วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การตกต่ำของลูซิเฟอร์

 


By Ray Sullivan
 
เรารู้เรื่องราวเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการตกต่ำของลูซิเฟอร์จากพระคัมภีร์วิวรณ์บทที่12 ซึ่งกล่าวว่าได้เกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ระหว่างทูตสวรรค์ทั้งหมด แต่ยังมีเรื่องราวมากกว่านี้อีกไหม? ซิสเตอร์มารีแห่งอาเกรดา(Venerable Mary of Agreda)ได้เติมช่องว่างบางส่วนลงในเรื่องราวลึกลับนี้ในหนังสือผลงานชิ้นเอกของเธอ "นครลึกลับของพระเจ้า" (The Mystical City of God) 
 
ซิสเตอร์มารีแห่งอาเกรดาเป็นแม่ชีชาวสเปนในศตวรรษที่17 เธอได้รับมีนิมิตมากมายเกี่ยวกับสวรรค์และชีวิตหลังความตาย ยังมีเรื่องเล่าอีกว่าเธอได้ปรากฏตัวสองแห่งในเวลาเดียวกัน โดยเธอได้ปรากฏตัวทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาเพื่อสอนความเชื่อให้แก่ชาวอินเดียนแดง แม้ว่างานเขียนของเธอจะเป็นการเปิดเผยจากนิมิตส่วนตัวและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ แต่ในความคิดเห็นของผมแล้ว งานเขียนเหล่านี้เป็นเรื่องจริง (หนังสือเล่มนี้ได้รับการเซ็นต์อนุญาติ Imprimatur ให้ตีพิมพ์เผยแพร่ได้จากพระสังฆราช) 
 
การเนรมิตสร้างของพระเจ้า+
 
เรื่องราวในหนังสือของซิสเตอร์มารีเริ่มต้นด้วยการสร้างโลก ตามที่มีบอกไว้ในพระคัมภีร์ปฐมกาล ตามที่เธอกล่าว โลกถูกสร้างขึ้นบริเวณที่ว่างตรงกลางระหว่างนรกกับไฟชำระ และสภาพของโลกนั้น,ตรงกลางโลกเต็มไปด้วยหินหลอมเหลวและลาวาที่ลุกเป็นไฟ และนั่นคือ "บึงไฟ" ในเวลาที่พระเจ้าตรัสว่า “จงบังเกิดความสว่าง!” ก็มีแสงสว่างจากสวรรค์ นั่นคือการสร้างทูตสวรรค์ขึ้นมาซึ่งเป็นแสงสว่างที่สะท้อนมาจากความสว่างของพระเจ้า
 
ในชั่วพริบตาแรกของการเนรมิตสร้าง,ทูตสวรรค์ทั้งหมดได้รับการประดับประดาด้วยความงาม สติปัญญา จิตใจอิสระ และพระหรรษทานต่างๆมากมายตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทูตสวรรค์แต่ละองค์ได้รับพระพรที่แตกต่างกันไป ในกรณีของลูซิเฟอร์,เขามีสติปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุด เขาอัศจรรย์ใจในตัวเอง และถือว่าของประทานทั้งหมดเป็นของตนเอง แทนที่จะมาจากพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความภาคภูมิใจเกิดขึ้นเกือบจะในทันที
 
ในวินาทีที่สอง พระเจ้าทรงบอกทูตสวรรค์ว่าพวกเขาต้องนมัสการพระองค์และปรนนิบัติพระองค์ ทูตสวรรค์ที่ดีทำเช่นนั้นในทันทีด้วยความเคารพและยำเกรงพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ตอนแรกลูซิเฟอร์และทูตสวรรค์อีกหลายองค์ก็ทำสิ่งนี้ด้วย แต่เพียงเพราะหน้าที่เท่านั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการจริงๆ ดังนั้น เมล็ดพันธ์จึงถูกหว่านในพวกเขาเพื่อการกบฏ
 
การกบฏของลูซิเฟอร์+
 
จากนั้นพระเจ้าทรงบอกเหล่าทูตสวรรค์ว่าพระองค์จะทรงสร้างมนุษย์ในรูปแบบที่ต่ำกว่าทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์จะต้องช่วยเหลือมนุษย์ด้วยความพยายามทั้งหมดของเขา และไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้าจะทรงกลายเป็นหนึ่งในมนุษย์เหล่านั้นด้วย และทูตสวรรค์ยังคงต้องนมัสการและเทิดทูนพระองค์ในร่างมนุษย์ของพระองค์ เช่นเดียวกับที่พวกเขาบูชาพระองค์ในรูปแบบฝ่ายวิญญาณของพระองค์ พระประสงค์ประการนี้เป็นสิ่งที่มากเกินไปสำหรับลูซิเฟอร์ที่จะยอมรับ เขาไม่ได้ต้องการจะรับใช้และช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าตัวเขาเอง และแน่นอนว่าเขาจะไม่ชื่นชอบมนุษย์คนหนึ่งในบรรดามนุษย์ทั้งหลายด้วย แม้ว่าชายคนนั้นจะเป็นพระเจ้าเองก็ตาม เขาเรียกร้องว่าถ้าหากมีความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างสวรรค์และมนุษย์แล้วละก็,มันควรจะเป็นตัวเขาเอง,ไม่ใช่พระเจ้า ลูซีเฟอร์ชักชวนทูตสวรรค์อีกหลายองค์ให้ติดตามการกบฏของเขาโดยสัญญากับพวกเขาว่าเขาจะตั้งอาณาจักรของเขาเองให้แตกต่างจากพระเจ้า เขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระเจ้า ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรับใช้พระเจ้าและมนุษย์ ตลอดจนรักพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
 
นิมิตแห่งสวรรค์+
 
จากนั้น สิ่งที่ทำให้ลูซิเฟอร์แย่ลงไปอีกก็คือ ในเวลานั้น,มีหมายสำคัญยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นในสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่นักบุญยอห์นเห็นและเขียนในหนังสือวิวรณ์ สตรีผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ด้วยดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และมีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ พระเจ้าทรงอธิบายกับเหล่าทูตสวรรค์ว่านี่คือพระมารดาทางโลกในอนาคตของพระองค์ ที่ทรงบริสุทธิ์อย่างยิ่งและบริสุทธิ์มากกว่าทูตสวรรค์องค์ใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงอธิบายว่าพระองค์จะเข้ามาในโลกผ่านทางพระครรภ์พรหมจารีของพระนาง และเหล่าทูตสวรรค์จะต้องรับใช้พระนางและอยู่ภายใต้พระนาง พระนางจะทรงเป็นราชินีของพวกเขา เมื่อมาถึงจุดนี้ ลูซิเฟอร์พูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามพระเจ้า เขาให้คำมั่นว่าจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ เบียดเบียนข่มเหงสตรีผู้นี้ และทำลายตำแหน่งของพระนางในสวรรค์
 
การกระทำของลูซีเฟอร์ทำให้พระเจ้าทรงพิโรธเป็นอันมาก พระองค์ทรงบอกลูซิเฟอร์ว่าสตรีผู้นี้จะบดขยี้หัวของเขา และเขาจะพ่ายแพ้โดยผ่านทางเธอ (พระเจ้ารู้ว่าความจองหองอันยิ่งใหญ่ของลูซิเฟอร์จะได้รับบาดเจ็บจากการถูกมนุษย์เพศหญิงที่ต่ำต้อยกว่าเอาชนะ ยิ่งกว่าโดยพระองค์เอง ผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด) พระองค์ตรัสว่าชายหรือหญิงคนใดในโลกที่ดำเนินชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอย่างสุดความสามารถ ด้วยธรรมชาติขององค์พระวจนาตถ์ที่ทรงจุติมาพร้อมด้วยสตรีผู้นี้จะได้ครอบครองที่นั่งของลูซิเฟอร์และที่นั่งของผู้ที่ติดตามลูซีเฟอร์ในสวรรค์ พระเจ้าทรงอนุญาตให้ทูตสวรรค์ทั้งหมดเห็นพระหรรษทานมากมายที่พระองค์ทรงประทานแก่สตรีผู้นี้และะวิธีที่พระองค์จะทรงทำงานโดยผ่านทางพระนางเพื่อทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ทูตสวรรค์ที่ดีต่างตกตะลึงในความรักของพระเจ้า แต่สิ่งนี้กลับทำให้เหล่าทูตสวรรค์ที่ชั่วร้ายยิ่งโกรธแค้น และพวกมันสาบานว่าจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์
 
ซิสเตอร์มารีเปรียบเทียบนิมิตของสตรีผู้สวมอาภร์เป็นดวงอาทิตย์กับสายรุ้ง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของพระสัญญาของพระเจ้าต่อโนอาห์ที่จะไม่ให้มีน้ำท่วมโลกอีก ซิสเตอร์มารีบอกว่าสตรีผู้นี้เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ลงโทษมนุษย์ในลักษณะที่ไม่ให้อภัยเหมือนกับที่พระองค์ทรงลงโทษทูตสวรรค์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากมนุษยชาติทำบาป พวกเขาจะได้รับพระหรรษทานที่พวกเขาสูญเสียไปกลับคืนมา โดยอาศัยพระหรรษทานจากพระเจ้าที่หลั่งไหลผ่านความศักดิ์สิทธิ์ของพระนาง พระนางมารีย์พรหมจารีย์
 
ในพระคัมภีร์วิวรณ์,มงกุฎดาวสิบสองดวงบนศีรษะของสตรีไม่เพียงแต่หมายถึงชนชาติอิสราเอล (ที่มีสิบสองเผ่า) และพระศาสนจักรคาทอลิก (อัครสาวกสิบสอง)เท่านั้น แต่ยังหมายถึงคุณธรรมสิบสองประการของพระนางมารีย์ด้วย (ความไร้เดียงสา,ความเรียบง่าย,ความอ่อนน้อมถ่อมตน,ความอดทน,ความเชื่อฟัง,ความรักต่อพระเจ้า,ความเมตตา,การดูถูกโลก,ความบริสุทธิ์,ความเงียบ,ความอ่อนโยน,และความสุภาพเรียบร้อย) พระจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นตัวแทนของความมืดของบาปอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพระนาง ขณะที่เธอสวมอาภรณ์ด้วยดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม จำนวนหนึ่งพันหกสิบวันที่พระคัมภีร์กล่าวว่าเป็นเวลาที่พระนางทรงได้รับการปกป้องในทะเลทรายนั้นแท้จริงแล้วเป็นเวลาที่พระนางมารีย์ทรงได้รับพระหรรษทานอันไม่จำกัดจากพระเจ้าในความสันโดษของพระนาง ดังนั้นพระหรรษทานจึงได้รักษาพระนางไม่ให้แปดเปื้อนจากบาปทั้งหมดได้แม้แต่วินาทีเดียว
 
ในทางกลับกัน ซิสเตอร์มารีกล่าวว่า หัวเจ็ดหัวของมังกรที่กล่าวไว้ในวิวรณ์12 หมายถึงบาปหนักเจ็ดประการ ได้แก่ ความลามก,ความโลภ,อิจฉาริษยา,ความโกรธโมโห,ความเย่อหยิ่ง,ความตะกละ และความเกียจคร้าน เขาสิบเขาของมังกรเป็นตัวแทนของ “ชัยชนะของความชั่วช้าและความอาฆาตพยาบาทของมังกร และการยกย่องเชิดชูและเย่อหยิ่งที่ไร้ประโยชน์และไร้เหตุผลซึ่งเขานำมาประกอบกับตัวเขาเองในการกระทำการที่ชั่วร้ายของเขา
 
หางของมังกรเป็นตัวแทนของคำสัญญาเท็จและมิตรภาพจอมปลอมของลูซิเฟอร์ที่มีต่อทูตสวรรค์ที่ละทิ้งความเชื่อ และได้กวาดพวกเขาออกจากสวรรค์สู่ใจกลางโลก หรือที่เรียกว่านรก จากนั้นเธอก็อธิบายว่าความเจ็บปวดของหญิงสาวที่ "กำลังคลอดบุตร"( travail) ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่เกิดเพราะการคลอดบุตร แต่พระนางมารีย์ทรงร้องไห้ออกมาดังๆสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระบุตรของพระนาง นั่นคือการตรึงกางเขน เนื่องจากพระนางมารีย์ทรงกำเนิดโดยไม่มีบาป พระนางจึงพ้นจากคำสาปของเอวา นั่นคือ ความเจ็บปวดจากคลอดบุตร นักเทวศาสตร์คนอื่นๆก็เสนอแนะเช่นเดียวกันว่าความเจ็บปวดในการคลอดบุตรเหล่านี้แสดงถึงความเจ็บปวดของพระนางมารีย์ในการภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อพวกเรา ซึ่งเป็นลูกๆของพระนางที่ชอบบาปมากกว่าพระเยซู คำว่า "travail" ไม่ได้หมายถึง "ความเจ็บปวดในการคลอดบุตร" เสมอไป และใช้ในที่อื่นๆในพระคัมภีร์เพื่อใช้เป็นคำสละสลวยสำหรับโลกที่กำลังรอการยอมรับจากพระเยซูคริสต์ อาทิเช่น : 
 
โรม 8:22: เรารู้ดีว่า จนถึงเวลานี้ สรรพสิ่งกำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร(travail) และมิใช่แต่เพียงสรรพสิ่งเท่านั้น แม้แต่เราเองซึ่งได้รับผลิตผลครั้งแรกของพระจิตเจ้าแล้ว ก็ยังคร่ำครวญอยู่ภายใน ในเมื่อเรามีความกระตือรือร้นรอคอย ให้พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรบุญธรรม ให้ร่างกายของเราได้รับการปลอปล่อยเป็นอิสระ
 
กาลาเทีย 4:19: ลูกๆที่รัก ข้าพเจ้ามีความเจ็บปวดประหนึ่งว่ากำลังคลอดท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง จนกว่าพระคริสตเจ้าจะทรงปรากฏอยู่ในท่านอย่างชัดเจน! 
 
สงครามในสวรรค์! +
 
สงครามที่กล่าวไว้ในวิวรณ์12 เริ่มต้นขึ้น โดยมีมีคาแอลและทูตสวรรค์ที่ดีมีชัยชนะต่อลูซิเฟอร์และทูตสวรรค์ที่ไม่ดี ตามที่ซิสเตอร์มารีกล่าว มีการสนทนาต่อไปนี้เกิดขึ้นระหว่างลูซิเฟอร์กับมีคาแอล: 
 
ลูซิเฟอร์กล่าวว่า "พระเจ้าไม่ยุติธรรมในการสร้างธรรมชาติของมนุษย์ให้อยู่เหนือทูตสวรรค์ ข้าเป็นทูตสวรรค์ที่สูงส่งและสวยงามที่สุด และชัยชนะเป็นของข้า, ข้าจะวางบัลลังก์ของข้าเหนือดวงดาวและจะเป็นเหมือนองค์พระผู้สูงสุด ข้าจะยกตัวข้าขึ้นเหนือสิ่งสร้างที่ต่ำกว่าข้า และข้าจะไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาแทนที่ข้าหรือยิ่งใหญ่กว่าข้า
 
แต่นักบุญมีคาแอลตอบว่า: 
 
ใครที่จะเป็นเหมือนพระเจ้า,ผู้สถิตในสวรรค์ หรือใครจะเปรียบเทียบตนเองกับพระองค์ได้? ศัตรูเอ๋ย จงเงียบเสีย หยุดคำพูดดูหมิ่นอันน่าสยดสยองของเจ้า และเนื่องจากความชั่วช้าเข้าครอบงำเจ้า จงไปเสียจากพวกเรา,น่าอนาถ,เจ้าจะถูกเหวี่ยงออกไปในความโง่เขลาตาบอดและความชั่วร้ายของเจ้าในคืนที่มืดมิดและความโกลาหลแห่งความเจ็บปวดของนรก แต่ขอให้พวกเรา โอ,พระจิตของพระเจ้า ให้เกียรติและเคารพสตรีผู้ได้รับพระพรผู้นี้ ผู้ซึ่งจะทรงมอบเนื้อมนุษย์ให้กับองค์พระวจนาตถ์นิรันดร และให้เราเคารพพระนางในฐานะราชินีและนายหญิงของเรา
 
ในที่สุด,ทูตสวรรค์ที่ไม่ดีก็พ่ายแพ้และถูกโยนลงนรก,ลงไปสู่ใจกลางโลก จากนั้นซิสเตอร์มารีให้รายละเอียดของการประชุมระหว่างลูซิเฟอร์กับผู้ที่ติดตามเขา ในการประชุมครั้งนี้ ลูซิเฟอร์วางแผนกับสาวกปีศาจของเขา สำหรับการทำลายสตรีที่พระเจ้าตรัสว่าจะบดขยี้หัวของเขาและทำลายมนุษยชาติด้วย เขาสาบานที่จะสร้างนิกายและศาสนาเท็จเทียมมากมายที่จะนำมนุษย์ออกห่างจากพระเจ้า ลูซิเฟอร์บอกว่ามันจะทำให้เกิดชายที่กล้าหาญและหยิ่งผยองขึ้นมากมาย ผู้ซึ่งทำตามคำสั่งของมันโดยทำให้บาปงอกเงยขึ้นบนแผ่นดินโลก ลูซิเฟอร์กล่าวว่าชายและหญิงผู้ที่ทำงานให้มันได้ดีที่สุด,ด้วยการนำคนส่วนใหญ่ไปสู่นรก,จะถูกลงโทษมากที่สุดในนรก เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการทำตามคำสั่งของมันในขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก
 
พระราชโองการของพระเจ้า+
 
ซิสเตอร์มารีกล่าวว่าพระเจ้าทรงประกาศพระราชโองการดังต่อไปนี้: 
 
ทุกคนจงเข้าใจเถิดว่า ผู้ที่ถ่อมตัวและสร้างสันติ ผู้ปฏิบัติคุณธรรม ผู้ทนทุกข์และยังให้อภัย คือผู้ติดตามพระคริสต์,องค์พระบุตรของเรา ไม่มีใครจะสามารถเข้าสู่อาณาจักรของเราด้วยจิตใจอิสระของเขาได้ เว้นแต่เขาจะปฏิเสธตัวเองและติดตามผู้นำและอาจารย์ของเขา (มัทธิว 10:22) อาณาจักรของเราจะประกอบด้วยคนสมบูรณ์แบบ ผู้ซึ่งทำงานและต่อสู้อย่างถูกต้อง ผู้ที่บากบั่นจนถึงที่สุด คนเหล่านี้จะมีส่วนร่วมในการปกครองของพระคริสต์ บัดนี้จงเริ่มต้นและมีความตั้งใจแน่วแน่ เพราะผู้กล่าวหาฟ้องร้องพี่น้องของเขาถูกเหวี่ยงลงแล้ว ชัยชนะของพระคริสต์มั่นคง ความสูงส่งและสง่าราศีเป็นของพระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงต้องชำระและทำให้มนุษย์บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์ ดังนั้นพระองค์เท่านั้นจึงจะสมควรที่จะเปิดม้วนหนังสือ (วว. 5: 9) พระองค์ทรงเป็นหนทางนั้น ทรงเป็นความสว่าง, ความจริงและเป็นชีวิต (ยอห์น 14:6) ซึ่งมนุษย์จะมาหาเราได้โดยทางนั้น พระองค์ผู้เดียวจะเปิดประตูสวรรค์ พระองค์จะทรงเป็นคนกลาง (1 ทิม. 2:5) และเป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์ ในพระองค์ พวกเขาจะมีพระบิดา พี่ชาย (1 ยอห์น 2:1) และผู้พิทักษ์หลังจากได้รับการปลดปล่อยจากผู้กล่าวหาฟ้องร้องและผู้ข่มเหง และเหล่าทูตสวรรค์ผู้เป็นเหมือนบุตรที่แท้จริง,ได้มีส่วนร่วมในงานแห่งความรอดและพระราชอำนาจของเราและได้ร่วมกันปกป้องการปกครองของพระคริสต์ของเรา พวกเขาเช่นเดียวกัน,จะได้รับเกียรติและสวมมงกุฎตลอดนิรันดรต่อหน้าเรา
 
อาดัมและเอวา+
 
ในบทต่อไปของหนังสือนครของพระเจ้า เป็นเรื่องราวของการสร้างอาดัมและเอวา การสร้างมนุษย์ถูกซ่อนไว้จากลูซิเฟอร์ ผู้ซึ่งเชื่อจริงๆว่าเอวาคือสตรีในนิมิต เขาคิดว่าการทำให้เอวาทำบาป,เขาจะบดขยี้เธอก่อนที่เธอจะบดขยี้หัวของเขา เขาไม่รู้ว่าพระนางมารีย์จะทรงถือกำเนิดในอีก 4000 ปีต่อมา จริงๆแล้วพระนางมารีย์คือ"สตรีผู้นั้น" เรื่องที่น่าพิศวงก็คือผู้หลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติกลับถูกหลอกด้วยอัตตาและความหยิ่งจองหองของเขาเอง! 
 
----------------------------+
 
หมายเหตุ+
 
พระคัมภีร์ที่แปลใหม่อย่างเช่น ฉบับ Douai Rheims ใช้คำว่า “She” เธอ(ซึ่งเป็นผู้หญิง)ในปฐมกาล 3:15 คัมภีร์ตอนนี้นำมาจากหลักฐานซึ่งพระศาสนจักรใช้มาเป็นเวลาหลายศตวรรษในการแปลพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคำ (“ipsa”) ในเชิงบรรทัดฐาน
 
คำในภาษาฮีบรู, Ipsa สามารถแปลได้ว่า เขา เธอ พวกเขา หรือมัน(he, she, they, or it) แต่พระศาสนจักรคาทอลิกมักใช้คำว่า "เธอ"
 
ปฐมกาล 3:15: “เราจะทำให้เจ้ากับหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา” 
 
พระคัมภีร์ฉบับ Douai Rheims ให้อรรถธิบายว่า : “'เธอจะบดขยี้' Ipsa หมายถึงผู้หญิง ปิตาจารย์หลายท่านได้อ่านข้อความตอนนี้ซึ่งสอดคล้องกับภาษาละติน บางคนอ่านว่า ipsum ซึ่งหมายถึง เมล็ดพันธุ์ ความหมายก็เหมือนกัน เพราะโดยพงศ์พันธุ์ของพระนางคือพระเยซูคริสต์ สตรีผู้นั้นจะบดขยี้หัวงู” 
 
นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเชิงบรรทัดฐานของพระศาสนจักรใช้คำว่า "เธอ" ในปฐมกาล 3:15 มานานหลายศตวรรษ พระศาสนจักรคาทอลิกยึดถือข้อความนี้เสมอว่าเป็น "เธอ" ซึ่งพบได้ในรูปปั้นหลายพันรูปของพระแม่มารีย์ที่ชาวคาทอลิกตลอดหลายศตวรรษได้ประดับประดาที่โบสถ์ วัด คอนแวนต์ บ้าน สวน และอื่น ๆ โดยมีการแสดงพระแม่มารีย์ยืนเหยียบบนหัวงู เรื่องนี้พระศาสนจักรยอมรับในระดับสากล
 
การประจักษ์ของพระแม่มารีย์ต่อนักบุญแคทเธอรีน ลาบูเรร์ ในปี ค.ศ. 1830 นักบุญแคทเธอรีนได้รับคำสั่งให้จัดทำเหรียญอัศจรรย์ขึ้นเป็นรูป “พระนางมารีย์ทรงประทับยืนอยู่บนลูกโลก,ทรงเหยียบหัวงูที่ใต้พระบาท การประทับยืนบนลูกโลกหมายถึงแม่พระทรงเป็นราชินีแห่งโลกและสวรรค์ พระบาททรงเหยียบหัวงูเป็นการประกาศว่าซาตานและพรรคพวกของมันพ่ายแพ้ต่อพระนาง”(ปฐก.3:15) เหรียญนี้ได้แพร่หลายไปทั่วโลก
 

 
************************
 

1 ความคิดเห็น:

  1. คุณธรรม 12 ประการของแม่พระ ตรงข้อ "การดูถูกโลก" หมายถึงอะไรหรือคะ

    ตอบลบ