วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชนในจีน


พระคาร์ดินัลเซนกล่าวถึงแม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชนในจีน

บทความนี้มาจากการสัมภาษณ์พระคาร์ดินัลเซน  ท่านเล่าถึงแม่พระและการประจักษ์ของพระนางในประเทศจีน

ในปี 1900 มีรายงานว่ามีการประจักษ์ของแม่พระ 3 ครั้ง

ครั้งแรกที่ปักกิ่ง  แม่พระเสด็จมาพร้อมด้วยนักบุญอัครเทวดามีคาแอลและบรรดานิกรเทวดามากมาย

ครั้งที่สอง ทรงประจักษ์ที่หมู่บ้านซานไถ่ (Santai) ในระหว่างที่เกิดสงครามกบฏบ๊อกเซอร์ (Boxer Rebellion) และพระรูปแม่พระทรงหลั่งน้ำตาด้วย

ครั้งที่สาม การประจักษ์เกิดขึ้นที่ ดองกลู (Donglu) ดองกลูอยู่ห่าง 40 กม. จาก เบาดิงในจังหวัด หูเป่ย (Baoding in Hebei province) ที่นี่มีคริสตชนคาทอลิกจำนวนมากที่มีความศรัทธาและเป็นพระศาสนจักรที่ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน

ผู้ที่เป็นพยานรู้เห็นเล่าว่า  สุภาพสตรีที่สวยงามเชื่อว่าเป็นพระนางมารีย์ ได้ปรากฏบนท้องฟ้า  และพวกเขาได้วิงวอนแม่พระให้ช่วยพวกเขาจากศัตรูและช่วยให้เมืองไม่ถูกทำลาย  ชาวเมืองดองกลูได้ทำพิธีขอบคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระที่ช่วยปกป้องประชาชนและตัวเมืองในระหว่างสงครามกบฏบ๊อกเซอร์  ด้วยการสร้างโบสถ์ที่สวยงามถวายเกียรติแด่แม่พระ  พระสงฆ์ในสมัยนั้นได้รักษาภาพวาดจักรพรรดินี (Dowager Empress Ci Xi) สวมอาภรณ์จักรพรรดิ  ท่านยังให้จิตรกรวาดภาพลักษณะเช่นเดียวกันนี้ในรูปของแม่พระกำลังอุ้มพระกุมาร  และรูปภาพนี้แขวนอยู่ในโบสถ์ดองกลู  โบสถ์นี้กลายเป็นที่แสวงบุญที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง

อาสนวิหารที่ดองกลู

ประชาชนจำนวนนับหมื่นคนเริ่มเดินทางมาแสวงบุญที่ดองกลูตั้งแต่ปี 1924  พวกเขาเดินทางมายังเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารที่สร้างถวายแด่แม่พระ  พระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงรับรองอาสนวิหารแห่งนี้อย่างเป็นทางการ

อัศจรรย์ดวงอาทิตย์วันที่ 23 พ.ค. 1995

วันที่ 23 พ.ค. 1995 ผู้แสวงบุญได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษ  มีคาทอลิกประมาณ 30,000 คนที่มาจากพระศาสนจักรใต้ดินมารวมกันที่อาสนวิหารดองกลู  วันนั้นเป็นวันก่อนวันฉลองแม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน ซึ่งคาทอลิกชาวจีนมีความศรัทธามาก  พระสังฆราชสี่องค์จากพระศาสนจักรใต้ดินมาร่วมประกอบพิธีมิสซาพร้อมด้วยพระสงฆ์เกือบ 100 องค์  ทั้งหมดยืนอยู่บริเวณสถานที่โล่งแจ้งและมีความกระตือรือร้นที่จะฉลองวันสำคัญของแม่พระนี้  ในระหว่างการสวดภาวนาและในระหว่างการเสกศีลมหาสนิท  ประชาชนสังเกตุว่าดวงอาทิตย์หมุนจากขวาไปซ้าย  แสงรังสีหลายสีสาดส่องจากท้องฟ้า  ประชาชนสามารถมองดูดวงอาทิตย์โดยไม่กระพริบตา  ทันใดนั้นตรงใจกลางดวงอาทิตย์ประชาชนเห็นแม่พระทรงประจักษ์มา  บางคนมองเห็นเป็นกางเขน  บางคนเห็นเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์  บางคนเห็นแม่พระทรงอุ้มพระกุมารเยซู  และบางคนเห็นศีลมหาสนิท  ประชาชนมีความรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง  พวกเขาเป็นทุกข์ถึงบาปของตนและเริ่มร้องไห้  ประชาชนพากันร้องออกมาว่า “พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง  โปรดอภัยบาปของลูกด้วยเถิด”  “พระมารดาพรหมจารีย์  โปรดสงสารลูกด้วยเถิด”  ขณะที่ดวงอาทิตย์เปลี่ยนสีสลับกันไปปรากฏการณ์นี้กินเวลาประมาณ20นาที

ท่าทีของรัฐบาล

รัฐบาลมีท่าทีที่แข็งกร้าวเมื่อมีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม  ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระศาสนจักรคาทอลิกที่ไม่ได้รับการรับรองด้วยแล้ว  เพราะรัฐบาลคอยจับตาดูชุมนุมชนของพระศาสนจักรที่ไม่ได้รับการรับรองเหล่านี้อยู่และคอยกีดกันประชาชนไม่ให้ไปแสวงบุญที่ดองกลูในปี 1995 นั้น  รัฐบาลส่งทหารไปคอยควบคุมและขวางกั้นไม่ให้ประชาชนที่เดินทางไปดองกลูผ่านทางเพื่อขึ้นไปยังเนินเขา  ตำรวจบังคับให้ประชาชนกลับบ้านโดยทางรถบัสและรถไฟโดยไม่ให้คำอธิบายใดๆ  แต่ก็ยังคงมีประชาชนนับพันที่สามารถไปถึงสถานที่แสวงบุญได้สำเร็จโดยใช้ทางเลือกอื่นๆ  ประชาชนประมาณ 100,000 คนที่ร่วมในพิธีฉลองครั้งนี้

ในปี 1996 รัฐบาลได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการห้ามไม่ให้ผู้ใดไปยังอาสนวิหารดองกลูเด็ดขาด  ครั้งนี้รัฐบาลให้เหตุผลสองประการคือ  การรวมตัวกันเป็นสิ่งผิดกฏหมายและเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อเสถียรภาพของสังคม

ทีมตำรวจปกป้องสาธารณภัยจำนวน 500 นายเฝ้าระวังหมู่บ้านทั้งหมดที่อยู่โดยรอบดองกลูและตามเมืองทั้งหมดในจังหวัดหูเป่ย  พวกเขาเดินทางไปรอบๆพยายามบังคับสมาชิกของชุมนุมชนที่รัฐบาลไม่รับรองเหล่านั้นให้เข้าร่วมกับสมาคมรักชาติจีนและกีดกันประชาชนเหล่านั้นไม่ให้เข้าร่วมกับพระศาสนจักรที่รัฐบาลไม่รับรอง  พระสงฆ์ที่อยู่ในหมู่บ้านและในเมืองถูกสั่งไม่ให้ออกจากที่พักและห้ามสั่งสอนตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. เป็นต้นไป  ส่วนประชาชนผู้มีความเชื่อก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากหมู่บ้านของพวกเขา  บรรดาพ่อแม่ถูกห้ามไม่ให้พาลูกไปที่โบสถ์หรือสวมใส่ศาสนภัณฑ์ต่างๆ

แต่ดูเหมือนคำสั่งห้ามเหล่านี้จะไม่มีผลต่อความเชื่อของประชาชนคาทอลิก  พวกเขาต้องการถวายเกียรติแด่แม่พระที่อาสนวิหารดองกลู  ทุกเดือนพฤษภาคม  ประชาชนนับหมื่นคนจะพากันไปแสวงบุญ  ทั้งๆที่มีคำสั่งห้าม  พวกเขาเดินไปยังเนินเขาอย่างเงียบๆ  หรือสวดสายประคำหรือร้องเพลงไปด้วย

อาสนวิหารแห่งซีชาน The shrine at Sheshan

มิถุนายน 1989 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสวดภาวนาแด่แม่พระแห่งซีชานองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน  เพื่อขอให้แม่พระทรงเมตตาต่อคริสตชนชาวจีนอันเป็นที่รักยิ่ง  นี่เป็นการย้ำถึงความสำคัญของอาสนวิหารแห่งนี้ในฐานะสัญญลักษณ์ของการฟื้นฟูคริสตศาสนาขึ้นใหม่ในประเทศจีน  ซีชานมียอดเขา 9 ยอดที่สูงเหยียดเมฆ  อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ประมาณ 35 กม.  และมีป่าไผ่อยู่ล้อมรอบ  สายลมพัดผ่านไปตามต้นไผ่  ธรรมชาติอันงดงามนี้แหละที่เหมาะสมกับพระเป็นเจ้าและแม่พระ 

ปี 1866 มีการสร้างโบสถ์ที่เซี่ยงไฮ้เป็นรูปหกเหลี่ยมภายในมีพระแท่นและพระรูปแม่พระประดิษฐานอยู่  ห้าปีต่อมา คณะเยซูอิตได้สร้างโบสถ์อีกแห่งหนึ่งใกล้กับภูเขาและถวายแด่แม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน  ซึ่งได้รับการรับรองในปี 1873

ปี 1924 พระสังฆราชจีนได้ประกอบพิธีถวายประเทศจีนแด่แม่พระ ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นที่แสวงบุญ  ต่อมาในปี 1925 เริ่มปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโบสถ์ให้เป็นอาสนวิหาร ใช้เวลา 10 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์  อาสนวิหารนี้กลายเป็นที่แสวงบุญที่มีชาวจีนนิยมมากันมาก

ระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม  พระรูปแม่พระทำด้วยทองบรอนซ์ซึ่งตั้งอยู่หัวมุมของอาสนวิหารได้หายไป  รูปปั้นอื่นๆ , พระแท่นและหน้าต่างกระจกสีได้ถูกทำลายพังเสียหาย  ทางโบสถ์จึงสร้างพระรูปแม่พระทรงอุ้มพระกุมารทำด้วยทองบรอนซ์ขึ้นมาใหม่และนำไปตั้งบนยอดพระวิหารในปี 2000 ประชาชนประมาณ 10,000 คนเป็นผู้บริจาคเงินในการสร้างครั้งนี้
 
ารแสวงบุญเริ่มต้นในปี 1979 และตั้งแต่บัดนั้น  ทุกปีจะมีผู้แสวงบุญนับพันมาที่ซีชาน  ในปี 1900 การแสวงบุญครั้งแรกในรอบสิบปีมีประชาชน 30,000 คนมาร่วมฉลองแม่พระ  คนที่อายุมากหน่อยและคนหนุ่มจะปีนเขาที่สูงชันขึ้นมา  นี่แสดงถึงความศรัทธาและความรักของพวกเขาต่อแม่พระ  มีผู้แสวงบุญกลุ่มใหญ่เป็นชาวประมงจากเมืองเจียงนาม  ได้แล่นเรือมาตามแม่น้ำแยงซีและล่องมาในคลองที่อยู่รอบเชิงเขาแห่งนี้  และพักจอดเรือที่ซีชานอย่างน้อยสามวัน  พวกเขามาสวดวิงวอนต่อแม่พระให้ช่วยเหลือพวกเขาในความจำเป็นต่างๆ  นี่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น  เมื่อเปรียบเทียบกับชาวจีนจากทั่วประเทศที่มาแสวงบุญ ณ. ที่แห่งนี้
----------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น