ชัยชนะของพระเยซูเจ้าต่ออาณาจักรนรก
โดยบุญราศีมารีย์แห่งอเกรดา
บุญราศีมารีย์แห่งอเกรดา เกิดวันที่ 2 เม.ย.1502 ที่อเกรดา ประเทศสเปน เธอเป็นนักพรตในคณะฟรังซิสกัน เสียชีวิตวันที่ 24 พ.ค. 1665 เธอมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์โดยได้รับพระพรพิเศษและได้รับการเผยแสดงด้วยนิมิต
หนังสือที่เธอเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ นครของพระเจ้า City of God ซึ่งได้เขียนถึงประวัติของพระนางพรหมจารีย์มารีย์ พระมารดาของพระเจ้า และแม่พระเองทรงเป็นผู้ทรงบอกเล่าให้เธอเขียนโดยตรง หลังจากเธอเสียชีวิตแล้ว ร่างของเธอไม่เน่าเปื่อย แม้ว่าเวลาผ่านไปนานถึง 339 ปี.
ต่อไปนี้เป็นข้อเขียนในบทที่ 10 ในหนังสือ นครของพระเป็นเจ้า "City of God" เป็นเรื่องของ "ชัยชนะของพระเยซูเจ้าต่อปีศาจในนรก" เล่าถึงเวลาที่ปีศาจถูกบังคับให้เป็นพยานแห่งความปราชัยครั้งสุดท้ายของมัน โดยการพลีพระชนม์ของพระคริสตเจ้าบนเนินเขากาวารีโอ เพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
* * * * * * * * * * * * * *
ลูซีเฟอร์และพลพรรคของมันได้เฝ้ามองชีวิตอันมหัศจรรย์ขององค์พระผู้ไถ่ของเรา มันยังไม่มีความมั่นใจเต็มที่เลยว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ไถ่ของโลกนี้จริงแท้หรือไม่ และมันไม่ล่วงรู้ถึงศักดิ์ศรีอันแท้จริงของพระนางมารีย์ เพราะพระญาณเอื้ออาทรของพระเป็นเจ้าทรงปิดบังมันไว้ เพื่อให้การบังเกิดเป็นมนุษย์และการไถ่กู้มนุษยชาติจะบรรลุถึงจุดหมายและสัมฤทธิ์ผล ถึงแม้ว่าลูซีเฟอร์จะรู้ว่าพระเป็นเจ้าจะทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แต่มันไม่ล่วงรู้ถึงสถานการณ์และลักษณะของการบังเกิดอันน่ามหัศจรรย์นี้เลย
ทันทีที่ลูซีเฟอร์และพลพรรคปีศาจของมันเห็นองค์พระเป็นเจ้าทรงรับแบกกางเขนไว้บนบ่าอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พวกมันต้องการที่จะหลีกหนีลงไปในนรกทันที เพราะเวลานั้นเองที่มันรู้สึกถึงพระพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ไพศาลแห่งพระฤทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้า ด้วยความทุกข์ทรมานที่พระองค์ทรงรับ ทำให้ปีศาจรู้ว่า พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น ความตายของมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ซึ่งพวกมันเป็นผู้วางแผนการทำลาย ได้นำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมาสู่พวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงต้องการที่จะล้มเลิกแผนการเสีย มันจึงหยุดยุแหย่ชาวยิวและคนที่กำลังโห่ร้องประณามพระองค์ เหมือนเช่นที่ได้ทำก่อนหน้านี้
แต่ด้วยพระบัญชาของพระนางมารีย์ผู้ทรงบุญ อาศัยพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า ได้ดึงรั้งและหน่วงเหนี่ยวพวกมันไม่ให้หนีไป เปรียบได้กับการล่ามโซ่มังกรที่ดุร้ายเอาไว้ บังคับให้มันต้องติดตามพระคริสต์ไปสู่เนินเขากาวารี และปลายสุดของโซ่นั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระนางมารีย์ องค์ราชินีผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยอำนาจแห่งองค์พระบุตรของพระนาง พระนางทรงพันธนาการพวกมันไว้ดุจทาส หลายครั้งที่พวกมันพยายามดิ้นรนที่จะหนีแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ มันไม่สามารถเอาชนะอำนาจสวรรค์ของพระนางได้ พระนางบังคับมันให้ไปอยู่รอบกางเขน ทรงสั่งพวกมันให้นิ่งเงียบและเป็นสักขีพยานถึงความลึกลับแห่งการไถ่กู้มนุษย์และความล่มสลายของพวกมัน (..)
แล้วนั้น องค์พระผู้ไถ่ตรัสพระวาจาแรก "พระบิดาเจ้าข้า โปรดทรงอภัยแก่พวกเขาด้วยเถิด เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร" (ลก. 23,34) อาศัยพระวาจานี้ทำให้เจ้าชายแห่งความมืดแน่ใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรากำลังตรัสกับพระบิดานิรันดร และพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและทรงเป็นพระเจ้าแท้ ทรงอยู่กับพระบิดาและพระจิต พระองค์ทรงยอมรับความตายในพระมนุษยภาพอันสมบูรณ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระองค์ ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าเพื่อไถ่กู้มนุษยชาติทั้งมวลให้รอด โดยถวายพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ทรงคุณค่าเพื่อขออภัยต่อบาปทั้งหมดของบรรดาบุตรทั้งหลายของอาดัม ต่อแต่นี้ไปมนุษย์จะได้รับความรอดไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่กำลังตรึงพระองค์บนกางเขน เมื่อได้รับรู้เช่นนี้แล้ว ลูซีเฟอร์และบริวารปีศาจทั้งหมดของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสิ้นหวัง มันต้องการที่จะหนีลงไปสู้ก้นบึ้งอันห่างไกลที่สุดแห่งขุมนรก มันพยายามดิ้นรนจนสุดฤทธิ์ด้วยพละกำลังทั้งหมดของมันที่จะหนีจากการผูกล่ามของพระนางพรหมจารีย์มารีย์ผู้ทรงอานุภาพ
พระวาจาที่สองขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงตรัสแก่โจรผู้โชคดีว่า "เราขอบอกความจริงแก่เจ้าว่า ในวันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในสวรรค์" ปีศาจเข้าใจทันทีว่าผลแห่งการไถ่กู้ที่มีต่อคนบาปที่กลับใจคือสง่าราศีแห่งความชอบธรรม พวกมันได้รับรู้ว่า ณ. เวลานั้นเป็นต้นไป ด้วยอำนาจแห่งพระเมตตาของพระคริสตเจ้า พระองค์ทรงเริ่มต้นเปิดประตูสวรรค์ซึ่งได้ถูกปิดไปนานแล้วนับตั้งแต่บาปแรก และต่อแต่นี้ไปมนุษย์จะได้เข้าสู่ความสุขนิรันดรและครอบครองที่นั่งในสวรรค์ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ (...)
พระวาจาที่สามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่พระมารดา "สตรีเอ๋ย นี่แน่ะลูกของท่าน" ปีศาจได้รับรู้ว่า พระราชินีสวรรค์ทรงเป็นพระมารดาที่แท้จริงของมนุษย์พระเจ้า สตรีผู้นี้เองคือเครื่องหมายที่ได้แสดงให้พวกมันเห็นในเวลาที่พวกมันถูกสร้างมา และจะเป็นผู้ที่เหยียบหัวของมันตามที่พระเป็นเจ้าทรงแจ้งประกาศไว้ในสวรรค์ พวกมันยังได้รับรู้ถึงพระเกียรติและความยิ่งใหญ่แห่งพระนางเจ้าสวรรค์ที่มีเหนือสิ่งสร้างทั้งมวลอีกด้วย และรับรู้ถึงฤทธานุภาพของพระนางซึ่งมันก็เพิ่งประสพด้วยตัวมันเองอยู่ในขณะนี้ ตั้งแต่ในเวลาแรกเริ่มแห่งปฐมกาลการเนรมิตสร้างโลก ที่พวกมันพยายามค้นหาว่าสตรีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งถูกประกาศในสวรรค์นี้เป็นใคร บัดนี้มันตระหนักแล้วว่าคือพระนางมารีย์นี่เอง ผู้ซึ่งมันได้มองข้ามมาตลอด บัดนี้มันได้ตกเป็นนักโทษดุจดังมังกรร้ายที่ถูกล่ามโซ่
พระวาจาที่สี่ของพระคริสตเจ้าที่ทรงตรัสต่อพระบิดานิรันดร "พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า เหตุไฉนจึงทรงละทิ้งข้าพเจ้าเล่า?" ปีศาจได้ตระหนักว่า พระเมตตาของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์นั้นไม่มีขอบเขตและไม่มีสิ้นสุด เพื่อทำให้เห็นประจักษ์ในเรื่องนี้ พระเป็นเจ้าทรงซ่อนพระฤทธานุภาพของพระองค์ไว้ในสภาพมนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และยอมให้ความทุกข์ทรมานที่พระองค์ทรงรับนั้นขึ้นถึงระดับจุดสูงสุด เพื่อทำให้ผลแห่งพระมหาทรมานนั้นบังเกิดอย่างอุดมบริบูรณ์ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงรำพันด้วยหทัยรักแทนมนุษยชาติทั้งมวลถึงการที่ถูกละทิ้ง เพื่อมนุษยชาติทั้งมวลจะได้รับความรอด พระองค์พร้อมที่จะรับความทรมานมากขึ้นอีก ถ้าหากพระบิดานิรันดรจะทรงอำนวยพระพรแด่มนุษยชาติ
พระวาจาที่ห้าของพระคริสตเจ้า "เรากระหาย" เป็นการยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงได้รับชัยชนะต่อลูซีเฟอร์และบริวารของมัน ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและฉุนเฉียว เพราะพระเป็นเจ้าทรงทำให้มันเห็นอย่างชัดแจ้งในความปราชัยของมัน ด้วยพระดำรัสนี้ทำให้มันเข้าใจทันทีว่า พระองค์กำลังตรัสกับพวกมัน : "เมื่อพวกเจ้าได้เห็นแล้วว่า เรายอมรับความทุกข์ทรมานเพื่อมนุษย์ และความรักของเราต่อมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่สักเพียงใด ก็แน่ใจได้ว่าความรักของเราจะยังดำรงอยู่เสมอ เป็นความรอดชั่วนิรันดรสำหรับมนุษย์ และไม่ว่าความทุกข์ทรมานจะหนักหนาสาหัสสักเท่าไร ความรักก็จะไม่สิ้นสูญไป และถ้าหากจำเป็น เราก็พร้อมที่จะยอมรับความทุกข์ทรมานมากขึ้น เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากการกดขี่ของเจ้าปีศาจ และเราจะทำให้มนุษย์แข็งแกร่งมีพลังที่จะต่อสู้กับความเย่อหยิ่งและความชั่วร้าย"
พระวาจาที่หกของพระคริสตเจ้า "ทุกสิ่งสำเร็จบริบูรณ์แล้ว" ลูซีเฟอร์และพลพรรคของมันได้ตระหนักว่า บัดนี้การทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์และการไถ่กู้มนุษยชาติได้สัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์แล้ว และผลสำเร็จนี้สืบเนื่องมาจากพระปรีชาญาณอันลึกล้ำของพระเป็นเจ้า ปีศาจเข้าใจแล้วว่า พระคริสตเจ้าทรงนบนอบเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระบิดานิรันดรในทุกสิ่งทุกประการ พระองค์ทรงกระทำให้พระสัญญาและคำทำนายทุกประการของพระเป็นเจ้าที่ทรงให้แก่ปิตาจารย์ในกาลก่อนเป็นจริง ความถ่อมตนและนบนอบเชื่อฟังของพระองค์เป็นการชดเชยต่อความเย่อหยิ่งและความไม่นบนอบเชื่อฟังของพวกมันขณะที่พวกมันอยู่ในสวรรค์ นั่นคือการที่พวกมันไม่ยอมรับและนอบน้อมต่อพระองค์ในฐานะเจ้านายของพวกมันในพระมนุษยภาพ ในเวลานี้ ด้วยพระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้าและโดยความชอบธรรม พวกมันต้องยอมถ่อมตัวลงและยอมแพ้ต่อพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งพวกมันได้มุ่งร้าย
ถึงเวลาที่พระคริสตเจ้า พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์และพระทัยกรุณา จะทรงกระทำหน้าที่ของพระองค์ด้วยการพิพากษาอย่างทรงอำนาจต่อเหล่าทูตสวรรค์และมนุษย์ ตามที่พระองค์ทรงได้รับมอบหมายจากพระบิดานิรันดร พระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจตรัสต่อลูซีเฟอร์และพลพรรคทั้งหลายของมัน สาปแช่งพวกมันให้ไปสู่ไฟนิรันดร พวกมันต่างล่วงหล่นลงไปสู่ก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของขุมนรก พระวาจานี้ปรากฏอยู่ในพระดำรัสที่เจ็ด "พระบิดาเจ้าข้า ลูกขอมอบวิญญาณของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" (ลก. 23,46)....จิตที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่างพากันล่วงหล่นจากเนินเขากาวารีไปสู่นรกทันทีอย่างรวดเร็วและรุนแรงดุจแสงสว่างจ้าของสายฟ้าในก้อนเมฆ
หลังจากที่ลูซีเฟอร์ถูกสาปแช่งไปสู่นรกและเมื่อมันเรี่มตั้งสติได้จากความหวาดหวั่นที่ได้รับโดยใช้ระยะเวลาหนึ่ง มันก็เริ่มปรึกษากับลูกสมุนของมันถึงแผนการอันชั่วร้ายและเย่อหยิ่งของมัน (...) "โอ มนุษย์เอ๋ย ผู้ได้รับความรักและพระพรจากพระเจ้าที่เราเกลียดชัง พวกเจ้าช่างโชคดีจริงหนอที่ได้รับความรักสุดซึ้งจากพระองค์! ข้าจะซ่อนบังความโชคดีของพวกเจ้าได้อย่างไร? ข้าจะทำให้ความทุกข์ของข้าไปอยู่กับพวกเจ้าได้อย่างไร เพราะข้าไม่สามารถทำลายสิ่งที่พวกเจ้าเพิ่งได้รับมา? บริวารของข้าเอ๋ย พวกเราจะต้องเริ่มต้นทำอะไร? เราจะรักษาอำนาจของพวกเราไว้ได้อย่างไร?...เพื่อต่อสู้กับกฏบัญญัติของพระผู้ไถ่และต่อสู้กับผู้ที่ทำตามพระวาจาของพระองค์ ข้าตั้งใจที่จะนำความโกรธแค้นและความชิงชังของข้าไปให้พวกมัน และข้าจะเบียดเบียนอย่างโหดร้ายที่สุดต่อผู้ที่ได้ฟังพระวาจาและกลับเป็นศิษย์ของพระองค์ การต่อสู้กับคนพวกนี้ต้องเป็นยุทธสงครามที่ไม่มีเวลาหยุดพักของพวกเรา ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันอวสานของโลก"
******************
บทที่ 10 จบลงด้วยพระดำรัสของพระนางพรหมจารียมารีย์
ด้วยการเลียนแบบชีวิตของพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วนของบรรดาทายาทแห่งพระศาสนจักรในยุคแรก เพื่อเผชิญหน้ากับผีปีศาจ ทำให้ผีปีศาจเกรงกลัวพวกเขาเป็นอย่างมากจนไม่กล้าเข้าใกล้ และพวกมันหลีกหนีจากอัครสาวกในทันทีที่พวกเขาขับไล่มันตามคำสั่งสอนของพระบุตรของแม่....สิ่งที่พบในบรรดานักบุญและคริสตชนผู้มีชีวิตที่ครบครันในสมัยนั้นจะบังเกิดขึ้นแก่คาทอลิกทุกคนในยุคสมัยนี้เช่นกัน ถ้าหากพวกเขาจะยอมรับพระหรรษทานและทำงานด้วยพระคุณที่ได้รับนี้แทนที่จะปล่อยให้เสียไปโดยไม่ทำอะไรเลย และถ้าหากพวกเขาจะแสวงหาหนทางแห่งกางเขน ซึ่งลูซีเฟอร์มีความกลัวยิ่งนักทั้งในเวลานี้และในเวลานั้นที่เรื่องราวได้ถูกบันทึกเอาไว้
แต่ในไม่ช้า ความรัก ความร้อนรน และความศรัทธาของผู้มีความเชื่อหลายคนจะเริ่มเย็นชืดลง และพวกเขาจะหลงลืมพระพรแห่งการไถ่กู้ให้รอด พวกเขาจะโน้มเอียงไปตามความปรารถนาฝ่ายต่ำ จะรักความชั่วและสิ่งว่างเปล่า ยอมให้ตัวเองลุ่มหลงและถูกหลอกลวงด้วยภาพมายาของลูซีเฟอร์ เขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีขององค์พระผู้ไถ่ของพวกเขาเอง และจะนำตนเองไปสู่อวนกับดักของศัตรูอันร้ายกาจของพวกเขา บรรดาคนอกตัญญูเหล่านี้ทำให้โลกเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ พวกเขาเร่งเร้าให้ปีศาจลุกขึ้นมาต่อสู้กับพระเป็นเจ้าด้วยความหยิ่งผยอง และยอมให้ปีศาจยึดครองบุตรทั้งหลายของอาดัมโดยอาศัยความหลงลืมและความไม่ใส่ใจของบรรดาคาทอลิก
*************************************************
ดิฉันได้รับการไขแสดงจากพระมารดาของพระเป็นเจ้าว่า ในอนาคต คำสอนที่ผิดพลาดทั้งหมดจะสูญไปหมดสิ้น ชัยชนะเหนือคำสอนที่ผิดพลาดนี้สืบเนื่องมาจากพระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงประทานแก่พระมารดาของพระองค์ ...ก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสตเจ้า พระแม่มารีย์จะทรงแสดงพระเมตตา พระราชอำนาจและพระหรรษทานแก่มนุษย์มากยิ่งกว่าที่เคยมีมา ทั้งนี้เพื่อนำผู้ที่ไม่เชื่อให้เข้ามาสู่ความเชื่อคาทอลิก
________________________________________
This article was published in the March-April, 2004 issue of "Michael".
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น