วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2024 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์

 
โดยคุณพ่อยอห์นชัยยะ กิจสวัสดิ์  
มาระโก 16:15-20 
15พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง 16ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ 18จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” 19เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา 20บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา
******************
 
 
 
วันนี้ พระวรสารโดยนักบุญมาระโก และหนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่า เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกำชับบรรดาศิษย์ให้รอรับพระจิตเจ้าแล้วจึงออกไปประกาศข่าวดีแก่นานาชาติเพื่อมนุษย์จะได้รับการอภัยบาป เสร็จแล้วพระองค์ก็ “เสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย” (กจ 1:9) อันเป็นที่มาที่ทำให้เราร่วมใจกันสมโภชในวันนี้
 
และในบทภาวนาตอนเริ่มมิสซาสมโภชวันนี้ เราวอนขอว่า “เมื่อพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นศีรษะทรงได้รับพระเกียรติ ข้าพเจ้าทั้งหลายซึ่งเป็นส่วนต่างๆ แห่งพระกาย ก็มีความหวังว่า การเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ท่าน จะนำข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าสู่สวรรค์ด้วย”
 
ก็แปลว่าเราทุกคนหวังจะได้ไปสวรรค์เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าซึ่งทรงนำทางเราไปแล้ว และในเมื่อเราหวังเช่นนี้ วันสมโภชนี้ก็ขอให้เราหันกลับมาดูตัวเราเองว่า เราได้อุทิศตนให้กับการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตในสวรรค์ มากน้อยเพียงใด ?
 
หากที่ผ่านมาเรามัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับโลกนี้ จนไม่สนใจเตรียมตัวเราสำหรับชีวิตในโลกหน้า ในบทอ่านที่สองซึ่งเป็นจดหมายถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลทั้งเตือน ทั้งวอนขอเพื่อเราว่า “ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์ พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์...โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด” (อฟ 1:17-19)
 
จากคำเตือนและคำวอนขอนี้ เท่ากับนักบุญเปาโลต้องการให้เราคิดและตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้
 
คำถามแรกก็คือ เรารู้จักตัวเราเองไหม?
 
ถ้าพี่น้องต้องการรู้จักตัวเราเองก็มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน ทางแรกก็คือดูสิว่าเรามองตัวเราเองอย่างไร ทางที่สองก็ดูว่าคนอื่นเขามองเราอย่างไร และทางที่สามก็คือดูว่าพระเจ้าทรงมองเราอย่างไร
 
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทางที่สามนี่แหละ คือดูว่าพระเจ้าทรงมองเราอย่างไร เราอาจจะมองตัวเราเองเป็นคนดี เป็นคนเก่ง คนอื่นอาจจะมองเราเป็นคนชั่ว ไม่เอาถ่าน แต่อย่าลืมว่าเมื่อรับศีลล้างบาป พระเจ้าทรงมองเราเป็นบุตรของพระองค์ เพราะ ฉะนั้นนักบุญเปาโลจึงวอนขอเพื่อเราว่า “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด”
 
ในเมื่อพระเจ้าทรงมองเราเป็นบุตรของพระองค์ ลองคิดดูสิว่าความหวังของเรามันช่างยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์เพียงใด !
 
คำถามที่สอง นอกจากรู้จักตัวเราเองแล้ว เรารู้จักคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ในครอบครองหรือไม่ ?
 
แน่นอนว่าเราทุกคนต่างก็พยายามแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด มีคุณค่ามากที่สุดมาไว้ในครอบครอง เราอยากได้บ้านที่ดีที่สุด เราอยากได้รถยนต์ ได้โทรศัพท์มือถือ และอยากได้ทุกสิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมนะว่า สิ่งที่ดีที่สุดนั้นพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราแล้ว หากพี่น้องยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก็ขอให้ฟังคำวอนขอของนักบุญเปาโลอีกครั้งหนึ่ง “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร”
 
นั่นคือ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราก็คือ มรดกแห่งความรุ่งเรืองบริบูรณ์ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราในสวรรค์นั่นเอง
 
อย่างไรก็ตาม ทั้งๆ ที่รู้จักตัวเองว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และรู้ว่าพระเจ้าทรงเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้แล้ว คำถามที่สามและเป็นคำถามสุดท้ายก็คือ เมื่อเราหันไปมองสถานการณ์รอบด้านทุกวันนี้ เรารู้สึกอย่างไร?
 
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เราได้ยิน ได้ฟัง ได้ประสบแต่เรื่องร้ายๆ ไหนจะวิกฤตไวรัสโควิด ไหนจะภัยธรรมชาติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไหนจะภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นมาเอง ทั้งสงครามการค้าและการทหาร ทั้งระเบิดพลีชีพ ทั้งอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน ไหนรายได้กับค่าครองชีพของเราจะพุ่งสวนทางกัน ไหนลูกหลานของเราจะยิ่งวันยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ดูเหมือนทุกสิ่งจะเลวร้ายลงทุกวัน
 
หากเราท้อใจ ก็ขอให้ฟังคำวอนขอของนักบุญเปาโลอีกครั้งหนึ่ง “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด” ในเมื่อพระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอยู่กับเรา เรายังจะต้องวิตกกังวลหรือท้อใจอีกทำไมเล่า !
 
พี่น้องครับ เรารู้อนาคตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราแล้ว เรารู้ว่าพระอานุภาพที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เราผู้มีความเชื่อนั้นยิ่งใหญ่ สามารถเอาชนะปีศาจ สามารถช่วยเราคลี่คลายปัญหา เอาชนะปัญหา และจัดการกับทุกสถานการณ์ในชีวิตของเราได้เช่นนี้แล้ว เรายังจะเย็นเฉยกับพระองค์ต่อไปอีกหรือ?
 
ขอพระเยซูเจ้าผู้เสด็จสู่สวรรค์ซึ่งเราร่วมใจกันสมโภชวันนี้ โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อเราจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่เราจะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด และโปรดให้เราเป็นผู้รับใช้ที่ร้อนรนและซื่อสัตย์ของพระองค์ตลอดชีวิตนี้ และตลอดไปด้วยเทอญ
 
***************************


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น