วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

นักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนา

 

บางคนบอกว่านักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนาเป็นลูกคนที่ 25 จากพ่อแม่ของเธอ แต่จริงๆแล้วแคทเธอรีนเป็นลูกคนที่ 23 จากทั้งหมด 25 คน เธอเกิดในปี 1347 แคทเธอรีนมีน้องสาวฝาแฝดซึ่งเป็นคนที่ 24 และมีน้องอีกคนต่อจากพวกเขา พ่อแม่ของ Catherine คือ ลาปา(Lapa) และ จาโคโม เบนินคาซา(Jacomo Benincasa) พวกเขาเป็นคนชั้นกลางที่มีฐานะร่ำรวย จาโคโมหาเลี้ยงชีพด้วยการย้อมผ้า อาชีพที่ดูว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยและได้รับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง,เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการย้อมผ้าไหมทุกประเภทและเขาประสบความสำเร็จทางการเงิน
 
พวกเขามีเงินมากพอที่จะส่งน้องสาวฝาแฝดของแคทเธอรีนไปเลี้ยงดูโดยแม่นม,ในขณะที่แคทเธอรีนได้รับการเลี้ยงดูและได้รับนมจากแม่ของเธอ อย่างไรก็ตามน้องสาวฝาแฝดเสียชีวิตอย่างลึกลับตั้งแต่ยังเป็นทารก และพวกเขามักจะสงสัยว่าที่เธอเสียชีวิตเพราะเธอถูกส่งออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปดื่มน้ำนมจากแม่นม,ซึ่งไม่ใช่แม่ของเธอ ดังที่กล่าวไว้ว่ากาฬโรคกำลังระบาดในเซียนนาอยู่ในเวลานั้น และนั่นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ทารกตัวน้อยจากไปอย่างกะทันหัน
 
เซียนาเมืองแห่งบ้านอิฐแดงสูญเสียประชากรไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์จากกาฬโรค ช่วงทศวรรษที่ 1340 เป็นช่วงเวลาที่การระบาดร้ายแรงแพร่กระจายเร็วกว่าที่ผู้คนจะรู้เกี่ยวกับวิธีกำจัดมัน
 
แคทเธอรีนรอดชีวิตจากโรคระบาดและเติบโตมาเป็นหญิงสาว เธอมีใบหน้ารูปหัวใจและรอยยิ้มที่งดงาม ความตายเกิดขึ้นอีกครั้งในครอบครัว,พี่สาวของเธอเสียชีวิต เรื่องนี้เป็นเหตุประจวบเหมาะกับความคิดของจาโคโมที่ต้องการให้แคทเธอรีนแต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี เขาจึงพยายามผลักดันให้แคทเธอรีนเป็นภรรยาของสามีของพี่สาวผู้ล่วงลับ แต่แคทเธอรีนปฏิเสธ เธอตัดสินใจที่จะอยู่เป็นโสด และใช้ชีวิตแบบนักบวชโดมินิกันและปฏิบัติตามกฎแห่งชีวิตตามที่นักบุญโดมินิกวางไว้ นักบุญซึ่งต่อสู้กับลัทธิอัลบิเจนเซียนที่มีอิทธิพล
 
จาโคโมรู้สึกไม่พอใจที่ลูกสาวปฏิเสธที่จะแต่งงานกับพ่อม่าย เขาลงโทษแคทเธอรีนด้วยการไล่หญิงแม่บ้านออกไปหมดและบังคับให้แคทเธอรีนทำงานบ้านทุกอย่าง แม้กระทั่งให้เธอทำงานทำความสะอาดที่เลวร้ายที่สุด ,ในช่วงเวลาที่ไม่มีน้ำไหลและไม่มีห้องน้ำ แคทเธอรีนตอบสนองด้วยการยอมรับความน่าเบื่อหน่ายในบ้าน เธอตัดผมของเธอและทำให้ตัวเองดูเป็นเด็กผู้ชายเพื่อที่จะลบความสวยของผู้หญิง ในที่สุดจาโคโมก็ยอมจำนนเมื่อเห็นว่าแคทเธอรีนมุ่งมั่นที่จะมีพระเยซูเป็นเจ้าบ่าวของเธอ เขาปฏิเสธข้อเสนอของบรรดาผู้ชาย ที่มาขอแต่งงานกับแคทเธอรีนและเพลิดเพลินกับสินสอดทองหมั้นของเธอ
 
จาโคโมใจอ่อนลงและเขาเริ่มเชื่อมั่นในกระแสเรียกของลูกสาว เขาอนุญาตให้เธอมีห้องส่วนตัวเป็นดังอาศรมที่เธอสามารถอยู่คนเดียวเพื่อสวดภาวนา,พินิจใคร่ครวญและเพลิดเพลินกับนิมิตสวรรค์ที่พระเยซูเจ้าประจักษ์แก่เธอ
 
พ่อและลูกสาวใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แคทเธอรีนไม่รู้สึกขมขื่นกับความพยายามของพ่อในการบีบบังคับให้เธอเปลี่ยนไปใช้ชีวิตแต่งงาน เมื่อจาโคโมเข้าสู่ช่วงปลายสุดท้ายของชีวิต เขาล้มป่วยติดเตียง แคทเธอรีนสวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้าเพื่อบิดาของเธอ พระองค์บอกกับแคทเธอรีนว่า จาโคโมอยู่บนหน้าผาแห่งความตายและจาโคโมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ในส่วนของเขา,จาโคโมพร้อมที่จะไปหาพระเจ้าและไม่มีความผูกพันใดๆกับโลกแลล้ว
 
แต่แคทเธอรีนยังไม่พอใจ - เธอสวดอ้อนวอนต่อพระเยซูเจ้าขอให้จาโคโมจากเตียงมรณะไปสู่สวรรค์โดยไม่ต้องผ่านไฟชำระ พระเยซูเจ้าไม่ทรงตอบสนองคำขอของเธอโดยทันที พระองค์ตรัสว่า “พ่อของลูกมีชีวิตที่ดีในสถานะของคู่แต่งงาน...เราพอใจเป็นพิเศษกับพฤติกรรมของเขาที่มีต่อลูก แต่ความยุติธรรมเรียกร้องให้วิญญาณของเขาต้องผ่านไฟเพื่อชำระให้บริสุทธิ์เสียก่อน” แคทเธอรีนไม่สามารถทนต่อความคิดที่พ่อของเธออยู่ในไฟชำระได้  เธอเคยได้รับนิมิตเกี่ยวกับเปลวไฟอันร้อนแรงที่นั่น ดังนั้นเธอจึงวิงวอนต่อพระเยซูเจ้า - "ลูกขอวิงวอนต่อพระเมตตาอันไม่มีสิ้นสุดของพระองค์ ขอทรงอย่าให้วิญญาณของเขาออกจากร่างโดยวิธีใดวิธีหนึ่งจนกว่าจะถูกทำให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้วและไม่จำเป็นต้องได้รับการชำระให้บิรสุทธิ์ด้วยไฟแห่งไฟชำระ" พระเยซูเจ้าทรงสนองตอบคำวิงวอนนี้
 
เมื่อวิญญาณจาโคโมกำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว แต่วิญญาณไม่สามารถละทิ้งร่างกายของเขาได้จนกว่าพระยุติธรรมจะได้รับการชดเชยและจนกว่าหนี้จากบาปที่กระทำได้รับการชำระแล้ว แคทเธอรีนเสนอที่จะมอบตนเองเป็นผู้ที่ทนทุกข์ทรมานแทนความทรมานของบิดา เธอทูลพระเยซูเจ้าว่า "ขอให้พระยุติธรรมนี้ตกลงมาที่ลูกเถิด" พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยยอมรับและตรัสว่า "เราขอยกเว้นวิญญาณของพ่อของลูกจากความเจ็บปวดทรมานทั้งหมด แต่ตลอดชีวิตของลูก,ลูกจะต้องได้รับความเจ็บปวดที่เราจะส่งมายังลูก"
 
ในขณะที่จาโคโมเสียชีวิต,แคทเธอรีนรู้สึกเจ็บปวดที่ด้านข้างจากการถูกแทงด้วยหอกตลอดชีวิตของเธอ เธอรับโทษแทนพ่อของเธอเหมือนกับที่พระผู้ไถ่ทรงมอบพระองค์เองเพื่อรับโทษบาปของมนุษย์ มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่ได้ทำให้เธอซึมเศร้า เธอยังได้รับความสุขบางอย่างและแม้แต่ในงานศพของพ่อ,เธอก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความร่าเริง เธอฉลองการที่พ่อได้อยู่ในสวรรค์แล้ว
 
จาโคโมทำให้พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยระหว่างที่เขาแต่งงานกับลาปา แต่เมื่อแคทเธอรีนได้เห็นภาพนิมิตแสดงถึงความทรมานที่น่ากลัวของนรกและไฟชำระ,เธอค้นพบว่าเหตุใดคนที่แต่งงานแล้วจึงไปสู่ไฟชำระและถูกชำระล้างด้วยเปลวไฟที่ทรมาน "ฉันได้รับนิมิตโดยเฉพาะเกี่ยวกับคนที่ทำบาปขณะที่อยู่ในสถานะที่แต่งงานแล้ว,โดยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่กำหนด และโดยการแสวงหาสิ่งซึ่งเป็นความพึงพอใจอันไร้ค่า". แคทเธอรีนรู้สึกงุนงงเพราะการใช้การแต่งงานเป็นวิธีทำให้เนื้อหนังพอใจนั้นไม่ใช่บาปหนักแต่อย่างใด แต่วิญญาณที่ทำเช่นนั้นถูกทรมานอย่างร้ายแรง ดังนั้นเธอจึงถามพระเยซูเจ้าว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พระองค์ตรัสตอบว่า "เพราะพวกเขาไม่ค่อยให้ความสนใจและไม่ระมัดระวังตัวเองในเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีความทุกข์ถึงบาปน้อยลงและสิ่งนี้เป็นบาปที่ทำได้ง่าย"
 
สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงในสมัยนี้มากยิ่งกว่าในทศวรรษ 1300 – ผู้คนให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยในบาปของการใช้การแต่งงานเป็นวิธีได้รับความสุขทางเพศ – แม้แต่ในหมู่คาทอลิก และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมีการสำนึกในบาปและเป็นทุกข์ถึงบาปเพียงเล็กน้อยในเรื่องนี้ มีคำถามว่าความทรมานที่แสดงให้แคทเธอรีนเห็นนั้นเลวร้ายจริงหรือ? แคทเธอรีนได้พูดบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกถึงความความเลวร้ายจากไฟชำระสำหรับบาปนี้ "ถ้าเพียงแต่วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้นได้รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานอย่างเบาที่สุด,พวกเขาอยากจะตายเป็นพันๆครั้ง,ดีกว่าที่จะถูกทรมานเช่นนี้"
 
* * *
 
รูปภาพนักบุญแคทเธอรีน วาดโดย Francesco Vanni.
 
เรื่องนี้นำมาจากชีวประวัติของนักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนา โดย Raymond of Capua
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น