วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

นักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้ถูกปฏิเสธ

 



 
บราเดอร์อังเดร เบเซตติ(Andre Bessette) นักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้ถูกปฏิเสธ 
'ชายมหัศจรรย์แห่งมอนทรีออล' ผู้บากบั่นฝ่าฟันทุกอุปสรรคด้วยผลลัพธ์อันอัศจรรย์
 
ผมไม่ค่อยพอใจนักเมื่อมีคนมาบอกผมว่าผมไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ หลังจากถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยนอเทรอดามในการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของผม,ผมตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อย้ายไปเรียนในโรงเรียนในฝันของผม และผมก็ทำได้สำเร็จ หลังจากใช้เวลาปีแรกที่ยอดเยี่ยมที่ Holy Cross College ผมได้เข้าเรียนที่ Notre Dame ในฐานะนักเรียนปีที่สอง ผมได้รับประสบการณ์ที่สำคัญที่ Holy Cross ด้วยเหตุผลหลายประการ บางทีเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการที่ทำให้ผมได้รู้จักคณะบราเดอร์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์(Congregation of Holy Cross) และการได้รู้ประวัติของบราเดอร์อังเดร เบเซตติ(St. Andre Bessette) ผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างอันยิ่งใหญ่แห่งความเชื่อในคณะนี้
 
Alfred Bessette เกิดในควิเบกในปี 1845 เขารู้จักกับการสูญเสียตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเป็นกำพร้าบิดาและมารดาเมื่ออายุเพียง 12 ปีและได้รับการศึกษาเพียงเล็กน้อย เขาทำงานตั้งแต่เป็นเด็ก โดยตระเวณทำงานหลายงานทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเพื่อเลี้ยงดูตนเอง อย่างไรก็ตาม บางทีการถูกปฏิเสธที่สำคัญที่สุดของอัลเฟรด เบเซตติเกิดขึ้นเมื่อคณะบราเดอร์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ ปฏิเสธที่จะรับเขามาเข้าคณะอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพของเขา
 
ดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อัลเฟรด เบเซ็ตติจะไม่โอกาสได้เข้าสู่คณะนี้ เขารู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกเขา แต่บรรดาผู้ที่ตัดสินใจของคณะไม่สามารถ(หรือไม่เต็มใจ)ที่จะรับเขา หลังจากการปฏิเสธในขั้นต้นจากคณะ เขาก็ได้รับการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขจากอาจารย์สามเณรของเขาและการแทรกแซงส่วนตัวของอาร์คบิชอปแห่งมอนทรีออลที่อนุมัติเบเซตติเข้าสู่คณะได้ เขาไม่ใช่อัลเฟรดอีกต่อไปแต่เป็นอังเดร ชื่อที่มาจากพระสงฆ์ผู้สอนคำสอนแก่เขาในวัยเด็ก เขาทำงานหลายอย่างที่วิทยาลัยนอเทรอดามในมอนทรีออล เขาทำหน้าที่เป็นช่างตัดผม,ผู้ดูแล,คนส่งจดหมาย และที่สะดุดตาที่สุดคือคนเฝ้าประตู
 
ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการต้อนรับขับสู้ของเบสเซ็ตติช่วยให้งานและภาระหน้าที่ประจำวันของเขาดำเนินไปได้อย่างดี เขาเป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่อบอุ่นและเข้าถึงได้ง่าย ผู้คนจากชุมชนโรงเรียนและที่อื่นๆ เริ่มขอให้เขาสวดภาวนาร่วมกับพวกเขา ซึ่งดูจะเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดสำหรับผู้คนในชุมชนของเขาเอง ผู้คนจะใช้เวลาไม่นานในการเล่าถึงการรักษาทางร่างกายและจิตวิญญาณในช่วงเวลาที่พวกเขากับบราเดอร์อังเดรอยู่ด้วยกัน เมื่อมีการประกาศถึงการรักษาที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ออกไป ผู้คนจากทั้งใกล้และไกลต่างแห่กันไปมาเยี่ยมและสวดภาวนาร่วมกับคนเฝ้าประตูของโรงเรียน
 
ตลอดช่วงเวลานี้ ความศรัทธาของบราเดอร์อังเดรต่อนักบุญยอแซฟ นั้นเป็นรากฐานสำคัญและเห็นได้ชัดในการสวดภาวนาทุกวันของเขา เขาได้รับฉายาว่า “ชายผู้ทำอัศจรรย์แห่งมอนทรีออล” บราเดอร์อังเดรสวดภาวนาสรรเสริญและขอบคุณนักบุญยอแซฟ,ภัสดาของพระนางมารีย์และผู้เป็นบิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้าอย่างล้นเหลือ ด้วยเหตุนี้บราเดอร์อังเดรจึงต้องการสร้างอาสนวิหารเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญยอแซฟ อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีถึงความผิดหวังและความยากลำบากอีกครั้ง ด้วยความเข้าใจผิดและความไม่ไว้วางใจของสมาชิกในโรงเรียน ศาสนา และชุมชนท้องถิ่น บราเดอร์อังเดรได้รับอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างต่อได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถหาเงินทุนสนับสนุนโครงการได้ด้วยตนเอง และบราเดอร์อังเดรก็ได้รับ เงินบริจาคและสิ่งของซึ่งหลั่งไหลเข้ามาในขณะที่บราเดอร์อังเดรเองสวดภาวนาอย่างต่อเนื่องในแต่ละวันกับผู้คนที่เจ็บป่วย บราเดอร์อังเดรทำงานของพระเจ้าด้วยการวิงวอนขอความช่วยเหลือจากนักบุญยอแซฟเสมอ
 
บราเดอร์อังเดรยังคงเป็นผู้ดูแลอาสนวิหารจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1937 ผู้คนหลายพันคนได้รับการกล่าวขานว่าได้รับการรักษาโดยนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์คนนี้และด้วยการทิ้งไม้ค้ำยันเอาไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อเป็นพยานของความช่วยเหลือในความนอบน้อมถ่อมตนของบราเดอร์อังเดร พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงแต่งตั้งบราเดอร์อังเดร เบเซตติให้เป็นนักบุญเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2010 โดยทรงบันทึกไว้ในพระดำรัสว่า “สำหรับบราเดอร์อังเดร ทุกสิ่งที่ท่านทำเป็นการพูดถึงพระเจ้าและการประทับอยู่ของพระองค์”
 
ทุกวันนี้ แบบอย่างของบราเดอร์อังเดรยังคงเป็นสัญญาณแห่งความหวังและความพากเพียร แม้ท่ามกลางความยากลำบากและการปฏิเสธที่ท่านต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง แต่ท่านไม่ยอมแพ้ ชายที่ไม่รู้หนังสือและเจ็บป่วย,รู้ว่าเขาเป็นใครและเขาถูกเรียกให้เป็นอะไร ดังนั้นบราเดอร์อังเดรจึงไม่ละเลยความเจ็บปวดและความเจ็บป่วยของผู้ที่มาเยี่ยมเขา บราเดอร์อังเดรฟังความทุกข์ร้อนของพวกเขาและสวดอ้อนวอนกับพวกเขา แบบอย่างความเป็นเพื่อนและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบราเดอร์อังเดรเตือนเราว่าบ่อยครั้งเราอาจไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อพบใครสักคน เราอาจไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าเพียงแค่อยู่และรับฟังคำพูดของเขา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
 
“ศิลปินใช้พู่กันที่เล็กที่สุดวาดภาพที่สวยงามอย่างวิจิตรบรรจงที่สุด” 
--นักบุญอังเดร เบเซตติ
 
ความมืดบดบังขอบฟ้าของโลกของเรา บาปของการเหยียดเชื้อชาติ ความกลัวคนต่างชาติ และความวิตกกังวลมีอยู่ทั่วไปเป็นเรื่องธรรมดาและทำให้เราปฏิเสธคนที่แตกต่างจากเราอย่างรวดเร็ว เราทำให้เกิดการแบ่งแยกและความแตกต่างซึ่งไม่ใช่มาจากพระเจ้า เราพึ่งพาในสถานภาพของผู้มีอำนาจและบารมี เราหันหลังให้ผู้คน ไล่พวกเขาออกจากบ้าน โรงเรียน และโบสถ์ของเราเพราะเราไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะยอมรับความเชื่อในหลักการของบราเดอร์อังเดร ตามคำพูดของท่านที่กล่าวว่า: “ศิลปินวาดภาพที่งดงามที่สุดด้วยพู่กันที่เล็กที่สุด”
 
มีความเข้มแข็งในความอ่อนแอ มีพลังในความอ่อนแอ และความสว่างท่ามกลางความมืด นี่คือสาระสำคัญทั้งหมดของความเชื่อคริสตชน ในการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์,พระเจ้าทรงเลือกที่จะแบ่งปันพระองค์เองกับพวกเราทุกคน ทรงสถิตอยู่อย่างใกล้ชิดทั้งในความปิติยินดีและความยากลำบาก ในการเฉลิมฉลองและในความเศร้าโศก ในการยอมรับและการถูกปฏิเสธ และพระเจ้ายังคงแบ่งปันความเป็นพระเจ้าในแบบที่เราคิดไม่ถึง ซึ่งรวมถึงนักบุญคนแรกของคณะบราเดอร์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิเสธเขาในตอนแรก
 
นักบุญอังเดร เบสเซ็ตติ สวดภาวนาเพื่อเราด้วยเทอญ
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น