วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การเข้าสู่โลกยุคใหม่

 


From Forums of the Virgin Mary (translated, for discernment):
 
ความจริงของหลายสิ่งกำลังเปิดเผยออกมา
 
เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่การปกครองของพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางชัยชนะแห่งดวงหทัยนิรมลของพระมารดาพรหมจารีย์มารีย์
 
และการบรรลุถึงจุดหมายนี้ โลกจึงต้องผ่านการถูกชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์เสียก่อน ซึ่งเป็นการชำระให้บริสุทธิ์ของมนุษยชาติและสถาบัน
 
เพื่อให้สิ่งนี้เป็นไปได้,พระเจ้าทรงเผยแสดงบางอย่างเพื่อที่เราจะสามารถมองเห็นแผนการณ์ของพระองค์ได้ชัดเจนขึ้น
 
เพราะฉะนั้น,ณ.ที่นี้,เราจะมาดูกันว่าพระเจ้าทรงกระทำอะไรในประวัติศาสตร์ และวิธีที่พระองค์ทรงเปิดเผยเพื่อแสดงให้เราเห็นจุดอ่อนของระเบียบโลกใหม่ซึ่งกลุ่มโลกาภิวัฒน์(globalists) ต้องการทำให้เกิดขึ้นในโลก
 


มนุษยชาติที่จะเข้าสู่สถานะใหม่คือผู้ที่หันมาหาพระเจ้าและพระเยซูคริสตเจ้า และในยุคสุดท้าย,พระเจ้าทรงพยายามที่จะปลุกประชาชนทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การหลอกลวงของโลกให้เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง
 
และเพื่อทำเช่นนั้น พระองค์ต้องเปิดเผยความอ่อนแอและความวิปริต,สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนตามที่แสดงไว้ในวิวรณ์ 17:15; พระองค์จึงทรงต้องเปิดผ้าคลุมสิ่งเหล่านี้
 
พระคัมภีร์สอนเราว่าทุกครั้งที่พระเจ้าทรงกำหนดรูปแบบการดำรงอยู่ใหม่สำหรับมนุษยชาติ จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น, และการเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างนั้นจะเป็นการตัดสินใจเลือกอย่างเด็ดขา
 
แต่ละคนจะต้องเลือกเพื่อที่พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงการดำรงอยู่ของมนุษยชาติตามที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์
 
อาดัมและเอวาได้รับการทดสอบก่อนที่พวกเขาจะได้ผลลัพท์จากการครอบครองนิรันดร์ของพระเจ้า
 
ความสัตย์ซื่อของเขาต่อพระเจ้าถูกทดสอบในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงในสวนเอเดน และเราก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
 
จากนั้นพระเจ้าทรงทดสอบมนุษย์ในยุคสมัยของโนอาห์ก่อนเกิดน้ำท่วมโลก
 
ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับมนุษย์ในยุคนั้นใช้เวลาทั้งสิ้นในช่วงระยะเวลาของการสร้างเรือของโนอาห์
 
และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าสู่โลกใหม่หลังน้ำท่วม
 
เมื่อชาวอิสราเอลได้รับการทดสอบในทะเลทรายก่อนเข้าสู่ดินแดนที่พระเจ้าทางสัญญาไว้ พวกเขามีช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 40 ปี
 
มีแต่ลูกหลานของผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านในทะเลทรายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ได้ แต่คนชั่วและคนที่ไม่เชื่อถูกปฏิเสธ
 
นอกจากนี้ ชาติอิสราเอลยังถูกทดสอบในสมัยการเสด็จมาครั้งแรกของพระเมสสิยาห์
 
ดังที่เราทราบ มีประชาชนเพียงเล็กน้อยของประเทศที่เข้าสู่พันธสัญญาใหม่นี้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าและถูกตัดสินในอีก 40 ปีต่อมา ในปี ค.ศ. 70 เมื่อชาวโรมันทำลายพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม
 
การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นด้วยภารกิจของพระเยซูคริสต์,เมื่อพระองค์ทรงมีอายุ 30 และใน 40 ปีต่อมา คือ ค.ศ. 70 ถือเป็นยุคสุดท้ายและการพิพากษาของพระเจ้าตกอยู่กับชนชาติอิสราเอล
 
และตอนนี้ ก่อนการสถาปนาอาณาจักรของพระเยซูบนแผ่นดินโลก,ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในโลกนี้จะต้องถูกทดสอบก่อนเข้าสู่ยุคใหม่ นั่นคือการชำระล้างมนุษยชาติ
 
ช่วงเวลานี้ระหว่างการประกาศและการตระหนักถึงรูปแบบใหม่ของการดำรงอยู่ของมนุษย์ตามที่พระเจ้าทรงประสงค์จึงเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านและการทำให้บริสุทธิ์เหมือนกับช่วงเวลาอื่นๆในประวัติศาสตร์
 
มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างไหนในระหว่างการเตือนและอัศจรรย์ที่พระเจ้าจะประทานแก่มนุษยชาติ
 
แต่เสียงเรียกร้องอย่างไม่หยุดยั้งของแม่พระในการประจักษ์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาคือเสียงเรียกให้มนุษย์เลือกและตัดสินใจเพื่อพระเจ้า และสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้
 
และในเหตุการณ์ของโลกที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ทำให้เราต้องอ่านสัญญาณแห่งกาลเวลา
 
ในขณะที่พระเจ้ากำลังนำผู้คนไปสู่การชำระล้างและการเปลี่ยนผ่าน พระองค์กำลังเปิดผ้าคลุมแผนการณ์ชั่วที่ปีศาจร้ายและสมุนของมันวางกับดักไว้ทั่วโลก
 
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกชนชั้นสูงของประเทศตะวันตกได้ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้าง "ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม" ทั่วโลกสำหรับรัฐบาลโลกเดียวดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว
 
และในกรณีล่าสุดในอัฟกานิสถานเป็นความล้มเหลวของสหรัฐที่ดังก้องไปทั่วโลก เราสามารถเห็นได้ชัดเจนว่านี่คือการเปิดผ้าคลุมนั้น
 
เป็นไปได้อย่างไรที่ประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในโลกและด้วยเทคโนโลยีมากที่สุดถูกโค่นล้มเพียงหนึ่งสัปดาห์โดยกลุ่มตาลีบันซึ่งอ่อนด้อยกว่าทั้งในด้านอาวุธและกำลังคน
 
ไม่เพียงแค่นั้น; พวกเขายังได้ดูหมิ่นอำนาจของระเบียบโลกใหม่อีกด้วย
 
ด้วยเหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน พระเจ้ากำลังบอกเราว่าความฝันของตะวันตกในการจัดตั้งการจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่กลุ่มโลกาภิวัตน์ต้องการนั้นเป็นไปไม่ได้ และถือเป็นความล้มเหลว สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือข่มขู่ประชากรพลเรือนชาวตะวันตกให้อยู่บ้านด้วยความกลัว ด้วยการสนับสนุนอันล้ำค่าของสื่อและเทคโนโลยีขนาดใหญ่
 
กลุ่มตาลิบันที่มีจำนวนน้อยกว่าได้แสดงให้เห็นว่าพวกโลกาภิวัตน์สามารถเอาชนะได้ และนั่นมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนให้ศัตรูคนอื่นๆของกลุ่มโลกาภิวัตน์(NWO # New World Order) ลุกขึ้นมาต่อสู้
 
ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าความไม่มีเสถียรภาพจะเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
 
แต่ความล้มเหลวนี้ได้เปิดผ้าคลุมที่ปิดบังกลอุบายของพวกโลกาภิวัฒน์เพื่อทำลายโครงสร้างทางสังคมและจิตวิญญาณของมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจทำให้สหรัฐไม่สามารถรับมือกับอันตรายขนาดใหญ่ได้
 
เราได้เห็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายอย่างมากมายที่นั่น รวมถึงการจลาจลอย่างรุนแรงในเมืองต่างๆ ของอเมริกาหลายร้อยเมือง อัตราการเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น การจัดการกับการระบาดใหญ่ของโควิด19 ที่ก่อให้เกิดความกลัว การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง ความตึงเครียดของสถานการณ์การเหยียดเชื้อชาติ การบุกรุกของผู้อพยพผิดกฎหมายหลายพันคนข้ามชายแดนภาคใต้
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากลาออกจากหน่วยงานหรือเกษียณอายุก่อนกำหนดเนื่องจากความรู้สึกต่อต้านตำรวจที่พวกเขาสร้างขึ้น อัตราการเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น และเป็นแรงผลักดันที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับตำรวจ
 
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ บังเหียนของรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ในมือของฝ่ายซ้ายที่ฮีกเหิม
 
พระเจ้าทรงเปิดผ้าคลุมเพื่อให้เรารู้ว่าการสร้างศีลธรรมใหม่ที่พวกเขาต้องการนั้นเป็นหายนะอย่างไร เช่น การนำเสนอทฤษฎีเชื้อชาติที่สำคัญ การเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ อคติต่อคนผิวสี และความภาคภูมิใจในเพศสภาพที่ตรงข้ามในสถาบันต่างๆ
 
ความคิดดังกล่าวอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกที่เลวร้ายในหมู่ประชากร อาทิเช่นการแบ่งแยกระหว่าง คนดำกับคนผิวขาว รักต่างเพศกับคนที่ไม่ใช่เพศตรงข้าม คริสตชนและกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ต่อต้านพวกเสรีนิยมและฝ่ายซ้าย
 
ความคิดที่พิลึกพิลั่นยังไปไกลถึงขนาดจินตนาการว่านักบินของกองทัพอากาศจะเพิ่มขวัญกำลังใจของพวกเขาด้วยการแสดงของพวกแดร็กควีน(ผู้ชายที่แต่งกายเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียด)
 
และพระเจ้าก็ทรงเปิดผ้าคลุมในศาสนาอิสลามด้วย
 
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่สุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคือการทำลายแนวคิดที่ว่าวัฒนธรรมและศาสนาอิสลามไม่ได้แตกต่างจากตะวันตกมากนัก
 
นั่นคือความคิดที่ว่า มุสลิมผู้เคร่งศาสนานั้นต้องการสิ่งเดียวกันกับที่เราต้องการ นั่นคือ เสรีภาพแห่งมโนธรรม ความอดทนต่อความคิดเห็นที่ต่างกัน ประชาธิปไตย และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แต่ความคิดนี้ไม่ใช่ความจริงเลย
 
มูฮัมหมัด อารีฟ มุสตาฟา ผู้บัญชาการกลุ่มตาลีบันแสดงความเข้าใจผิดอย่างชัดเจนเมื่อเขากล่าวว่า "เราเชื่อว่าวันหนึ่ง ... กฎหมายอิสลามจะไม่เพียงไปถึงอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ทั้งโลก ... ญิฮาดจะไม่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย"
 
ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับอัลกุรอ่าน หะดีษ กฎหมายชะรีอะห์ หรือประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลามมาบ้าง ก็จะรู้ว่ายิ่งมุสลิมมีศรัทธามากเท่าใด โอกาสที่เขาจะปรารถนาค่านิยมของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น
 
และคุณธรรมใหม่ที่พวกโลกาภิวัตน์ต้องการให้มุสลิมยึดถือนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้
 
ในขณะเดียวกันในประเทศทางยุโรปส่วนใหญ่ การเปิดผ้าคลุมนี้ทำให้เราเห็นสัญญาณว่าผู้คนกำลังสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อต้านอิสลาม
 
ยุโรปมีประชากรสูงอายุ และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ยุโรปมีแนวโน้มที่จะไม่เผชิญหน้ากับศาสนาอิสลาม ซึ่งได้เข้าสร้างมัสยิดในละแวกใกล้เคียงโบสถ์คริสต์ ทั้งที่มีกฎหมายที่ต่อต้านผู้อพยพที่เข้ามา
 
ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าได้ทรงเปิดผ้าคลุมประเทศจีน
 
ในประเทศจีน,เราไม่เพียงแต่เห็นการปราบปรามประชากรอุยกูร์ของตนเองมากขึ้นเท่านั้น แต่ขณะนี้กำลังคุกคามประเทศต่างๆ โดยที่ไม่เปิดเผยกลยุทธ์โดยตรง
 
กรณีของสนธิสัญญากับพระศาสนจักรคาทอลิกแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผุ้นำจีนไม่ได้หยุดกดขี่คริสตชนไม่ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะรับรองอย่างไร
 
พวกเขากำลังขอให้คริสตชนอุทิศตนให้กับพรรคคอมมิวนิสต์มากกว่าการถวายแด่พระเจ้า
 
เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องการจะแสดงให้เห็นเกี่ยวกับสัญญาณที่พระเจ้าจะทรงเปิดเผยแก่เราถึงความอ่อนแอของโลกาภิวัตน์ที่ต้องการจัดระเบียบโลกใหม่
 
และผมอยากถามท่านว่าท่านเห็นสิ่งใดอีกบ้างที่พระเจ้ากำลังทรงเปิดผ้าคลุมออกเพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น