ่มพวกเขาออกมา  คนที่ดูถูกคนอื่นจะไม่ได้เข้าสวรรค์....คนที่ดูถูกคนอื่นคือคนที่ผ่านไปในโลกและไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อเขานอกจากตัวของเขาเอง  การตายฝ่ายจิตของเจ้าเริ่มต้น เมื่อเจ้าสนใจแต่ตัวเองแทนที่จะสนใจพี่น้องของเจ้า  เมื่อเจ้าคิดถึงแต่ตัวเองและความอยู่ดีกินดีของตัวเองเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น