Mexico City, Mexico, Jan
19, 2017 / 04:22 pm (CNA). – คุณพ่อ
ฟรานซิสโก โลเปซ เซดาโน อายุ 80 ปีเป็นพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจ ตลอดเวลา 40
ปีที่ผ่านมาท่านได้ทำพิธีแล้วอย่างน้อย 6,000 ครั้ง
และท่านกล่าวว่าปีศาจกลัวท่าน
คุณพ่อโลเปซบอกกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์
Hoy Los Angeles (Los Angeles Today)
ว่าเมื่อปีศาจพูดกับท่านผ่านทางผู้ที่มันสิง
ท่านตอบมันว่า “ข้าไม่ได้มีอำนาจอะไร แต่ข้ามาจากพระคริสต์ –
เจ้านายของเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าต้องออกไปเดี๋ยวนี้
ข้าสั่งเจ้าในพระนามของพระองค์ เจ้าจงไปให้พ้น ออกไป”
คุณพ่อโลเปซเป็นผู้ประสานงานกิติคุณของพระสงฆ์ที่ประกอบพิธีขับไล่ปีศาจของสังฆมณฑลเม็กซิโก และท่านอยู่ในคณะมิชชันนารีแห่งพระจิตเจ้า ปัจจุบันนี้
ท่านยังคงทำงานอยู่ที่โบสถ์ไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเม็กซิโกซิตี้
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ คุณพ่อกล่าวเน้นใน 4
ประเด็นที่ท่านได้เรียนรู้จากการเป็นผู้ประกอบพิธีนี้จากปีที่ผ่านมา
ประการแรก
ท่านย้ำว่าปีศาจมีตัวตน(เป็นบุคคล)ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งของ
ท่านบอกว่าพระเยซูได้เผชิญหน้ากับปีศาจหลายครั้งและได้ตรัสกับมันด้วย เมื่อพูดกับปีศาจ “เราไม่ได้พูดกับสิ่งของ แต่เราพูดกับบุคคล”
“ปีศาจต้องการแยกเราออกจากพระเป็นเจ้า ต้องการทำให้เรากลัว ต้องการทำร้ายเรา
ต้องการทำให้เราอกสั่นขวัญผวา”
“มันทำให้เราเกียจคร้าน
เหนื่อยล้า ง่วงนอน ไม่ไว้วางใจ สิ้นหวัง เกลียดชัง – ทุกๆสิ่งที่เป็นด้านลบ”
ประการที่สอง คุณพ่อโลเปซกล่าวว่า
ปีศาจเข้าสิงคนได้เพราะคนนั้นอนุญาตให้มันทำดังนั้น “มันไม่สามารถเข้าสิงใครได้ถ้าเราไม่เปิดประตูให้กับมัน....เพราะเหตุนี้พระเป็นเจ้าจึงทรงสั่งห้ามการทำอาคม ไสยศาสตร์ พ่อมดหมอผี การเข้าทรงและโหราศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นการโกหกหลอกลวง”
“ความเชื่อที่ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนเรานั้นเป็นการโกหกที่ใหญ่ที่สุด มันอยู่ห่างจากเราไปหลายล้านกิโลเมตร
มันเป็นโลหะและก๊าซ – แล้วมันจะมีอิทธิพลต่อเราได้อย่างไร?
ทำนองเดียวกันกับเรื่องของการทำอาคม
ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุและมันไม่มีอำนาจในตัวของมันเอง
เช่นการห้อยเกือกม้าเพื่อทำให้มีโชคดี – นั่นคือการโกหก”
ความจริงอีกอย่างที่คุณพ่อโลเปซได้เรียนรู้จากประสบการณ์ก็คือ
การถูกปีศาจสิงจะทำให้แสดงพฤติกรรมที่จำเพาะ
ท่านสังเกตคนที่ถูกปีศาจสิง
“พวกเขาเริ่มส่งเสียงตะโกน ส่งเสียงเห่าเหมือนสุนัข กรีดร้องหรือชักดิ้นชักงอ
และบางคนเลื้อยไปบนพื้นเหมือนงู
มีรูปแบบต่างๆเป็นพันแบบ” ครั้งหนึ่งคุณพ่อโลเปซเล่า – เด็กชายอายุประมาณ
18 ปีผลักม้านั่งยาว 5 ตัวที่หนักมาก ต้องใช้คนถึง 10 คนจึงจะเคลื่อนย้ายม้านั่งนี้ได้
“เขามีพละกำลังอย่างเหลือเชื่อ
เราต้องใช้คนสามคนเพื่อจับตัวเขาไว้ระหว่างทำพิธี นั่นย่อมอธิบายได้อย่างดีว่ามีปีศาจสิงเขาอยู่ บางคนสามารถปีนกำแพงได้ และใช่
บางคนก็บินได้ด้วย”
ในบางครั้ง
คนที่ถูกปีศาจสิง “จะได้ยินเสียงของพระเจ้า รู้สึกถึงความเกลียดชังของพระเจ้าหรือการถูกปฏิเสธจากพระเจ้า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเชื่อในพระเจ้า
แต่ตอนนี้พวกเขากระทืบเท้าบนหนังสือพระคัมภีร์ มีคนหนึ่งที่ปวดหลังมาก แต่แพทย์ตรวจแล้วไม่พบว่าผิดปกติ”
“อาการบาดเจ็บจากซาตานอยู่นอกเหนือการควบคุมทางการแพทย์
คนที่ท้องร่วงตลอดเวลาแต่ไม่มีสาเหตุที่ทำให้เกิด คนที่ปวดตาแต่จักษุแพทย์หาสาเหตุไม่พบ
อาการบาดเจ็บเหล่านี้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ไม่อาจตรวจรักษาได้”
และสุดท้าย
คุณพ่อโลเปซกล่าวว่า หลายสิบปีที่ท่านได้ให้ความช่วยเหลือผู้คน
ได้สอนท่านว่า พิธีขับไล่ปีศาจเป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านมั่นใจว่า “พิธีนี้เป็นสิ่งจำเป็น” หลังจากที่ท่านได้เห็น “กรณีต่างๆที่เจ็บปวดและสาหัสมาก”
“เพื่อนพระสงฆ์ที่มีส่วนร่วมในพิธีทำให้ผมมองเห็นว่าการต่อสู้กับปีศาจนั้นเป็นพันธกิจ คุณจะเป็นพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีนี้ได้โดยพระบัญชาของพระเป็นเจ้าเท่านั้น อำนาจที่คุณจะต้องมีก็คือ อำนาจประกาศพระวาจาของพระเจ้า อำนาจการรักษาผู้ป่วยและอำนาจในการขับไล่ปีศาจ สามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในพระศาสนจักร”
---------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น