วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

คุณพ่อมารี-เบอนัวต์

 


 
“ไม่ว่าข้าพเจ้าจะพูดถึงความเข้มแข็งอย่างไร, หากปราศจากซึ่งปัญญาและความยุติธรรมแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร?
 
ความเข้มแข็งไม่ใช่เรื่องของร่างกาย, แต่เป็นความมั่นคงของจิตวิญญาณ
 
นั่นคือการที่เราเป็นผู้มีชัยชนะในความชอบธรรม ในความอดทนต่อความทุกข์ยากทั้งปวง และแม้เมื่ออยู่ในความรุ่งเรืองก็จะไม่หยิ่งผยอง เขาจะปราศจากความเข้มแข็ง,ถ้าเขาถูกครอบงำด้วยความเย่อหยิ่ง, ความโกรธ, ความโลภ, ความมึนเมา,และอื่นๆ พวกเขาไม่มีความเข้มแข็งด้วยเช่นกัน,ถ้าหากเมื่ออยู่ในความทุกข์ยาก,พวกเขากลับหลีกหนีและยอมจำนนด้วยการขายจิตวิญญาณของตน ดังนั้นพระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า 'อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณได้' ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ทะนงตนในความเจริญรุ่งเรืองของตนและหลงละเริงจนเกินควร สิ่งนี้จะเรียกว่าเข้มแข็งไม่ได้ จะเรียกว่าเข้มแข็งได้อย่างไรเล่า,ผู้ที่ไม่อาจซ่อนหรือระงับอารมณ์ของหัวใจได้? ความเข้มแข็งไม่เคยพ่ายแพ้ หรือถ้าพ่ายแพ้,มันก็หาใช่ความเข้มแข็งไม่"
 
---------------------
 

คุณพ่อมารี-เบอนัวต์ ผู้ได้รับเหรียญรางวัลในฐานะ "ผู้ชอบธรรมท่ามกลางประชาชาติ" ได้ช่วยเหลือชาวยิวไม่น้อยกว่า 4,000 คนจากพวกนาซี ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลี และด้วยการสนับสนุนทางการเงินของสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12
 
ท่านเป็นที่รู้จักในนาม "บิดาของชาวยิว" ในช่วงชีวิตของ คุณพ่อมารี-เบอนัว พระสงฆ์ในคณะคาปูชินชาวฝรั่งเศสที่ใช้ชีวิตไปมาระหว่างฝรั่งเศสและโรม ท่านได้ให้การปกป้องประชาชนผู้ถูกข่มเหง สิ่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของกระแสเรียกของท่าน
 
แม้ว่าจะไม่ค่อยจะมีรายละเอียดชีวิตของท่านมากนักในปัจจุบันนี้ แต่ชื่อของท่านได้อยู่ในทำเนียบบุคคลเกียรติยศในหนังสือ Histoires extraordinaires des Justes: Portraits de 30 héros parmi les nations (“Extraordinary Stories of the Righteous: Portraits of 30 Heroes Among the Nations” เรื่องราวพิเศษของผู้ชอบธรรม:วีรบุรุษ 30 คนในท่ามกลางประชาชาติ) ที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ โดมินิก ลอร์เมียร์ หนังสือนี้ถูกตีพิมพ์ในวัน Victory in Europe Day, วันที่ 8 พฤษภาคม ผู้เขียนหนังสือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่สองและการต่อต้าน เขามุ่งเน้นไปที่บุคลิกภาพและกิจการของผู้ที่ประกอบวีรกรรมที่กล้าหาญ,การยอมเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขา ด้วยการช่วยชีวิตชาวยิวหลายหมื่นคนในภูมิภาคต่างๆ ของยุโรป ซึ่งตกอยู่ในกำมือของความป่าเถื่อนของฮิตเลอร์ระหว่างปี 1940 และ 1944
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น