วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การกลับใจของรัสเซีย – สหรัฐอเมริกา



เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองทั่วโลกที่กำลังเกิดขึ้น อาทิเช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรียและตะวันออกกลางนั้นไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องหากปราศจากคำอธิบายของพระแม่มารีย์ที่ทรงเปิดเผยให้ทราบในปี 1917 ในการประจักษ์มาที่ฟาติมาในประเทศโปรตุเกส พระนางทรงเผยให้เห็นยุคแห่งสันติภาพของโลกในอนาคต ซึ่งเป็นสันติภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน พระนางตรัสถึง “การกลับใจของรัสเซีย” พระนางทรงตรัสแก่เด็ก 3 คน และทรงเผยให้ทราบถึงการแพร่ระบาดของลัทธิคอมมิวนิสต์รัสเซีย พระเป็นเจ้าทรงให้เป็นเช่นนั้นเพื่อลงโทษบาปความผิดของมนุษย์ที่หันหลังให้กับพระองค์ แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดพระนางมารีย์จะทรงเป็นผู้ปราบเจ้ามารร้ายและเหยียบหัวของมัน นั่นคือชัยชนะแห่งดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์
 
“ในท้ายที่สุด ดวงหทัยนิรมลของแม่จะได้รับชัยชนะ พระสันตะปาปาจะถวายประเทศรัสเซียแด่แม่ แล้วรัสเซียจะกลับใจ และยุคแห่งสันติภาพจะเกิดขึ้นบนโลก”
 
อีก 12 ปีต่อมานับจากปี 1917 พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มาอีกครั้งหนึ่ง(13 มิ.ย. 1929) พระนางประจักษ์แก่ ลูซีอา ดอสซานตอส (ผู้เป็นหนึ่งในเด็กสามคนแห่งฟาติมา และเวลานั้นเป็นแม่ชีอยู่ที่เมืองตุย ในประเทศสเปน) พระนางตรัสแก่ลูซีอาว่า
 
“เวลาได้มาถึงแล้วที่พระเจ้าจะทรงขอให้พระสันตะปาปาพร้อมด้วยพระสังฆราชทั่วโลก ประกอบพิธีมอบถวายประเทศรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่เพื่อช่วยโลกให้ปลอดภัย” (https://newera.news/further-little-known-apparitions-tuy-spain/)
 
แต่การถวายประเทศรัสเซียกลับล่าช้าไปอีกเป็นเวลานานถึง 55 ปี โดยพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงประกอบพิธีนี้ในวันที่ 25 มี.ค. 1984 ก่อนหน้านั้นคอมมิวนิสต์ได้แพร่คำสอนผิดพลาด (การไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า, วัตถุนิยม, สังคมนิยม) ไปทั่วโลกแล้วตามที่แม่พระทรงแจ้งไว้ และอิทธิพลของมันก็ยังคงอยู่ในโลกปัจจุบันนี้
 
บางคนที่ติดตามเหตุการณ์ในโลกก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในรัสเซียและทั่วโลก การกลับใจอย่างไม่คาดคิดของรัสเซียนั้นทำให้สถาปนิกแห่งโลกาภิวัตน์และแนวคิดเสรีนิยมเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของพวกเขาเปลี่ยนไป - ระบบโลกทั้งโลกกำลังเปลี่ยนไปโดยสิ่งที่รัสเซียกำลังทำอยู่ ในเวลานั้น,ระบอบเสรีนิยมคาดว่ารัสเซียจะดำเนินการตามเส้นทางยุคใหม่ที่ดำเนินการโดยกอร์บาชอฟและบอริสเยลต์ซิน และยังคงต่อต้านคริสตศาสนาทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ด้วยความประหลาดใจของทุกคน รัสเซียกลับมามีส่วนร่วมในเอกลักษณ์แห่งคริสตศาสนา (รัสเซียออร์โธดอกซ์)ในยุคของวลาดิเมียร์ ปูติน
 
อุดมการณ์เสรีนิยมที่ผูกขาดอำนาจทั้งในสหรัฐอเมริกาและในกลุ่มประเทศนาโต้ระบุว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามทางการเมือง / การทหาร ที่สำคัญที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแผนการณ์ของพวกเขาที่จะครองโลก ในอดีตการรุกรานนั้นเกิดจากลัทธิคอมมิวนิสต์ของรัสเซีย ทุกวันนี้กลับเป็นฝ่ายตะวันตกที่มุ่งมั่นโจมตีทำร้ายชีวิตครอบครัวและคุณค่าของคริสตชนแบบดั้งเดิม ดังนั้นโลกาภิวัตน์ที่มีแนวคิดเสรีนิยมจึงก่อสงครามขึ้นทุกจุดเพื่อลบล้างรัสเซียและผู้นำวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อ ประเทศในกลุ่มนาโต้เหล่านี้ทำให้เกิดการรัฐประหารในยูเครนเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การกำเนิดขึ้นของผู้ก่อการร้ายอิสลามที่เข่นฆ่าคริสตชนในซีเรีย ซึ่งเป็นการดำเนินตามรอยเท้าแห่งการทำลายล้างของลิเบียและการทำลายล้างชาวอิรัก ชาวรัสเซียลุกขึ้นและพูดว่า “พอแล้ว” แล้วรัสเซียก็เข้าช่วยซีเรียต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายอิสลาม ทำให้ กลุ่มอัลกออิดะห์หมดอำนาจลง มันเป็นศัตรูที่ชาวอเมริกันและพันธมิตรไม่สามารถปราบปรามลงได้หลังจากห้าปีของการทำสงครามกับกลุ่มนี้ แต่กลับถูกปราบลงได้สำเร็จโดยรัสเซียภายในเวลาไม่กี่เดือน อเมริกาต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายจริงๆหรือ?
 
ในความเป็นจริงสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามในซีเรีย สิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับทุกคนคือ รัสเซียและวลาดิเมียร์ ปูตินเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ รัสเซียไม่ได้เพียงแต่กลับใจตามที่แม่พระทรงบอกไว้ล่วงหน้าเท่านั้น รัสเซียกำลังปรากฏตัวขึ้นในฐานะตัวแทนแห่งสันติภาพรายใหม่ของโลกที่ช่วยสร้างยุคแห่งสันติภาพตามที่พระแม่มารีย์ทรงสัญญาไว้ที่ฟาติมา เป็นการยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งนี้ในรัสเซีย(การกลับใจ) เมื่อเร็ว ๆ นี้พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ลงพระนามในแถลงการณ์ร่วมกับพระอัยกาคิริลล์ผู้นำแห่งคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย แถลงการณ์ร่วมเขียนไว้ดังนี้
 
“เราขอยืนยันถึงคุณค่าที่สำคัญที่สุดของเสรีภาพทางศาสนา เราขอขอบคุณพระเจ้าสำหรับการฟื้นฟูความเชื่อของคริสตศาสนาอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรัสเซียและในประเทศอื่นๆในยุโรปตะวันออก หลายสิบปีที่ผ่านมาคำสอนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าครอบครองประเทศเหล่านี้ ทุกวันนี้โซ่ตรวนแห่งการไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าถูกทำลายลงและในหลายๆแห่ง คริสตชนสามารถยืนยันความเชื่อของพวกเขาได้อย่างอิสระ”
 
เมื่อหลายปีก่อนความคิดเรื่องการกลับใจของรัสเซียเป็นป้อมปราการของคริสตศาสนาและผู้ปกป้องคริสตชนในตะวันออกกลาง (และทั่วโลก) ความคิดนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในการพบกันระหว่างประธานาธิบดีปูตินและกลุ่มผู้นำศาสนาที่นำโดย Metropolitan Hilarion ซึ่งเป็นกลุ่มของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของคริสตจักรออร์โธดอกรัสเซีย Metropolitan แสดงความหวังว่ารัฐบาลของรัสเซียจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อชุมชนคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนในต่างประเทศ
 
ประธานาธิบดีปูตินได้ให้สัญญาว่า
“นี่เป็นงานอีกชิ้นหนึ่งในนโยบายต่างประเทศของรัสเซียเพื่อปกป้องคริสตชนในประเทศอื่นที่ถูกเบียดเบียนเนื่องจากความเชื่อของพวกเขา” และท่านยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “ไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใด เพราะมันจะต้องเป็นเช่นนั้น”
 
จึงเป็นที่ชัดเจนว่าเหตุใดกลุ่มนีโอคอนและกลุ่มเสรีนิยมจึงมีความรังเกียจวลาดิเมียร์ ปูติน
 
นโยบายการต่างประเทศของอเมริกายังอยู่ในความสับสน ดูเหมือนว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้าใจถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันกับรัสเซียเพื่อสันติภาพของโลกในช่วงที่เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานาธิบดี ในเวลานั้นเขากล่าวอย่างชัดเจนว่า “ถึงเวลาที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตและสร้างแนวทางใหม่”
 
“ถึงเวลาสำหรับแนวทางใหม่แล้ว กลยุทธ์การสร้างชาติและระบอบการปกครองในปัจจุบันของเรานั้นเป็นหายนะทั้งหมด – สิ่งที่เราได้รับจากอิรักและการลงทุนของเราในตะวันออกกลางคือความตาย, การทำลายล้างและการสูญเสียทางการเงินมหาศาล แต่ถึงเวลาแล้วที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตที่อยู่ข้างหลังเราและจัดทำแนวทางใหม่…. ถ้าผมได้เป็นประธานาธิบดี, ยุคแห่งการสร้างชาติจะถูกกระทำอย่างรวดเร็ว” (CNN Transcripts)“
 
“วิธีการใหม่ของเราจะต้องหยุดยั้งการแพร่กระจายของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง…. การกระทำทั้งหมดควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายนี้และประเทศใดก็ตามที่มีเป้าหมายร่วมกันกับเรา พวกเขาจะเป็นพันธมิตรของเรา เราไม่สามารถเลือกใครเป็นเพื่อนของเราได้ตลอดเวลา แต่เราต้องจดจำศัตรูของเราได้”
 
แต่น่าเสียดาย เนื่องจากความเย่อหยิ่งของกลุ่ม Neocons (บรรดาชายและหญิงที่ยังคงพยายามที่จะทำให้อเมริกาปกครองโลก) และน่าเสียดายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้กระทำตามคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ อเมริกาได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกสงครามและการก่อการร้ายไปทั่วโลก มีการปฏิบัติการลับและให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั่วโลก โครงการสำหรับศตวรรษใหม่ของอเมริกาจึงตายไป คนเพียงไม่กี่คนที่ต้องการทำสงครามและโอ้อวดความเป็นเสรีนิยมและการมีตลาดการเงินเสรี (ภายใต้หน้ากากแห่งเสรีภาพ) ประชาชนต้องการระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เราไม่ต้องการผู้นำที่แสดงตัวเป็นนักเลงและนิยมสงคราม และเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทั่วโลกตั้งแต่ไนจีเรียจนถึงอิรัก, อัฟกานิสถาน, ซีเรีย, เยเมนและที่อื่นๆ ไปจนถึงแปซิฟิกใต้ - ไม่มีที่ไหนที่ปราศจากภัยคุกคามจาก อาวุธอเมริกัน
 
สหรัฐอเมริกาต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สร้างสันติโดยอาศัยการเจรจาต่อรองและแสดงให้โลกเห็นว่าจะตีดาบให้เป็นผลาญไถนาได้อย่างไร แต่งบประมาณทางทหารของสหรัฐนั้นสูงกว่าของทุกประเทศในโลกรวมกัน นาโต้ใช้งบประมาณทางทหารมากกว่ารัสเซียถึงสิบเท่า - ดังนั้นใครคือผู้รุกรานทางทหารใครเป็นผู้ทำสงครามเล่า? ปูตินได้ท้าทายตะวันตกให้เปิดเผยแผนที่ของฐานทัพทั้งหมดทั่วโลกและเปรียบเทียบกับฐานทัพของรัสเซีย – เขาบอกว่า ด้วยแผนที่ดังกล่าวจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าใครเป็นผู้รุกราน:
 
“ผมขอเชิญพวกคุณให้เปิดเผยแผนที่โลกในหนังสือพิมพ์ของคุณและทำเครื่องหมายแสดงฐานทัพสหรัฐฯทั้งหมดในนั้น คุณจะได้เห็นความแตกต่าง” (Vladimir Putin)
 
ปูตินกล่าวต่อไปว่า
 
“เรือดำน้ำอเมริกากำลังประจำการอย่างถาวรนอกชายฝั่งนอร์เวย์ พวกเขามีอาวุธที่สามารถไปถึงมอสโคว์ได้ภายใน 17 นาที แต่เราได้รื้อฐานทัพทั้งหมดของเราในคิวบาเป็นเวลานานแล้วแม้แต่ในฐานทัพที่ไม่ใช่เชิงกลยุทธ์ และคุณกล่าวหาเราว่าเป็นคนก้าวร้าวอย่างนั้นหรือ?”
 
“คุณพูดเองถึงการขยายขอบเขตของนาโต้ไปทางทิศตะวันออก (นั่นคือไปทางชายแดนรัสเซีย) สำหรับเรา, เราไม่ได้ขยายขอบเขตไปที่ใดเลย โครงสร้างพื้นฐานทางทหารนาโต้ได้เคลื่อนเข้าหาพรมแดนของเรา นี่แสดงถึงความก้าวร้าวของเราเช่นนั้นหรือ?”
 
“ทุกสิ่งที่เราทำคือการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับเรา นอกจากนี้สิ่งที่เราทำก็มีขีดจำกัด ในขอบเขตและขนาดซึ่งเพียงพอสำหรับความปลอดภัยของรัสเซีย หรือบางคนคาดหวังว่ารัสเซียจะปลดอาวุธฝ่ายเดียวได้หรือ?”
 
แผนที่ฐานทัพของสหรัฐทั่วโลก
 
ดูแผนที่ด้านล่าง ดูเหมือนว่าปูตินจะพูดถูกต้องและตรงประเด็น เป็นประเด็นที่นักเสรีนิยมสมัยใหม่ต้องการเพิกเฉย::

ไม่ใช่รัสเซียที่กำลังทำลายล้างตะวันตก แต่เป็นทางตะวันตกที่ทำลายล้างรัสเซีย ดูเหมือนว่ารัสเซียและตะวันตกจะเปลี่ยนบทบาทกัน หวังว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐอเมริกาและรัสเซียจะประนีประนอมและร่วมมือกันเพื่อปกป้องคริสตชนและสันติภาพของโลกในอนาคต – ฝ่ายเสรีนิยมและ neocons กลัวสิ่งนี้มาก พวกเขาถือว่าปูตินเป็นปีศาจของพวกเขา

การขยายฐานทัพทางทหารของสหรัฐไปทั่วโลก
 
จากแผนที่นี้สามารถเห็นได้ว่าใครกำลังคุกคามใคร รัสเซียมีฐานทัพล้อมรอบยกเว้นขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็น และแม้แต่ที่นั่นสหรัฐยังมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์มากกว่าที่จะสามารถยิงเป้าและโจมตีมอสโกได้ภายใน 17 นาที ตอนนี้สหรัฐกำลังส่งกำลังทหารไปยังอัฟกานิสถานอีก 4,000 นายและประธานาธิบดีทรัมป์กำลังคุกคามสงครามมากขึ้น (ดูด้านล่าง)

แผนที่ฐานทัพของรัสเซียทั่วโลก
 
รัสเซียขยายฐานทัพเพื่อต่อรองอำนาจกับสหรัฐ แต่ก็ยังไม่มีการเผชิญหน้ากันอย่างจริงจัง
 
สหรัฐคงต้องเผชิญความลำบากจากนโยบายต่างประเทศที่ผิดพลาดในซีเรีย (และที่อื่นๆ) ถ้าหากยังไม่เปลี่ยนนโยบายเสียใหม่ ถ้าหากยังคงยึดถือระบบเสรีนิยมและเผยแพร่มันออกไปทั่วโลก สหรัฐก็ต้องได้รับผลกรรมจากการกระทำของตัวเอง

****************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น