วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ความทุกข์โศกของพระคริสต์ในสวนเก็ทเซเมนี

 



 
มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับนักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนา อาทิเช่น ครั้งหนึ่งเธอเคยเกือบโดนตัดหัว อีกครั้งหนึ่ง เธอจับหัวของบางคนหลังจากที่มันถูกตัดออกแล้ว..พระเยซูเจ้าทรงนำหัวใจของเธอออกมาและทรงนำดวงพระทัยของพระองค์ใส่เข้าไปแทนที่..ยังปรากฏรอยแผลที่ทรวงอกของเธอเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้อีกด้วย..ปีศาจต้องยอมเชื่อฟังเธอ..พระสันตปาปาทรงขอคำแนะนำจากเธอ..พระเยซูทรงสอนให้เธอเขียน..เธอไม่ดื่มไวน์ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังมีเรื่องอื่นๆอีก
 
ผู้ที่คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์อาจมองว่านี่เป็นเพียงตำนานเพ้อฝันอีกเรื่องหนึ่งซึ่งผูกติดอยู่กับเรื่องจริง แต่สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับนักบุญคัทเธอรีนก็คืออัตชีวประวัติของเธอถูกเขียนโดยพระสงฆ์ผู้แนะนำฝ่ายจิตของเธอเอง,บุญราศีเรย์มอนด์แห่งคาปัว(Raymond of Capua) ผู้ที่อาศัย ทำงาน และทนทุกข์เคียงข้างเธอเป็นเวลาหกปี สิ่งนี้ทำให้ท่านเรย์มอนด์เป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนของนักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนาผู้มีชื่อเสียง งานเขียนของท่านเรย์มอนด์มีชีวิตชีวาและน่าอ่าน
 
หนึ่งในงานเขียนที่ทรงพลังยิ่งของบุญราศีเรย์มอนด์ เป็นงานเขียนเกี่ยวกับความศรัทธาเป็นอย่างมากของคัทเธอรีน ทุกช่วงเวลาที่เธอตื่น ไม่ว่าจะป่วยหรือมีสุขภาพดี อยู่คนเดียวหรืออยู่กับผู้อื่น เป็นการอุทิศให้กับพระเจ้า บางครั้งสิ่งนี้อยู่ในรูปแบบของการรับใช้เพื่อนบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางครั้งเป็นการอธิษฐานภาวนาเหมือนอยู่ในภวังค์ บางครั้งเป็นการเทศน์สอน ทั้งหมดทั้งปวงนี้,เธอกระทำด้วยด้วยความปรารถนาดีที่จะทนทุกข์เพื่อประโยชน์แห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า เธอเป็นทุกข์เสียใจกับความบาปในโลกจนทำให้เธอปรารถนาที่จะรับความทุกข์ทุกอย่างร่วมกับพระเยซูเจ้า เพื่อมีส่วนร่วมในพระมหาทรมานในการไถ่บาปของพระองค์
 
เรื่องที่ผมชอบที่สุดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเธอคือเรื่องที่ไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนัก ท่านเรย์มอนด์เล่าให้เราฟังถึงบทสนทนาของเขากับคัทเธอรีนเกี่ยวกับการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าในสวนเก็ทเซเมนี คัทเธอรีนอธิบายให้เขาฟังว่า พระเยซูเจ้า,ตั้งแต่เวลาที่ทรงปฏิสนธิด้วยความดีครบถ้วนบริบูรณ์ พระองค์ทรงปรารถนาตลอดเวลาที่จะทำให้ภารกิจของพระองค์สำเร็จ ซึ่งนั่นก็รวมถึงการรับพระมหาทรมานและความตายของพระองค์ด้วย ความปรารถนานี้ในเวลาที่พระองค์อยู่ในสวนเก็ทเซเมนีนั้นยังไม่บรรลุผล แต่พระองค์ทรงเป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างใหญ่หลวง เมื่อทรงอธิษฐานในเก็ทเซเมนีว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้พ้นข้าพเจ้าไปเถิด” (มธ 26:39) พระองค์ไม่ได้ทรงขอให้พ้นจากความตาย แต่ขอให้ความทุกข์โศกเศร้าจากภารกิจที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของพระองค์นี้ได้สำเร็จโดยเร็วเถิด แต่ด้วยความนบนอบเชื่อฟังพระบิดา,พระองค์ทรงยอมรับเวลาใดก็ตามที่พระบิดาจะทรงเลือก โดยตรัสว่า “ถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็อย่าขอให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” (มธ 26:39) ในมุมมองของนักบุญคัทเธอรีน ความเจ็บปวดของพระเยซูเจ้าไม่ได้เกิดจากการกลัวความตาย แต่มาจากการที่ยังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะต้องทนทุกข์มากกว่า ความปรารถนาของคัทเธอรีนที่จะทนทุกข์เพื่อพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่มากจนเธอสามารถเห็นความปรารถนาของพระเยซูเจ้าที่จะรับถ้วยแห่งความทุกข์ทรมานของพระองค์โดยทำตามแผนการณ์ของพระเจ้าให้สำเร็จ ในความคิดของเธอ พระเยซูเจ้าในฐานะมนุษย์ไม่เคยปรารถนาจะหลีกหนีไม่ดื่มถ้วยแห่งความทุกข์ทรมาน เราสามารถจินตนาการได้ว่าทั้งพระเยซูเจ้าและคัทเธอรีนไม่มีความคิดที่หลีกหนีความทุกข์ทรมานเลย ทั้งสองพร้อมที่จะเผชิญทุกอุปสรรคเพื่อที่จะรับความทุกข์ที่จะเกิดขึ้น มันแสดงให้เห็นถึงวีรสตรีผู้กล้าหาญและมีใจเด็ดเดี่ยว
 
ท่านเรย์มอนด์เองในตอนแรกไม่เชื่อเมื่อเธอบอกเรื่องนี้กับเขา เขาอธิบายให้เธอฟังว่าบรรดาปิตาจารย์ได้ตีความเรื่องนี้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงมีพระธรรมชาติมนุษย์และย่อมมีความกลัวความตายโดยธรรมชาติ และพระองค์ตรัสในนามของผู้ได้รับเลือกสรรทุกคนเพื่อให้กำลังใจพวกเขา คัทเธอรีน ตอบว่าพระคัมภีร์สามารถพูดกับคนที่ใจอ่อนแอและเข้มแข็งได้หลายวิธีตามความเหมาะสมของแต่ละคน การตีความที่คัทเธอรีนเห็นว่าเหมาะสมคือ พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาจะรับความทุกข์ แต่พระคัมภีร์พูดกับทุกคนจึงทำให้แต่ละคนอาจตีความที่แตกต่างกันไป ท่านเรย์มอนด์เล่าว่าตอนนั้นเขาต้องนิ่งเงียบไปด้วยคำตอบอันมีเหตุผลโดยสติปัญญาของเธอ
 
ภาพข้างบน: นักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนาแลกเปลี่ยนหัวใจของเธอกับพระคริสต์ วาดโดย Giovanni di Paolo
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น