วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

บ้านแม่พระในตุรกีและความช่วยเหลือ

 

Virgin Mary’s House
 
เล่าโดย - Tarik Ayasun
 
มีประเพณีและสถานที่สองสามแห่งที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับทั้งชาวคริสต์และชาวมุสลิม หนึ่งในสถานที่ดังกล่าวคือ “บ้านแม่พระ” ในตุรกีตะวันตกที่ตั้งอยู่ในอุทยานธรรมชาติระหว่างเมืองเอเฟซัสและเมืองเซลจุก และเชื่อกันว่าเป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายของพระแม่มารีย์ (Meryemana หรือ Mother Miriam in Turkish) สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีผู้มาเยือนโดยนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญจำนวนมากทุกปี เมื่อตอนที่ผมเป็นชายหนุ่มที่เติบโตในตุรกี ผมมีโอกาสหลายครั้งที่จะเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้เนื่องจากแม่ของผมเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่างแท้จริงในอัศจรรย์ของพระแม่มารีย์และท่านได้เคยทดสอบอำนาจแห่งอัศจรรย์ของพระนางกับตัวผมเอง
 
ตามความเชื่อของคริสตชนรุ่นแรก,อัครสาวกยอห์นได้พาพระแม่มารีย์มายังเมืองเอเฟซัสหลังจากการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ และแม่พระทรงใช้ช่วงปลายชีวิตของพระนางที่นั่น อัครสาวกยอห์นมาแพร่ธรรมที่เมืองเอเฟซัสและพาแม่พระมาด้วยเพราะจากพระคัมภีร์ที่กล่าวว่าพระเยซูทรงมอบแม่พระให้อยู่ในความดูแลของยอห์น (ยอห์น 19:26-27)
 
บ้านแม่พระถูก "ค้นพบ" ในปี 1812 โดยอาศัยนิมิตของแม่ชีชาวเยอรมัน ซิสเตอร์อันนา แคทเธอรีน เอ็มเมอริค ซึ่งไม่เคยเดินทางออกจากบ้านของเธอเลย เรื่องราวของนิมิตของซิสเตอร์เอ็มเมอริคมีอยู่ว่า ในวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาและอยู่ในภวังค์,เธอได้เห็นนิมิตที่เกี่ยวกับพระแม่มารีย์และอัครสาวกยอห์นขณะที่กำลังเดินทางออกจากเยรูซาเล็มไปยังเมืองเอเฟซัส เอ็มเมอริค ๆด้บรรยายถึงบ้านหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งยอห์นสร้างให้พระแม่มารีย์พำนักอยู่ มันมีเตาผิงและ apse(น่าจะเป็นโต๊ะหิน)และผนังโค้งกลมอยู่ด้านหลัง เอ็มเมอริคแน่ใจว่าห้องข้างๆ apse เป็นห้องนอนของพระแม่มารีย์ซึ่งมีน้ำพุไหลเข้ามา ซิสเตอร์เอ็มเมอริค กล่าวต่อไปว่าพระแม่มารีย์สิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 64 ปี และถูกฝังในถ้ำใกล้บ้านหลังนี้ เมื่อโลงศพของพระนางถูกเปิดออกไม่นานหลังจากนั้น โลงศพและผ้าห่อศพก็ว่างเปล่า ต่อมา,บ้านหลังนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโบสถ์ โบสถ์แห่งนี้ได้รับการเยี่ยมโดยพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 และพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ซึ่งยืนยันว่าเหมาะเป็นสถานที่แสวงบุญ และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2006 พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงประกอบพิธีมิสซาที่นี่
 
เรื่องราวข้างบนนี้ไม่เคยอยู่ในใจของผมเลยจนกระทั่ง เมื่อวันที่15 ส.ค. 1960 (เชื่อกันว่าเป็นวันครบรอบการสิ้นพระชนม์ของพระแม่มารีย์) แม่ของผมและผมนั่งรถบัสเป็นเวลานานที่เต็มไปด้วยฝุ่น,อากาศร้อนไม่น่าพอใจ,จากอิสตันบูลไปยังเมืองชายฝั่งตะวันตกของอิซเมียร์ แล้วต่อไปยังเซลจุกที่ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราตั้งอยู่
 

เหตุผลในการเดินทางครั้งนี้คือการไปเยี่ยมบ้านแม่พระ แม่ของผมตั้งใจจะพาผมไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำเค็มที่ไหลเข้ามาในโบสถ์,และเพื่อล้างหน้าและศีรษะด้วย ทั้งนี้เพื่อ อย่างน้อยทำให้สติปัญญาบังเกิดขึ้นในสมองที่กระจัดกระจายของผม เพราะปีนี้เป็นปีที่ผมจะเริ่มต้นการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ "English High School for Boys" อันทรงเกียรติของอังกฤษในอิสตันบูล หลังจากดื่มน้ำและล้างหน้าและศีรษะ, เราสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ขนาดเล็กแล้วกลับไปที่อิสตันบูลทันที
 
ห้าปีของผมที่ English High School for Boys ในอิสตันบูลเต็มไปด้วยเรื่องขึ้นๆลงๆทางวิชาการ แต่ความเชื่อของแม่ผมไม่เคยหวั่นไหว ในปี 1965 ผมก็สำเร็จการศึกษาและได้รับการยอมรับให้เข้าเรียนที่วิทยาลัย Robert College of Istanbul เพื่อศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นเวลาสามปี เราได้ไปที่บ้านแม่พระในเดือนสิงหาคมและกระทำตามพิธีกรรมซ้ำอีกครั้ง
 
สามปีต่อมา ผมสำเร็จการศึกษาจากสถาบันอเมริกันแห่งนี้และพร้อมสำหรับการเรียนต่อในวิทยาลัยที่อเมริกา ครั้งนี้ไม่มีการไปเยี่ยมบ้านแม่พระ เพราะครอบครัวไม่ต้องการให้ผมออกจากตุรกี พวกเขาวางแผนอนาคตของผมไว้และสหรัฐอเมริกาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน อย่างไรก็ตาม,ผมได้ออกจากอิสตันบูลเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1969 และมาถึงอเมริกาโดยไม่ได้รับพระพรและอัศจรรย์จากพระแม่มารีย์
 
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์,ผมอาศัยและทำงานในคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอเป็นเวลานานสองสามปี ผมต้องกลับไปตุรกีกับภรรยาและเยโรลลูกชายวัย 1 ขวบเพื่อรับใช้ในกองทัพตุรกี ใครจะนึกภาพความประหลาดใจและความสุขของแม่เมื่อผมถูกส่งไปยังฐานทัพใกล้อิซเมียร์ ที่ซึ่งใช้เวลาขับรถไปไม่ไกลจากบ้านของแม่พระ!
 

Ephesus map
 
หลังจากรับราชการทหารเสร็จแล้ว, เรากลับไปอเมริกาอีกครั้งและเริ่มทำงานที่นิวเจอร์ซีย์ เมื่อลูกสาวของเราเกิดในอีกหนึ่งปีต่อมาและน้องสาวของผมก็ย้ายไปนิวเจอร์ซีย์ด้วย แม่ของผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการมาอาศัยอยู่ใกล้ลูกๆ และหลานๆของท่าน ท่านจึงเดินทางไปที่บ้านของพระแม่มารีย์และสวดอ้อนวอนให้พระแม่มารีย์ช่วยให้ท่านได้ย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เป็นอีกครั้งที่เบื้องหน้าพระรูปแม่พระองค์เดียวกันกับที่เราเคยสวดร่วมกันมาแล้ว 2 ครั้ง แม่ของผมบอกเราว่าท่านขอให้พระแม่มารีย์ประทานสัญญาณว่าความปรารถนาของท่านจะเป็นจริง และจนถึงวันนี้,แม่ของผมจะบอกคุณว่า ท่านเห็นพระรูปพระแม่มารีย์กระพริบตาให้กับท่านหนึ่งครั้ง นั่นคือสัญญาณที่ท่านรอคอย และต่อมาปีหน้า,ท่านได้ย้ายมาอยู่กับเรา เมื่อพ่อของผมมาถึงในปีเดียวกันนั้นเอง,พวกเขาก็ออกไปตระเวณหาซื้อบ้าน พวกเขามองไปรอบๆเป็นเวลานานและในที่สุดก็ตั้งรกรากอยู่ในบ้านที่อยู่ใกล้เรา มีสวนหลังบ้านที่สวยงามสำหรับพ่อของผมที่จะปลูกดอกไม้และทำงานรอบๆในวัยเกษียณ สนามหลังบ้านยังไม่เคยถูกกวาดและมีพืชพันธุ์ไม้เลื้อย และต้นไม้ที่มีกิ่งเตี้ยปกคลุม พวกเขาเรียกนักจัดสวนมาทำความสะอาดสวนหลังบ้าน มันเป็นวันเสาร์ที่แดดจ้า เมื่อสวนหลังบ้านถูกเคลียร์จนหมด,ได้เผยให้เห็นรูปปั้นพระแม่มารีย์สีน้ำเงินและสีขาวสูงสี่ฟุตตั้งอยู่บนแท่นสีขาว!
 
เป็นความบังเอิญหรือ? อาจจะ. แต่แม่ของผมกลับคิดต่างออกไป ท่านจะทำความสะอาดพระรูปรูปปั้นพระแม่มารีย์และทาสีใหม่ทุกปี นั่นคือวิธีการแสดงความขอบคุณต่อพระแม่มารีย์ที่ทรงนำทางลูกชายของท่านตลอดช่วงมัธยมต้น, มัธยมปลาย, วิทยาลัย, การรับราชการทหาร และชีวิตในวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงการที่ท่านได้รับการอนุมัติให้ย้ายไปอเมริกาเพื่ออยู่กับลูกหลานของท่านและตอนนี้เหลนของท่านด้วย
 
ปัจจุบัน Tarik Ayasun เป็นสมาชิกคณะกรรมการบังคับใช้ประมวลกฎหมายของ Marco Island ได้ให้บริการชุมชนแก่องค์กรต่างๆ เป็นเวลาหลายปี
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น