วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พระบิดาตรัสเกี่ยวกับนักบุญโดมินิก

 


 
โดมินิก กัสแมน(Dominic Guzman) เป็นชายหนุ่มชาวสเปนจากตระกูลขุนนางที่ไปอยู่ในฝรั่งเศสและเขาอยู่ท่ามกลางปัญหายุ่งยากของยุคสมัย มันเป็นช่วงต้นทศวรรษ 1200 และพวกเฮเรติกอัลบิเจนเซียน(Albigensian heresy)กำลังเผยแพร่ความคิดที่ผิดพลาดของพวกเขาอย่างมากมายในหมู่ชาวฝรั่งเศส พวกอัลบิเจนเซียนเชื่อว่าเนื้อหนังเป็นความชั่วร้าย และวิญญาณเท่านั้นที่เป็นความดี ร่างกายของแต่ละบุคคลนั้นเป็นเสมือนเรือนจำ เนื้อและกระดูกที่ชั่วร้ายได้กักขังวิญญาณบริสุทธิ์ไว้
 
ชุมชนของพวกอัลบิเจนเซียนมักมีสภาพเหมือนโรงเก็บศพ พวกเขาแต่ละคนจะอดอาหารอย่างหนักและพยายามดื่มจนแทบตายเพื่อจะจัดการกับความชั่วร้ายของร่างกาย อาจารย์ชั้นนำของพวกอัลบิเจนเซียนพยายามโน้มน้าวให้คนทั่วไปเชื่อถึงคำโกหกที่น่ากลัวของเขาซึ่งสอนว่าพระเยซูคริสต์มิได้ทรงมีเนื้อหนังและโลหิต เพราะพระผู้ช่วยให้รอดไม่สามารถมีร่างกายที่แท้จริงได้เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการปิดบังจิตวิญญาณของพระองค์ให้อยู่ในเนื้อหนังที่ชั่วร้าย
 
นักบุญโดมินิกเข้าไปอยู่ในท่ามกลางคนเหล่านี้และพยายามถอนหนามของคำสอนที่ผิดหลงนี้ออกไปจากหัวใจของพวกเขา แต่ท่านประสบความล้มเหลว  และถึงเวลาที่ท่านจะต้องฟื้นฟูจิตใจตนเอง ท่านกักตัวเองอยู่ในป่าเป็นเวลา 3 วัน ทำการสวดภาวนา,อดอาหารและพิจารณาไตร่ตรอง
 
หลังจากวันที่ 3, ทูตสวรรค์ 3 องค์ได้ปรากฏมาพร้อมกับลูกบอลที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงซึ่งลอยอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์เหล่านี้ประกาศถึงการเสด็จมาของแม่พระ ราชินีแห่งสวรรค์ทรงประจักษ์ต่อโดมินิกและทรงสอนถึงวิธีที่จะเอาชนะพวกอัลบิเจนเซียน แม่พระทรงสอน "บทเพลงสรรเสริญ" ที่เคยมีมาก่อนแล้วนั่นคือ สายประคำศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระ "The Marian Psalter" เป็นวิธีการสวดภาวนาที่พัฒนามาเป็นเวลานาน อันประกอบด้วยลูกประคำ 150 เม็ด แบ่งเป็นชุดจำนวน 15 ชุด, ชุดละ 10 เม็ด แต่ละชุด(หรือแต่ละทศ) มีบทภาวนา ข้าแต่พระบิดาฯ 1 บทนำหน้าบทวันทามารีอา 10 บทในแต่ละทศ  
 
วันนั้นเป็นวันที่พิเศษที่สุดในป่าแห่งนั้นในฝรั่งเศส, เมื่อแม่พระตรัสสั่งให้โดมินิกเผยแพร่การสวดสายประคำ อันเป็นดังบทเพลงสดุดีต่อพระนาง แม่พระยังทรงอธิบายถึงพระธรรมล้ำลึกที่มีอยู่ในแต่ละภาคของการสวดสายประคำซึ่งแบ่งเป็นสามภาคนั้นด้วย อันได้แก่ พระธรรมล้ำลึกภาคปิติยินดี, พระธรรมล้ำลึกภาคพระมหาทรมาน และพระธรรมล้ำลึกภาคพระสิริรุ่งโรจน์ พระธรรมล้ำลึกเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการประสูติ, การสิ้นพระชนม์, และการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้า และเท่ากับเป็นการโต้แย้งต่อคำสอนที่ผิดพลาดของพวกอัลบิเจนเซียนที่สอนว่าพระคริสต์ไม่ทรงมีเนื้อหนัง นักบุญโดมินิกได้เทศน์สอนการสวดสายประคำแม่พระนี้และท่านได้ดึงดูดชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากให้มาเข้าร่วมในคณะใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งต่อมาคือคณะโดมินิกัน โดยมีพันธกิจหลักคือการทำตามที่แม่พระทรงสั่งแก่ผู้ก่อตั้ง นั่นคือให้พวกเขาเทศนาเผยแพร่เรื่องการสวดสายประคำ
 
โดมินิกได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับสายประคำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศตวรรษที่ 13 เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ พระแม่มารีย์ทรงประทานเครื่องหมายการประจักษ์มาของพระนางด้วยหมายเลข 13(ศตวรรษที่ 13) แต่ในศตวรรษที่ 14 โดมินิกมีบทบาทสำคัญในชีวิตลึกลับของนักบุญแคทเธอรีนแห่ง เซียนนา เธออยู่ในคณะโดมินิกันชั้นที่ 3 นักบุญโดมินิกอยู่ที่นั่นเมื่อแคทเธอรีนได้รับประสบการณ์การเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์อย่างลึกลับ และในการเปิดเผยอันน่าทึ่งครั้งหนึ่ง,พระเป็นเจ้า,พระบิดาทรงเปิดเผยความลับอันประเสริฐของจิตวิญญาณของโดมินิกแก่แคทเธอรีน
 
แคทเธอรีนได้เห็นนิมิตที่ประหลาด, เธอเห็นพระบิดานิรันดรทรงให้บังเกิดพระบุตรจากพระโอษฐ์ของพระองค์,พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงปรากฏต่อเธอในธรรมชาติของมนุษย์ของพระองค์ จากนั้นเธอก็เห็นนักบุญโดมินิกออกมาจากพระอุระของพระเป็นเจ้า,พระบิดา โดมินิกเอิบอาบอยู่ในแสงสว่างเจิดจ้า และพระเจ้าพระบิดาตรัสถึงพระเยซูคริสต์และโดมินิกว่า "ลูกสาวที่น่ารักยิ่งของเรา, เราได้สร้างบุตรชายสองคนนี้ขึ้นมา, คนหนึ่งโดยธรรมชาติของพระเจ้า อีกคนหนึ่งโดยความรักและความอ่อนโยน"
 
พระเจ้าพระบิดาทรงยกย่องโดมินิกผู้เป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์อย่างสูง พระองค์ตรัสกับแคทเธอรีนว่ากิจการงานทั้งหมดของโดมินิกสะท้อนถึงพระคริสต์ "เราขอบอกลูกว่าในผลงานเกือบทั้งหมดของเขานั้นคล้ายกับพระบุตรผู้ทรงกำเนิดจากธรรมชาติของเรา.....เช่นเดียวกับพระบุตรผู้ทรงกำเนิดจากธรรมชาติของเรา ทรงเป็นพระวจนาตถ์นิรันดรจากปากของเรา ที่สั่งสอนแก่มนุษย์ถึงสิ่งที่เราสั่งพระองค์โดยการเทศน์สอนและเป็นพยานถึงความจริง โดมินิก,บุตรบุญธรรมของเราก็เช่นเดียวกันได้เทศนาความจริงแห่งถ้อยคำของเราแก่ชาวโลก ทั้งแก่ชาวคาทอลิกและพวกเฮเรติก ไม่เพียงแต่โดยตัวของเขาเองเท่านั้น,แต่ด้วยคนอื่นๆที่มาอยู่ในคณะด้วย"
 
พระเจ้าพระบิดาทรงเปรียบเทียบถึงการที่พระเยซูทรงส่งสาวกของพระองค์ออกไป โดมินิกก็เช่นกัน,ได้ส่งบรรดานักบวชในคณะออกไปด้วย, “ดังที่พระบุตรผู้ทรงกำเนิดจากธรรมชาติของเราได้ส่งสาวกของพระองค์ออกไป บุตรบุญธรรมผู้นี้ก็ได้ส่งบรรดานักบวชของเขาออกไป ดังนั้นในเมื่อพระบุตรผู้ทรงกำเนิดจากธรรมชาติของเราคือองค์พระวจนาตถ์ของเรา ดังนั้น บุตรบุญธรรมคนนี้เป็นผู้รับพระวาจาและประกาศพระวจนะของเรา”
 
พระเจ้าพระบิดายังทรงแสดงความเคารพต่อพันธกิจทั้งหมดของโดมินิกในการช่วยให้วิญญาณทั้งหลายได้รอดซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของพระบุตรของพระองค์ "ดังเช่นที่พระบุตรผู้ทรงกำเนิดจากธรรมชาติของเราทรงอุทิศชีวิตของพระองค์และการกระทำทั้งหมดเพื่อความรอดของจิตวิญญาณ ดังนั้น,โดมินิก ลูกบุญธรรมของเราจึงได้ใช้ความพยายามทั้งหมดและพละกำลังทั้งหมดของเขาในการช่วยวิญญาณให้รอดพ้นจากกับดักของความชั่วร้ายและความผิดพลาด”
 
เมื่อโดมินิกคุกเข่าลงบนดินสีน้ำตาลของพื้นป่าและวิงวอนต่อองค์พระผู้ทรงสรรพานุภาพให้ประทานสิ่งที่เขาต้องการเพื่อช่วยพวกอัลบิเจนเซียนและนำพวกเขาไปสู่ความรอด พระบิดาในสวรรค์ของเราจึงได้ทรงส่งพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์มาประทานสายประคำให้แก่โดมินิก โดมินิกทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อเผยแพร่การสวดสายประคำ และถ้าหากงานทั้งหมดของโดมินิกคล้ายกับงานของพระคริสต์, ดังนั้นการเทศนาการสวดสายประคำก็เหมือนกับงานของพระคริสต์ด้วยเช่นกัน
 
* * *
 
บทความนี้นำมาจากหนังสือชีวประวัติของ Raymond of Capua เกี่ยวกับ Catherine of Siena
 
ภาพวาดคลาสสิกที่มาพร้อมกับบทความเป็นภาพนักบุญโดมินิกที่ได้รับสายประคำจากพระหัตถ์ของพระแม่มารีย์โดยมีแคทเธอรีนแห่งเซียนนาอยู่ด้านหลัง, เธอหมดสติไปด้วยความปีติยินดี ภาพนี้วาดโดย Bernardo Cavallino

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น