วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รูปภาพการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

LOS ANGELES, CA (California Network) - ความลับบางอย่างก็ซ่อนอยู่ในที่ที่ใครไม่คาดคิด  ศิลปินได้ศึกษาภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของลีโอนาโด  ดาวินซี “การเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย” 'The Last Supper"  และได้ค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพนี้

ภาพการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายบอกเล่าเรื่องราวเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศว่า  ศิษย์คนหนึ่งของพระองค์จะทรยศพระองค์  ทำให้บรรดาอัครสาวกพากันสงสัยและวุ่นวายใจและไม่ค่อยเชื่อ

แต่มีบางอย่างที่หายไปในภาพนี้

รัศมี  Halos.

ในภาพนี้ ทุกคนเป็นนักบุญ ยกเว้นยูดาส  โดยธรรมเนียมแล้ว  รูปของบรรดาอัครสาวกจะมีรัศมีที่ศีรษะเสมอ  แต่เหตุใดในภาพจึงไม่มีรัศมี? ทำไมจึงไม่มีใครสังเกตเรื่องนี้หรือพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน?

ภาพการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายเป็นภาพทางคริสต์ศาสนาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์  เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่เพิ่งมีการสังเกตุการที่บางอย่างซึ่งควรจะปรากฏอยู่ได้ขาดหายไปจากรูปภาพ

อันที่จริงอาจมีบางคนที่สังเกตเห็น  แต่ไม่ได้นำมาพูดเป็นเรื่องราวขึ้นมา  การขาดหายไปของรัศมีนับเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจและไม่น่าที่จะมีคนละเลยไม่กล่าวถึงเรื่องนี้

อะไรที่ขาดหายไปจากรูปภาพที่มีชื่อเสียงนี้?  และเหตุใดจึงต้องใช้เวลาที่ 5 ศตวรรษจึงมีผู้สังเกตุเห็น?

อย่างไรก็ตาม  ในความคิดของดาวินซี  บุคคลในรูปภาพเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา  หาใช่นักบุญหรือพระเจ้า

ถ้าเช่นนั้นดาวินซีเป็นเฮเรติกหรือ? รูปภาพอันมีชื่อเสียงทางคริสต์ศาสนาเป็นสิ่งนอกรีตหรือ?

อาจเป็นไปได้  แต่เราไม่ทราบแน่ชัด  เป็นที่รู้กันว่า ไม่มีใครเป็นนักบุญได้ถ้าหากเขายังไม่ตายไปเสียก่อน  ส่วนพระเยซูเจ้า  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  และพระองค์ก็ทรงเป็นมนุษย์ด้วยในเวลาของการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

มีความเป็นไปได้ 4 อย่างในเรื่องนี้

1.        ดาวินซี ทำพลาดไป  เขาลืมใส่รัศมีถึงแม้ว่ามันเป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติกันในสมัยนั้น

2.        ดาวินซีต้องการบอกย้ำในเรื่องความเป็นมนุษย์มากกว่าเรื่องการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

3.        ดาวินซีตั้งใจละเว้นไม่ใส่รัศมีเพราะเขาต้องการบอกว่า  ไม่ว่าพระเยซูเจ้าหรือบรรดาอัครสาวกก็เป็นแต่เพียงมนุษย์เท่านั้น  ถ้าเป็นเช่นนี้ก็นับได้ว่ารูปภาพของเขาเป็นสิ่งที่ผิดต่อศาสนา

4.        ดาวินซีกำลังส่งสาส์นซึ่งภาพยนตร์เกี่ยวกับดาวินซีโค๊ดได้จินตนาการสร้างขึ้นมา

เราไม่อาจทราบเหตุผลที่แท้จริงของดาวินซีได้  จะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะตัดสินด้วยตนเอง
----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น