หลังจากได้นำเสนอบทความผู้ได้รับพระพรพิเศษ
มีรนา นาสซูร์ (Myrna Nazzour),ชาวซีเรียแล้ว
ยังมีผู้ได้รับพระพรพิเศษ อีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นชาวอิรัก เธอชื่อ นาซรีน โจนิ Nasreen Jouni
เป็นที่น่าสังเกตว่า
ตั้งแต่ 30 ปีก่อน พระเยซูเจ้าและแม่พระทรงเลือกสรรบุคคลจากประเทศตะวันออกกลาง คือในปี 1982
มีรนาชาวซีเรียเริ่มได้รับการประจักษ์จากแม่พระและพระเยซูเจ้า เธอสงสัยว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงเลือกเธอ เลือกประเทศซีเรีย ในเวลานั้นเธอไม่รู้เหตุผล เวลาผ่านไป 30 ปี
เธอจึงได้รู้คำตอบ เมื่อเกิดสงครามนองเลือดในตะวันออกกลาง ในซีเรีย
และในอิรัก
นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่พระเยซูเจ้าและแม่พระทรงเลือกสรรบุคคลทั้งสองนี้เป็นพิเศษ
จาก
Spiritdail.com (ค.ศ. 2014)
กรณีที่น่าสนใจต่อไปนี้
เป็นสตรีคาทอลิกที่เกิดในอิรัก เธอชื่อ
นาซรีน โจนิ Nasreen Jouni อายุ 51 ปี(ค.ศ. 2014) บิดาของเธอมาจากแบกแดด มารดามาจากเมืองมาสรา และยายของเธอมาจากเมืองนีนาเวห์ เราได้ไปสัมภาษณ์เธอเมื่อสัปดาห์นี้นี่เอง
นาซรีน
เติบโตในคูเวตภายใต้การดูแลของซิสเตอร์นักบวชหญิง เธอมาอยู่ที่สหรัฐในปี 1980
ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ Hesperia,
California เธอเล่าว่า เมื่อตอนเป็นเด็ก
แม่พระเคยมาพบเธอในความฝันและบอกให้เธอทราบถึงเหตุการณ์ที่จะมีผลกระทบต่อครอบครัวของเธอ
ได้แก่ความตายของบุคคลหนึ่งและก็ได้เป็นจริง ในปี
1969พระสงฆ์ท่านหนึ่งได้ให้รูปภาพของพระสงฆ์อิตาเลี่ยนองค์หนึ่งแก่เธอซึ่งเธอได้เขียนจดหมายไปถึงพระสงฆ์องค์นั้น
คือคุณพ่อปีโอ และคุณพ่อได้เขียนจดหมายกลับมาถึงเธอในอีก 3 เดือนต่อมา
ท่านบอกเธอว่า “เช่นเดียวกับกรณีของเทเรซา มัสโค
เรายินดีที่ได้ติดต่อกับเยาวชนเช่นเธอ และเมื่อเธอเติบโตขึ้น เธอจะรู้ว่า
เราเป็นใคร เพราะจะมีความเชื่อมโยงระหว่างเราทั้งสอง”
ความเชื่อมโยงนั้นก็คือรอยแผลศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ซึ่งเกิดกับเธอเป็นครั้งแรกหลังจากเธอได้รับรูปภาพของแม่พระทรงประจักษ์แก่ มีรนา
นาสซูร์Myrna Nazzour ชาวซีเรียที่ได้รับรอยแผลเช่นเดียวกัน (รูปไอคอนในบ้านของมีรนาได้หลั่งน้ำมันออกมามากจนทำให้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเปียกชุ่มทั้งผืน
– มีรนาบอกกับเรา)
ในปี
1991 แม่พระทรงประจักษ์แก่นาซรีนพร้อมด้วยมงกุฎสองวง วงหนึ่งเป็นมงกุฎหนาม
อีกวงหนึ่งเป็นมงกุฎดอกไม้ แม่พระทรงให้เธอเลือกและเธอตอบแม่พระว่า “ลูกขอเลือกมงกุฎหนามในโลกนี้และเมื่อลูกตายลูกขอมงกุฎดอกไม้”
ในระหว่างเวลาสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่เธอสวดภาวนา ได้มีเลือดไหลออกมาบนหน้าผากของเธอ
และหยดลงมาถึงมือและเท้าของเธอ
ปีต่อๆมาก็จะเกิดปรากฏการณ์นี้อีกโดยเริ่มเวลาประมาณ 18.00 น.
ของวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์หรือในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงเวลาบ่ายสามโมง
นาซรีนเล่าว่า “ฉันรู้สึกเจ็บปวดสาหัสมาก
เหมือนมีตะปูทิ่มแทงที่มือทั้งสอง และบ่าของฉันเหมือนจะหลุดเนื่องจากแบกกางเขน
แม่พระทรงประทับยืนอยู่ใกล้ๆขณะที่ฉันจ้องมองไม้กางเขน
และเราอยู่ที่เนินเขาของหมู่บ้านที่เก่าแก่มาก ฉันมองไม่เห็นใครเลยที่อยู่รอบๆ
แต่พวกเขาเล่าให้ฉันฟังว่า
ฉันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดในระหว่างถูกตรึงกางเขนและพวกเขาเห็นเลือดไหลออกมา”
“ฉันขออธิบายพระลักษณะของพระเยซูเจ้าว่า
เหมือนในรูปพระเมตตา พระเกศาของพระองค์เป็นสีน้ำตาล พระเนตรสีเขียวออกฟ้า
เมื่อฉันจ้องที่พระเนตรของพระองค์ ฉันมองเห็นตัวเองอยู่ข้างใน พระองค์สูงประมาณ 6
ฟุต และพระสุรเสียงนุ่มนวล”
“แม่พระทรงมีรูปร่างเล็กกว่า
ฉันไม่เคยเห็นพระนางสัมผัสพื้นดินเลย พระนางมีพระเกศาหยักเป็นลอนและพระเนตรเป็นสีฟ้าเหมือนสีน้ำทะเล
พระพักตร์สีขาวอมชมพู และพระนางมีเสียงเหมือนเด็ก”
นาซรีนได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์จนถึงปี
1996 และได้หยุดไปเป็นเวลา 5 ปีโดยไม่ทราบสาเหตุ และได้รับอีกจนมาถึงเวลานี้
เธอยังมีประสพการณ์แผ่นศีลปรากฎบนลิ้นของเธอต่อหน้าประจักษ์พยานด้วย
นาซรีนเล่าว่า
ผู้สังเกตการณ์จากวาติกันมาเยี่ยมเธอเป็นครั้งคราว เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1993
เมื่อพระสงฆ์และแม่ชีมาหาเธอและมาดูน้ำมัน
นาซรีนได้รับสาส์นจากพระเยซูเจ้าเมื่อวันที่
17 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 4.00 น. พระองค์ตรัสว่า
“ลูกสาวของเรา
เรารู้ว่าลูกอ่อนแอ และเรารู้ว่า หากปราศจากเราลูกจะไม่สมบูรณ์ตลอดเวลา ลูกจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
อย่าวิตกไปเลย เราจะดูแลลูกเอง
เราจะดูแลลูกจนกว่างานของเราจะสำเร็จไป ถ้วยกาลิกษ์แห่งพระเมตตาของเราเต็มปริ่มแล้ว ลูกสาวเอ๋ย เมื่อแม่ของเราปรากฏมาที่ฟาติมาในเดือนพฤษภาคม
1917 นั้น พระนางตรัสว่า ปีศาจได้ขอต่อหน้าพระบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ให้มันประจญล่อลวงโลกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี และเวลานั้นจะสิ้นสุดลงในปี 2017 มันจะไม่มีอำนาจปกครองโลกอีกต่อไป เพราะเราจะมาในสันติภาพและสันติสุขของเรา เพราะเราคือสันติสุขและความรัก เราขอพูดกับโลกทั้งโลกว่า
‘พระนางได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า นี่ไม่ใช่อวสานของโลก แต่เป็นอวสานของยุคสมัย
– ยุคสมัยของซาตาน ซึ่งจะตามมาด้วยเหตุการณ์สำคัญๆ และโลกต้องเตรียมพร้อมตามวิธีที่พระนางจะทรงเปิดเผยให้ทราบในปีที่จะมาถึงนี้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น