วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

การประจักษ์ของแม่พระแห่งพระหรรษทานในบราซิล

 


นำมาจาก Forums of the Virgin Mary [for discernment only]:
 
การประจักษ์ของแม่พระแห่งพระหรรษทานในบราซิลกำลังอยู่ในขั้นตอนการรับรองจากทางวาติกันและการพิจารณาผู้ที่เห็นแม่พระก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้เป็นบุญราศี
 
ในช่วงปี 1930 มีการประจักษ์เรื่องหนึ่งที่กำลังเข้าสู่กระบวนการรับรองจากทางสันตะสำนัก และมีรายงานว่าพระสังฆราชกำลังเตรียมเสนอชื่อผู้ที่เห็นแม่พระเป็นบุญราศีด้วย เรื่องนี้ไม่เป็นที่รับรู้กันในที่อื่นที่อยู่นอกประเทศบราซิล
 
ผู้เห็นแม่พระพูดถึงความทุกข์ยากที่จะมาสู่บราซิล แต่ยังมีสาส์นความลับอยู่อีกสองประการ ด้านหนึ่ง พูดถึงความทุกข์ยากเหล่านั้นว่าจะเป็นอะไร
 
และในอีกด้านหนึ่งพูดถึง- ความยากลำบากเหล่านี้จะขยายไปทั่วทั้งภูมิภาคทั้งหมดหรือไม่ ในที่นี้เราจะเล่าเรื่องราวของการประจักษ์,คำทำนายของแม่พระ,และเหตุใดมันอาจจะไม่ใช่คำทำนายเฉพาะสำหรับประเทศบราซิลเท่านั้น เมื่อพิจารณาว่ามีการอ้างถึงการประจักษ์ในที่อื่นๆด้วยนั่นคือที่ ฟาติมาและลาซาเลตต์ ซึ่งเป็นการประจักษ์สำหรับโลกทั้งมวลไม่ใช่เพียงแค่ประเทศบราซิลเท่านั้น
 
พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มาในวันที่ 6 สิงหาคม 1936 แก่เด็กสาววัยรุ่นสองคนคือมาเรีย ดา ลุซและมาเรีย ดา กองเซเซา(María da Luz and María da Conceição) ในเมืองซิติโอ ดา กวาร์ดา(Sitio da Guarda) ในเขตซิมเบรส(Cimbres) ของเมืองเปสเกรา(Pesqueira) ในเขตชนบท ของเปร์นัมบูโก(Pernambuco)
 
เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองเรซิเฟ(Recife)ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐไป 212 กิโลเมตร ทางตอนเหนือของบราซิล
 
หญิงสาวทั้งสองไปเก็บเมล็ดละหุ่งพลางพูดถึงอันตรายของกลุ่มอาชญากร
 
และเมื่อพวกเขามองไปทางภูเขา,พวกเขาประหลาดใจที่ด้านบนสุด มีภาพของผู้หญิงผู้หนึ่งกำลังอุ้มเด็กอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอกำลังส่งสัญญาณให้หญิงสาวทั้งสองด้วยมือของเธอ
 

รูปภาพของพระสังฆราช Dom José Luiz Ferreira Salles, C.Ss.R - 2006 a 2012 ถ่ายเมื่อ ตุลาคม 2021 B13 - -
 
อัครสังฆมณฑล Arquidiocese de Fortalezaishop of Pesqueira มองซิเยอร์ José Luiz Ferreira Salles ได้เริ่มก้าวแรกในการตรวจสอบการประจักษ์ของแม่พระแห่งพระหรรษทาน , ในจดหมายอภิบาลชองท่าน
 
ท่านชี้ให้เห็นว่าข่าวสารของการประจักษ์นี้สอดคล้องกับความจริงของความเชื่อของคริสตชนและมีข้อบ่งชี้ของการมาเยือนที่เหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง
 
และท่านยังประกาศด้วยว่าสังฆมณฑลร้องขอให้เริ่มกระบวนการเป็นบุญราศีของมาเรีย ดา ลุซ หนึ่งในผู้เห็นแม่พระ ซึ่งต่อมาเธอได้เข้าอารามและได้รับศาสนนามว่า ซิสเตอร์อาเดเลีย มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในการประจักษ์ครั้งนี้
 
ในวันที่มีการประจักษ์ครั้งแรกนั้นเอง,มาเรีย เดอ ลุสเมื่อกลับมาที่บ้านได้เล่าเหตุการณ์ที่เธอประสบแก่พ่อของเธอ,อาเธอร์,ซึ่งต้องการจะไปสถานที่แห่งนั้นพร้อมกับเด็กสาวเหล่านั้นทันที มันเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว
 
การประจักษ์ยังคงอยู่ที่นั่นและพ่อบอกให้พวกเขาถามพระแม่มารีย์ว่าพระนางทรงมีพระประสงค์อะไรในการมาครั้งนี้
 
และพระนางกตรัสตอบว่า
 
“ลูกสาวของแม่ ช่วงเวลาเลวร้ายกำลังจะมาสู่บราซิล! จงบอกทุกคนว่าการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่สามครั้งกำลังจะมา,ถ้าหากพวกเขาไม่ทำการใช้โทษบาปและสวดภาวนามากๆ”
 
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วแถบนั้นและหลายคนเริ่มไปสถานที่แห่งนี้เพื่อสวดภาวนา บางคนไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น บางคนไปเพื่อวอนขอเครื่องหมายการประจักษ์ที่มองเห็นได้ ในเบื้องต้น,ครอบครัวนี้ต้องเผชิญกับความไม่เชื่อถือของผู้คน,ความเงียบของพระสงฆ์,และความพยายามของผู้ว่าการเมืองในการหยุดยั้งความศรัทธานี้
 
แม้แต่ตำรวจก็กักตัวอาเธอร์,ถืออาวุธเฝ้าระวังในพื้นที่นั้น และข่มขู่ผู้แสวงบุญ
 
แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งความศรัทธาเร่าร้อนของผู้คนมากมายได้
 
พระสังฆราชในสมัยนั้นได้ให้แพทย์ตรวจสภาพของเด็กหญิงที่อ้างว่าเห็นแม่พระ ซึ่งแพทย์ก็พบว่าพวกเธอมีสุขภาพแข็งแรง พระสังฆราชยังได้แต่งตั้งพระสงฆ์ท่านหนึ่งเพื่อสอบสวนเหตุการณ์นี้ ในเวลาต่อมาพระสงฆ์ที่ได้รับแต่งตั้งจากพระสังฆรราชก็รายงานว่าเมื่อท่านไปที่นั่นและพูดกับพวกเด็กสาว ท่านก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเด็กสาวเหล่านั้น
 
และเมื่อท่านถามสตรีที่ประจักษ์มาเป็นภาษาเยอรมันเพื่อให้แน่ใจ แต่เด็กหญิงได้รับคำตอบเป็นภาษาโปรตุเกสและได้ถ่ายทอดคำตอบนั้นให้พระสงฆ์ทราบ
 
เมื่อพระสงฆ์ถามว่าการลงทัณฑ์นั้นคืออะไรบ้าง สตรีที่ประจักษ์มา(แม่พระ)ไม่ตอบแต่พูดว่าจะบอกให้รู้ในภายหลัง
 
แต่แม่พระตรัสเสริมว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก
 
และพระนางทรงกล่าวย้ำว่าพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการลงทัณฑ์ได้ด้วยการทำกิจใช้โทษบาปและสวดภาวนา
 
และด้วยความศรัทธาต่อดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าและดวงหทัยนิรมลของแม่พระ พระนางทรงขอให้บรรดาพระสงฆ์เทศนาเผยแพร่ความศรัทธานี้
 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่พระทรงยื่นพระหัตถ์ซึ่งเปื้อนเลือดและตรัสว่าเลือดจะท่วมบราซิล
 
ลัทธิคอมมิวนิสต์จะแทรกซึมเข้ามา,ถึงแม้จะไม่ถึงส่วนในของประเทศก็ตาม
 
พระสงฆ์และพระสังฆราชจะต้องทนทุกข์ทรมานและเกือบจะเหมือนกับในสเปน ซึ่งหมายถึงสงครามกลางเมือง [และการกดขี่ข่มเหงอันน่าสยดสยอง] ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1936 และปี 1939
 
แม่พระยังทรงกล่าวอีกว่าการประจักษ์ครั้งนี้เป็นการประจักษ์มาในแบบเดียวกับการประจักษ์ที่ลาซาแล็ต
 
ในการประจักษ์ในวันที่ 10 สิงหาคม แม่พระได้ประทานเครื่องหมายที่พวกเขาร้องขอ โดยทำให้น้ำไหลจากโพรงก้อนหินหน้าสถานที่ประจักษ์แล้วยังทรงทิ้งรอยพระบาทของพระนางไว้ด้วย และพระนางทรงบอกว่าน้ำนี้เป็นน้ำรักษาโรคได้ แต่เฉพาะผู้มีความเชื่อเท่านั้นที่จะเข้าใกล้ได้
 
พระแม่มารีย์ทรงขอให้สร้างกำแพงหรือรั้วขึ้น เพราะมีเพียงวิญญาณที่สำนึกผิดและศรัทธาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปสวดภาวนาและทำกิจใช้โทษบาปได้
 
แต่ตำรวจได้มาและพังรั้ว และในทันทีทันใดนั้นน้ำก็แห้ง
 
พระสงฆ์ได้สร้างรั้วขึ้นมาใหม่ ไม่นานก็มีน้ำไหลออกมาอีก
 
แต่หลังจากนั้นแปดวัน,ตำรวจได้กลับมาและทำลายรั้วอีกครั้ง และเหมือนครั้งก่อนน้ำก็หายไป
 
พระสงฆ์ได้ถามแม่พระว่าใครเป็นผู้แจ้งตำรวจ และแม่พระบอกว่าเป็นพระสงฆ์อีกองค์หนึ่ง
 
พระสงฆ์ถามชื่อของผู้ที่ประจักษ์มา เด็กหญิงก็แจ้งให้พระสงฆ์ทราบตามที่ท่านขอมา!
 
เราไม่ต้องการที่จะเล่าถึงรายละเอียดและอัศจรรย์อีกต่อไป แต่ให้ไปที่จุดศูนย์กลางของการประจักษ์ ซึ่งก็คือการระบุการลงทัณฑ์หรือความทุกข์ยากสามประการที่บราซิลจะต้องได้รับ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นแล้วก็ตาม และสาสน์นั้นมีไว้สำหรับบราซิลเท่านั้นหรือไม่
 
มาดูกันว่าเรามีอะไรในสาส์นซึ่งเป็นศูนย์กลางของการประจักษ์ และนี่เป็นข้อสังเกตุบางอย่าง
 
ข้อที่ 1 พระแม่มารีย์ตรัสว่าการลงทัณฑ์สามครั้งกำลังจะมาถึงบราซิล แต่ไม่ใช่ตอนนี้ (นั่นคือไม่ใช่ประมาณปี 1936) แต่ในภายหลัง
 

ดังนั้นเราจึงเผชิญกับคำทำนายที่มีสำหรับอนาคต
 
คำถามจึงอยู่ที่ว่าอีกนานเท่าไร เวลาสำหรับสวรรค์นั้นอาจหมายถึงเวลาที่ยาวนานมากก็ได้ อาจไม่ใช่เพียงแค่สองสามปี
 
(หมายเหตุ - อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสาส์นคำเตือนจากสวรรค์ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ถ้าหากประชาชนสำนึกผิดกลับใจใช้โทษบาปและสวดภาวนามากๆตามที่แม่พระทรงขอร้อง ให้เราระลึกถึงเรื่องราวของประกาศกโยนาห์และชาวเมืองนีนาเวห์)
 
ข้อที่ 2 แม่พระตรัสว่าลัทธิคอมมิวนิสต์จะยึดครองบราซิล แต่ไม่ใช่ภายใน มันจะทำให้พระสังฆราชและพระสงฆ์ต้องทนทุกข์ มันจะเกี่ยวข้องกับการนองเลือด; และเกือบจะเหมือนกับที่เกิดขึ้นในสงครามกลางเมืองสเปน ที่เรายังคงจำได้ว่ามีการประหารชีวิตพระสงฆ์ นักบวช และแม่ชีไปประมาณหกพันคน
 
เราได้รู้ถึงการลงทัณฑ์ประการแรกที่แม่พระทรงพูดถึงแล้ว
 
สาส์นนี้เหมือนกับสาส์นแห่งฟาติมาในปี 1917 เมื่อแม่พระลงมาเตือนเราถึงการที่รัสเซียจะแพร่กระจายความผิดพลาดของลัทธิคอมมิวนิสต์ไปทั่วโลก
 
และในการประจักษ์ของแม่พระแห่งพระหรรษทานครั้งนี้ คำถามยังคงอยู่ว่าระบอบการปกครองของ Joao Gulart ในปี 1964, ของ Lula Da Silva ในทศวรรษแรกของปี 2000 และการก่อตั้ง Forum of São Paulo ในปี 1990 เป็นการแทรกซึมเข้ามาของคอมมิวนิสต์หรือไม่ หรือจะเป็นการโจมตีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
แต่เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์นองเลือดใดเทียบได้กับเหตุการณ์ในสงครามกลางเมืองในสเปน จึงมีเหตุผลที่จะสรุปว่าการลงทัณฑ์ทั้งสามอาจได้รับการลดหย่อนให้ทุเลาลงไปแล้วก็ได้
 
ในทางกลับกัน สิ่งที่พูดสำหรับบราซิลก็ใช้ได้สำหรับทั้งภูมิภาคเช่นกัน เนื่องจากมีการแพร่กระจายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในทวีปนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านขบวนการฟอรัมแห่งเซาเปาโล(Forum of São Paulo)
 
ข้อที่ 3 แม่พระตรัสว่าการประจักษ์นี้เป็นความต่อเนื่องของการประจักษ์ที่ลาซาแล็ตในฝรั่งเศสในปี 1846
 
สาส์นแห่งลาซาแล็ตที่สำคัญที่สุดคือการละทิ้งความเชื่อและความเสื่อมทรามทางศีลธรรมของพระศาสนจักร ดังนั้นเราอาจจะได้รับการลงทัณฑ์ครั้งที่สองตามที่แม่พระตรัส
 
พระศาสนจักรคาทอลิกในบราซิลสูญเสียความสัตย์ซื่ออย่างน่าเวียนหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูญเสียให้กับนิกายเพ็นเทคอสตัลที่มาจากอเมริกาซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในอเมริกาใต้
 
และเหตุการณ์เดียวกันนี้ก็ได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ แม้จะไม่มากเท่าในบราซิลก็ตาม และในขณะเดียวกัน พระสงฆ์ชาวบราซิลก็ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทวศาสตร์การปลดปล่อย ซึ่งเป็นการแทรกซึมของลัทธิมาร์กซ์เข้ามาสู่พระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และโดยลัทธิสมัยใหม่
 
ในที่นี้ เราสามารถระบุถึงการละทิ้งความเชื่อว่าเป็นการลงทัณฑ์ครั้งที่สอง ซึ่งใช้ได้กับทั้งภูมิภาคเช่นกัน ตามที่เราได้เห็นในประเทศต่างๆ
 
ข้อที่ 4 น้ำที่ใช้บำบัดรักษาโรคนั้น แม่พระตรัสว่าจะใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีความเชื่อเท่านั้น เราจึงสามารถระบุถึงการลงทัณฑ์ที่สามได้ว่า หากไม่มีการสำนึกผิดกลับใจแล้ว,จะมีความเจ็บป่วยเมื่อความเชื่อหายไป
 
เมื่อมีการละทิ้งความเชื่อเพิ่มมากขึ้น พระหรรษทานที่แม่พระทรงประทานให้ก็จะมีผลกับคนจำนวนน้อยลงด้วย
 
พระหรรษทานหลั่งไหลมาสู่ทุกคนทุกหนแห่งรวมไปถึงคนที่ละทิ้งความเชื่อด้วยเช่นกัน
 
และข้อที่ 5 แม่พระตรัสว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการลงทัณฑ์เหล่านี้ เราต้องทำกิจใช้โทษบาป,สวดสายประคำ และมีความศรัทธาต่อดวงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าและดวงหทัยนิรมลของแม่พระ
 
นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่การประจักษ์แจ้งแก่เรา
 
เพราะตอนนี้ข่าวสารทั่วโลกมีความชัดเจน ความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นจะนำมาซึ่งการสูญเสียความเชื่อ
 
สวรรค์ประทานพระหรรษทานแก่เรา นั่นคือเหตุผลที่การประจักษ์นี้มีชื่อว่า แม่พระแห่งพระหรรษทาน ไม่ใช่โดยความบังเอิญ แต่เราต้องอยู่ในสถานะพระหรรษทานจึงจะสามารถรับพระหรรษทานที่แม่พระทรงนำมาได้
 
นี่คือสิ่งที่เราอยากจะบอกเล่ากับคุณเกี่ยวกับการประจักษ์ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการได้รับการรับรองและผู้เห็นแม่พระคนหนึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบุญราศี และสาส์นของแม่พระนั้นไม่ได้เฉพาะในบราซิลเท่านั้น แต่สำหรับทั้งภูมิภาค...
 

************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น