วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดี (ตอนที่ 2)


การประจักษ์ครั้งที่ 6 -- การประจักษ์ครั้งสำคัญ

เราคงไม่สามารถขอบคุณและตอบแทนได้อย่างเหมาะสมสำหรับการที่แม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดี  ทรงประจักษ์ต่อคุณแม่มาเรียนา  ทรงเผยแสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในยุคสมัยของเรา  เป็นเวลาหลายร้อยปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น  แม่พระยังทรงตรัสแก่ซิสเตอร์ถึงพัฒนาการของประเทศเอกวาดอร์  การลอบสังหารประธานาธิบดีคาทอลิก กราเซีย โมเรโน  การประกาศข้อความเชื่อเรื่องการปฏิสนธินิรมลของแม่พระ  และข้อความเชื่อเรื่องการไม่ผิดพลั้งของพระสันตะปาปา  การโจมตีของกลุ่มลัทธิเมซอนต่อพระศาสนจักรคาทอลิก  และอีกหลายเหตุการณ์
พระนางยังตรัสถึงความศรัทธาต่อแม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดี  ซึ่งจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงศตวรรษที่ 20  และสิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
การประจักษ์ที่นับว่าสำคัญที่สุดเกิดขึ้นในระยะใกล้ปลายชีวิตของคุณแม่มาเรียนา  เช้าของวันที่ 2 ก.พ. 1634  ในวันฉลองการถือศีลชำระของแม่พระ  คุณแม่มาเรียนากำลังสวดภาวนาอยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท  เมื่อท่านสวดภาวนาเสร็จ  แสงจากตะเกียงข้างตู้ศีลก็ดับลง ทำให้โบสถ์ตกอยู่ในความมืดมิด  แม่พระทรงประจักษ์มาและแจ้งแก่คุณแม่มาเรียนาว่า  พระเยซูเจ้าทรงได้ยินคำอ้อนวอนของท่านแล้ว  และพระองค์จะทำให้ความทุกข์ของท่านสิ้นสุดลงภายในไม่เกินหนึ่งปี “จงเตรียมวิญญาณของลูก เพื่อที่การชำระให้บริสุทธิ์จะได้มาถึงในความชื่นชมยินดีแห่งองค์พระเป็นเจ้าของเรา โอ ! ถ้าหากมนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิญญาณนักบวช จะได้รู้ว่าสวรรค์เป็นอย่างไรและการได้เป็นเจ้าของสวรรค์นั้นเป็นเช่นไรแล้ว  พวกเขาจะดำเนินชีวิตแตกต่างจากปัจจุบันนี้  พวกเขาจะยอมอุทิศตนทั้งหมดเพื่อจะได้เป็นเจ้าของพระองค์”

แล้วแม่พระทรงอธิบายความหมายของการที่ไฟตะเกียงตู้ศีลดับลง

1. ความหมายแรกคือ ปลายศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงศตวรรษที่ 20 จะมีคำสอนผิดหลงนอกรีตมากมายถูกเผยแพร่ในดินแดนนี้ซึ่งเป็นสาธารณรัฐแล้ว  ด้วยการเผยแพร่คำสอนนอกรีตเหล่านี้จะดับแสงแห่งความเชื่ออันทรงคุณค่าจากจิตวิญญาณของมนุษย์ด้วยการฉ้อฉลของจิตใจ  ในช่วงเวลานี้จะมีหายนะภัยอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตใจ  ทั้งในที่สาธารณะและโดยส่วนตัว
“วิญญาณจำนวนเพียงเล็กน้อยซึ่งซ่อนตัวอยู่จะช่วยรักษาสมบัติแห่งความเชื่อเอาไว้ได้ และคนดีจะได้รับความทุกข์จากความโหดร้ายด้วยการเป็นมรณสักขีเป็นระยะเวลายาวนาน  หลายคนในบรรดาคนเหล่านี้จะถูกทรมานจนเสียชีวิต  คนที่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อพระศาสนจักรและประเทศจะได้เป็นมรณสักขี
 “เพื่อปลดปล่อยมนุษย์จากการยึดถือคำสอนผิดหลงนอกรีตเหล่านี้  ต้องอาศัยผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งเป็นอย่างมากและเขาจะต้องเข้ามาพึ่งพาความรักจากองค์พระบุตรของแม่  อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความกล้าหาญและความวางใจในพระเป็นเจ้า  เพื่อทดสอบความเชื่อและความวางใจของผู้ชอบธรรมเหล่านี้  จะมีบางเวลาที่ดูเหมือนทุกสิ่งจะสูญเสียไปและหมดสิ้นความหวัง  แต่นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูบูรณะที่สมบูรณ์”
 วิญญาณที่ถูกเลือกเหล่านี้  ผู้ซึ่งจะช่วยรักษาพระศาสนจักร  เป็นผู้ที่ น. หลุยส์  มารีย์ เดอ มงฟอร์ต ได้บรรยายไว้ว่า  พวกเขาคืออัครสาวกในวาระสุดท้าย  โดยอาศัยความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์
2. ความหมายประการที่สอง “คอนแวนต์ของแม่นี้จะมีขนาดเล็กลงเป็นอย่างมาก  จะจมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรแห่งความขมขื่นอย่างยิ่ง  และจะดูเหมือนจมลงในกระแสน้ำแห่งความทุกขเวทนา”  กระแสเรียกของหลายคนจะสูญสลายไป  แม่พระตรัสต่อว่า ความอยุติธรรมจะแทรกซึมเข้ามาแม้แต่ในคอนแวนต์นี้ “ความจอมปลอมภายใต้ชื่อของความเมตตาที่หลอกลวง  จะทำลายจิตวิญญาณ”  และวิญญาณของผู้สัตย์ซื่อจะร่ำไห้ในที่ลับเพื่อวิงวอนขอให้เวลานี้สั้นลง  ให้ความทุกข์ที่กำลังเป็นอยู่ได้บรรเทาเพื่อทำให้การเป็นมรณสักขีลดน้อยลง
3. เหตุผลประการที่สามที่แสงตะเกียงตับ  เนื่องมาจากจิตวิญญาณแห่งความไม่บริสุทธิ์ ซึ่งจะเข้มข้นขึ้นในบรรยากาศแห่งยุคสมัยนั้น  เหมือนมหาสมุทรที่สกปรก  มันจะไหลนองมาบนพื้นถนน ในจัตุรัส ในที่สาธารณะด้วยเสรีภาพที่น่าประหลาดใจ
“เกือบจะไม่มีวิญญาณที่บริสุทธิ์เหลืออยู่เลยในโลก”  พรหมจรรย์อันละเอียดอ่อนจะถูกรังเกียจและถูกทำลายอย่างสมบูรณ์  อย่างไรก็ตาม แม่พระทรงสัญญาว่าจะยังคงมีวิญญาณที่ดีบางคนเหลืออยู่ภายในอารามซึ่งเป็นต้นกำเนิด  พวกเขาจะเติบโตและอาศัยอยู่เหมือนเกราะกำบังให้แก่โลกต่อพระพิโรธของสวรรค์ แม่พระตรัสว่า “เมื่อปราศจากพรหมจรรย์  จำเป็นที่ไฟจากสวรรค์จะต้องตกลงเหนือแผ่นดินเหล่านั้นเพื่อชำระล้างพวกเขาให้บริสุทธิ์”
4. เหตุผลประการที่สี่ที่แสงตะเกียงดับลง  คือกลุ่มลัทธิเมซอนนิก ซึ่งจะแทรกซึมเข้าในวงสังคมระดับต่างๆ  มันจะนำคำสอนผิดๆเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายเด็กๆ  และปีศาจจะได้รับการสรรเสริญจากหัวใจที่ละเอียดอ่อนของบรรดาเด็กๆ
“ในระหว่างช่วงเวลาแห่งเคราะห์ร้ายนี้  ปีศาจจะล่อลวงบรรดาเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา  และด้วยเหตุนี้  กระแสเรียกเป็นพระสงฆ์จะสูญหายไป  ซึ่งจะเป็นหายนะภัยที่แท้จริง”
แม่พระทรงสัญญาอีกครั้งว่า  ในช่วงเวลานี้จะยังคงมีชุมนุมชนของนักบวช  ผู้ซึ่งจะช่วยรักษาพระศาสนจักรและผู้อภิบาลศักดิ์สิทธิ์ของพระแท่นบูชา – เป็นวิญญาณที่สวยงามและซ่อนเร้น พวกเขาจะทำงานด้วยความกล้าหาญและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตน  แต่เพื่อช่วยวิญญาณให้รอด  แต่แม่พระทรงเตือนว่า “พวกเขาจะถูกโจมตี  ความชั่วจะก่อสงครามอันโหดร้าย  เขาจะถูกจับผิด  ใส่ความ ทำร้าย เพื่อกีดขวางไม่ให้เขาปฏิบัติหน้าที่ได้  แต่พวกเขาจะเป็นเหมือนเสาหลักที่มั่นคง  พวกเขาจะไม่หวั่นไหวแต่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งด้วยจิตวิญญาณแห่งความถ่อมตนและความเสียสละซึ่งเป็นอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ โดยอาศัยคุณธรรมความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดขององค์พระบุตรของแม่  ผู้ซึ่งทรงรักพวกเขาด้วยดวงพระทัยอันอ่อนโยนของพระองค์”
แม่พระทรงตรัสต่อไปว่า “ในช่วงเวลานี้พระสงฆ์จะห่างไกลจากจิตวิญญาณของความเป็นสงฆ์  เพราะพวกเขาจะไม่ใส่ใจในหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์  อันเนื่องมาจากขาดเข็มทิศแห่งสวรรค์  พวกเขาจะหลงทางออกจากถนนที่มุ่งตรงสู่พระเป็นเจ้า  และจะยึดติดกับความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติ  อันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ควรแสวงหา
“พระศาสนจักรจะต้องทนทุกข์มากสักเพียงไรในเวลานั้น –ค่ำคืนอันมืดมิดของการขาดพระสังฆราชและบิดาเพื่อคอยดูแลพวกเขา(พระสงฆ์) ด้วยความรักของบิดา  ด้วยความอ่อนโยน  พละกำลัง  ความเข้าใจและความชาญฉลาด  พระสงฆ์หลายองค์จะสูญเสียจิตวิญญาณความเป็นสงฆ์ของตน  ทำให้วิญญาณของตนอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง”
แม่พระทรงอธิบายต่อไปว่า “เพราะฉะนั้นจงสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน  ไม่เหนื่อยล้าและจงร่ำไห้ด้วยน้ำตาที่ขมขื่นภายในหัวใจที่ลึกลับของลูกเถิด  จงวอนขอต่อพระบิดานิรันดรเพื่อให้  ความรักต่อศีลมหาสนิท  ต่อดวงพระหฤทัยแห่งองค์พระบุตรของแม่และพระโลหิตอันประเสริฐของพระองค์จะได้หลั่งลงในวาระนั้น...พระองค์จะได้ทรงสงสารบรรดาผู้อภิบาลของพระองค์และทำให้เวลานั้นจบสิ้นลง  พร้อมทั้งส่งพระสังฆราชมาให้พระศาสนจักรผู้ซึ่งจะช่วยรักษาจิตวิญญาณของพระสงฆ์ของท่าน
“องค์พระบุตรและแม่จะรักบรรดาบุตรเหล่านี้ด้วยความรักอันไม่อาจพรรณนาได้  และเราทั้งสองจะประทานพระพรแก่พวกเขาอย่างมากมายเพื่อทำให้พวกเขามีหัวใจที่ถ่อมตน  ว่านอนสอนง่ายต่อการดลใจแห่งสวรรค์  มีพละกำลังที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องของพระศาสนจักร  มีความอ่อนโยนและความรักในหัวใจ  เพื่อเขาจะได้เป็นเหมือนพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง  เขาจะช่วยเหลือทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย  โดยไม่ทอดทิ้งวิญญาณที่เคราะห์ร้ายที่มาขอคำแนะนำและความสว่างจากพวกเขาในเวลาแห่งความสงสัยและความลำบากของแต่ละคน  สถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะมาอยู่ในมือของพวกเขามากขึ้น และทุกสิ่งจะถูกชั่งตามมาตรฐานและพระเป็นเจ้าจะได้รับการสรรเสริญ”
 “วิญญาณที่เฉื่อยชาของผู้ถวายตนต่อพระเจ้าในฐานะพระสงฆ์และนักบวชจะยังยั้งการมาของพระสังฆราชและบิดาผู้นี้  และนั่นจะเป็นเหตุให้การสาปแช่งของปีศาจเข้าครอบครองดินแดนนี้  มันจะประสบความสำเร็จโดยอาศัยชาวต่างชาติที่ปราศจากความเชื่อ  ซึ่งมีจำนวนมากมายเหมือนเมฆหนาดำทึบ  มันจะกีดขวางการยกถวายอันบริสุทธิ์ของประเทศนี้แด่ดวงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า - องค์พระบุตรของแม่
 “เพราะคนพวกนี้  ความชั่วร้ายจึงเข้ามา  ซึ่งจะดึงดูดทุกขเวทนาทุกชนิดให้มายังประเทศนี้  อาทิเช่น  โรคระบาด  ข้าวยากหมากแพง  สงครามกลางเมืองและสงครามกับประเทศอื่น  การละทิ้งศาสนา  สิ่งเหล่านี้จะเป็นสาเหตุของความเศร้าโศกสำหรับวิญญาณจำนวนมาก  สำหรับพระเยซูเจ้าและสำหรับแม่ด้วย
“เพื่อที่จะสลายเมฆดำนี้ซึ่งกีดกั้นความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรในวันอันสดใสแห่งเสรีภาพ  จะมีสงครามที่น่ากลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  ที่ทำให้โลหิตของประชากรและชาวต่างชาติต้องหลั่งชโลมดิน รวมทั้งโลหิตของพระสงฆ์,นักบวชและฆราวาส  ค่ำคืนนั้นจะน่ากลัวที่สุด  เพราะพูดไปแล้ว  ความชั่วร้ายจะมองเห็นชัยชนะของมัน  
 “แล้วนั้น  เวลาของแม่จะมาถึง  แม่จะกระชากลากเจ้าซาตานให้ลงมาจากบัลลังก์แห่งความเย่อหยิ่งของมันอย่างอัศจรรย์  จะกระทืบมันภายใต้เบื้องบาทของแม่และล่ามโซ่มันไว้ในขุมนรกนิรันดร  และแล้วพระศาสนจักรและประเทศจะเป็นอิสระจากการปกครองแบบเผด็จการอันชั่วร้ายของมัน”
5. เหตุผลประการที่ห้าที่ตะเกียงดับ  มีสาเหตุเนื่องมาจาก ความไม่สนใจและการละเลยของบรรดาผู้ที่ครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาล  พวกเขาไม่สนใจและนิ่งเฉยเฝ้ามองดูพระศาสนจักรถูกกดขี่  คนดีมีคุณธรรมถูกเบียดเบียน  และมองดูชัยชนะของปีศาจโดยปราศจากจิตเมตตาเอื้ออาทร  พวกเขาไม่ยอมใช้ทรัพย์สมบัติของตนมาช่วยเหลือและทำลายความชั่วร้ายนี้และเพื่อรักษาความเชื่อ  นอกจากนั้นยังมีสาเหตุมาจากการที่ประชาชนยอมให้พระนามของพระเป็นเจ้าค่อยๆถูกถอดถอนออกทีละเล็กทีละน้อย  และยอมให้จิตแห่งความชั่วร้ายเข้ามาแทนที่แถมยังยอมรับเอาความชั่วและกิเลสตัณหาด้วยใจอิสระ”
 “อนิจจา! ลูกสาวที่ถูกเลือกของแม่เอ๋ย!  ถ้าลูกไปอยู่ในช่วงเวลานั้น  ลูกจะต้องตายด้วยความโศกเศร้าเมื่อเห็นทุกสิ่งที่แม่ได้เปิดเผยแก่ลูกบังเกิดขึ้น  แต่องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่และแม่มีความรักใหญ่หลวงต่อดินแดนนี้ซึ่งเป็นมรดกของเรา  เราจึงปรารถนาให้ลูกอุทิศชีวิตของลูกและสวดภาวนาเพื่อทำให้ระยะเวลาอันน่าหวาดหวั่นนั้นสั้นลง”
เมื่อแม่พระทรงอธิบายความหมายของการที่ตะเกียงดับลงเสร็จแล้ว  คุณแม่มารียนาได้เห็นวิญญาณที่ต้องสูญเสียไปในช่วงเวลานั้น  ด้วยความรู้สึกท่วมท้นที่ได้เห็นภาพของวิญญาณนับไม่ถ้วนต้องถูกสาปแช่งในช่วงเวลาดังกล่าว  คุณแม่มาเรียนาถึงกับเป็นลมสลบ  และซิสเตอร์คนอื่นมาพบท่านในสภาพเหมือนตายไปแล้ว เพียงแต่หัวใจยังเต้นอย่างอ่อนๆ  นายแพทย์ทั้งหลายพยายามช่วยให้ท่านฟื้นขึ้นมาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ  และได้ยืนยันว่าท่านได้เสียชีวิตแล้วจากอาการช็อค
บรรดาซิสเตอร์ได้สวดภาวนวิงวอนต่อสวรรค์ให้คุณแม่มาเรียนา ซึ่งเป็นอธิการผู้ก่อตั้งคนสุดท้ายของพวกเขา “เป็นผู้ดูแลและเสาหลักของบ้าน”  สองวันต่อมา  คุณแม่มาเรียนาก็ลืมตาขึ้น ทำให้บรรดาซิสเตอร์ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น