วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ความยากจนที่แท้จริงโดยนักบุญออกัสติน

 


TRUE POVERTY (Sermon xiv. I, &c.)
 
เราขับร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าว่า"แด่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของคนยากจน พระองค์เป็นผู้อุปถัมภ์เด็กกำพร้า” ให้เราค้นหาเด็กกำพร้าและคนยากจนเถิด และอย่าแปลกใจที่ข้าพเจ้าเตือนท่านให้เสาะหาคนเหล่านี้ซึ่งเราได้เห็นและรู้สึกว่ามีมากมายเหลือเกิน มีที่ใดบ้างที่ไม่มีคนยากจนอาศัยอยู่ หรือที่ใดที่ไม่พบเด็กกำพร้า ข้าพเจ้าต้องค้นหาคนทั้งสองกลุ่มนี้ในหมู่ฝูงชน แต่ก่อนอื่น,พี่น้องทั้งหลาย,ข้าพเจ้าต้องแสดงให้ท่านเห็นว่าสิ่งที่ดูคล้ายความยากจนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราควรพยายามค้นหา อันที่จริง เชื้อชาติของมนุษย์นั้นประกอบด้วยผู้ที่ดูเหมือนเป็นคนยากจนกับคนที่ยากจนอย่างแท้จริง สำหรับคนแบบหลังนี้,เขาเป็นผู้สมควรแห่งการให้ทานตามที่พระเจ้าทรงบัญชาเรา เขาคือผู้ที่มีเขียนไว้ว่า “จงทำทานในหัวใจของคนยากจน, และท่านจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า” แต่คนยากจนในความเข้าใจของข้าพเจ้านั้นมีความหมายที่สูงส่งกว่า พวกเขาคือผู้ที่มีเขียนไว้ว่า “ช่างเป็นสุขจริงหนอผู้มีใจยากจน เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของพวกเขา” มีคนยากจนประเภทที่ไม่มีเงินและแทบจะไม่สามารถหาอาหารประจำวันได้ และมีคนยากจนประเภทที่ต้องการอยากได้ทรัพย์สมบัติของเพื่อนบ้านและเขาน่าสงสารมากเพราะเขาไม่กล้าที่จะไปขอทาน ถ้าคำว่า “แด่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของคนยากจน” หมายถึงคนยากจนเหล่านี้ ถ้าเช่นนั้นเราซึ่งไม่อยู่ในบรรดาคนเหล่านี้,จะเป็นอย่างไรเล่า? เราที่เป็นคริสตชน,จะไม่ได้รับการดูแลจากพระเจ้าหรือ? . . .
 
เพราะไม่มีความชั่วร้ายใดที่จะน่ากลัวมากไปกว่าความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในทรัพย์สมบัติที่มองเห็นได้ซึ่งปกติเราเรียกว่าความร่ำรวย และสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความร่ำรวยก็คือความยากจนตามที่เข้าใจกันโดยทั่วไป คนที่ไม่มีเงินหรือทรัพย์สิ่งของมาก,เขาก็ไม่มีความเย่อหยิ่ง เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดที่ไม่มีอะไรเลยที่ทำให้เขาหยิ่งทะนง เขาก็จะไม่ได้รับคำชมสรรเสริญเพราะว่าเขายากจนและไม่หยิ่งผยอง ขอให้คำสรรเสริญที่ให้แก่ผู้มีทรัพย์สมบัติซึ่งทำให้เขาหยิ่งผยองนั้นจงอย่าได้ภาคภูมิใจเลย เหตุใดข้าพเจ้าจึงควรยกย่องคนยากจนผู้ซึ่งในความต่ำต้อย,เขาจึงไม่มีความหยิ่งทะนงเล่า? แต่ใครเล่าจะทนต่อชายที่ทั้งขัดสนและจองหองได้? จงสรรเสริญเศรษฐีผู้ถ่อมตนและมีจิตใจที่ยากจนเถิด บุคคลที่ร่ำรวยเช่นนี้แหละที่เป็นที่พอใจของนักบุญเปาโล ท่านเขียนจดหมายถึงทิโมธีว่า “จงกำชับสั่งคนร่ำรวยทรัพย์สินในปัจจุบันนี้,อย่าให้เป็นคนหยิ่งยโส” . . ขอทรงโปรดประทานศักเคียสผู้มั่งคั่ง,ผู้เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี,แก่ข้าพเจ้าเถิด ศักเคียสผู้สำนึกผิดที่มีรูปร่างเตี้ยและเพราะเห็นว่าตนเองเตี้ย, เขาจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อมองดูพระคริสต์เสด็จผ่านไป พระองค์ผู้จะทรงถูกแขวนอยู่บนต้นไม้เพื่อเขา โปรดประทานชายที่จะพูดว่า “ข้าพเจ้าของมอบทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งให้คนยากจน” แม้กระนั้น โอ ศักเคียส ท่านช่างร่ำรวยจริงๆ! . . .
 
แต่บางทีอาจมีขอทานบางคนที่อ่อนแอในความขัดสน,สวมใส่ผ้าขี้ริ้ว,และหิวโหย จะมาบอกข้าพเจ้าว่า “อาณาจักรสวรรค์เป็นของเรา เพราะเราเป็นเหมือนลาซารัสซึ่งเต็มไปด้วยแผลที่นอนอยู่ตรงประตูบ้านเศรษฐี มีสุนัขมาเลียแผลและพยายามระงับความหิวด้วยเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี อาณาจักรสวรรค์มีไว้สำหรับคนอย่างพวกเรา ไม่ใช่สำหรับผู้ที่สวมชุดสีม่วงและผ้าลินินเนื้อดี และผู้ที่รับประทานอาหารอย่างโอ่อ่าทุกวัน ถ้าอย่างนั้น ให้ท่านแยกความแตกต่างระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจนเถิด ทำไมท่านถึงพยายามให้ความหมายอื่นกับข้าพเจ้าเล่า เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคนยากจนคือคนเช่นไร”
 
ข้าพเจ้าตอบเขาไปว่า “ฟังก่อน ขอทานที่แสนดีของข้าพเจ้า ฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดในประเด็นที่ท่านยกมานั้น ในการที่ท่านเรียกตัวเองว่าขอทานผู้บริสุทธิ์ซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลนั้น ข้าพเจ้าเกรงว่าความจองหองจะขัดขวางไม่ให้ท่านเป็นอย่างที่ท่านเสแสร้ง อย่าดูหมิ่นคนร่ำรวยที่มีใจกุศล,ถ่อมตน,และยากจนในจิตใจซิ จงยากจนอย่างแท้จริงเถิด นั่นคือ มีความถ่อมตน ถ้าท่านอวดอ้างผ้าขี้ริ้วและแผลที่เปื่อยเน่าของท่านเพราะท่านเป็นเหมือนลาซารัสที่อยู่หน้าประตูบ้านเศรษฐี แสดงว่าท่านกำลังคิดถึงแต่ความร่ำรวยของเขา แต่ท่านไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดอีกเลย ท่านถามว่าข้าพเจ้ากำลังคิดอะไร จงอ่านพระคัมภีร์เถิดและท่านจะเห็นสิ่งที่ข้าพเจ้าหมายถึง ลาซารัสเป็นคนยากจน แต่ชายที่อุ้มเขาไว้ในอ้อมอกนั้นเป็นคนมั่งมี(อับราฮัม) . . . ลองอ่านดูเถิดหรือถ้าท่านอ่านไม่ออก,ก็จงฟัง แล้วท่านจะได้รู้ว่าอับราฮัมร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน ท่านร่ำรวยด้วยทอง เงิน และลูกๆ และฝูงแกะและทรัพย์สมบัติ และอับราฮัมก็ยังยากจนอยู่ เพราะเขาถ่อมตัว” . . .
 
ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่า แม้ในความยากจนก็อาจจะมีความอุดมสมบูรณ์ แต่เราก็ควรแสวงหาคนยากจนต่อไป เรามองหาเขาในฝูงชนและแทบจะไม่พบเขาเลย ชายผู้ยากจนคนหนึ่งเข้ามาหาข้าพเจ้า,และข้าพเจ้าก็ยังคงมองหาต่อไป ในระหว่างนี้ จงฟังคนยากจนที่บังเอิญพบเถิด . . . เขาพูดกับข้าพเจ้าว่า “ฉันเป็นขอทานเหมือนลาซารัส” เศรษฐีของข้าพเจ้าเอ๋ย,ผู้ถ่อมตน ท่านไม่พูดว่า “ฉันเป็นเหมือนอับราฮัมที่มั่งคั่ง” เพราะฉะนั้น ท่านก็กำลังยกย่องตัวเอง ในขณะที่อับราฮัมกำลังถ่อมตัวลง . . . ท่านพูดว่า “ฉันเป็นคนยากจน ฉันถูกรับไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม” ไม่เห็นหรือว่าเศรษฐีรับขอทานไปโอบอุ้มไว้? หากท่านดูหมิ่นผู้ที่มีเงินและกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ ในขณะที่พวกเขาอาจจะเป็นผู้ถ่อมตัวและท่านไม่ใช่ เพราะฉะนั้น,อย่ากลัวไปเลยเมื่อท่านอาจจะได้ยินอับราฮัมพูดกับท่านเมื่อท่านถึงแก่ความตายว่า “จงไปจากเรา เพราะท่านพูดดูหมิ่นเรา”? . . .
 
พิจารณาคนยากจนอีกประเภทหนึ่งเถิด “บรรดาผู้ที่ปรารถนาจะร่ำรวยก็ตกอยู่ในการประจญทดลอง และตกอยู่ในความปรารถนาที่โง่เขลามากมาย ซึ่งนำมนุษย์ไปสู่ความตายและความพินาศ” ใครคือคนเหล่านี้ที่ละทิ้งความเชื่อและไปพัวพันกับความเศร้าโศกมากมาย? พวกเขาคือคนที่ปรารถนาจะร่ำรวย ข้าพเจ้าขอดูสิ่งที่ขอทานพูดสิ; “ให้เราถามเขาสิว่า เขาไม่ต้องการที่จะร่ำรวยจริงหรือ”; ให้เขาตอบตามความจริง ถ้าเขาปรารถนามัน เขาก็ตกลงไปในการประจญทดลองและตกอยู่ในความปรารถนาที่โง่เขลามากมาย ข้าพเจ้าไม่ได้พูดถึงทรัพย์สมบัติ แต่พูดถึงความปรารถนา . . ทำไมจึงทำให้ข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้ชายที่เป็นเช่นนั้นเป็นคนไม่มีทรัพย์สมบัติเล่า ในเมื่อข้าพเจ้าทำให้เขารู้ถึงความลุ่มหลงมากมายที่เขาจะเป็นเมื่อร่ำรวย? ข้าพเจ้านำชายสองคนมาอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งร่ำรวย อีกคนยากจน แต่คนร่ำรวยไม่ต้องการสิ่งที่ตนมีอยู่อีกต่อไป ทรัพย์สมบัติมากมายของเขาได้มาจากบรรพบุรุษของเขา หรือจากของประทานและการสืบทอด จนอาจทำให้เราคิดว่าเขาได้ทรัพย์สมบัติมาจากบาป แต่เขาได้ละทิ้งความปรารถนาที่จะเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติของเขาอีกต่อไป เขาจำกัดความปรารถนาของเขา และแสวงหาความกตัญญูอย่างจริงใจ "เขาร่ำรวย" ท่านพูด “ใช่” ข้าพเจ้าตอบ แต่ท่านกลับกลายเป็นผู้กล่าวหาและพูดว่า "เขามั่งคั่งด้วยกำไรที่ได้มาจากบาป" จะเป็นอย่างไรถ้าเขาผูกมิตรกับทรัพย์ศฤงคารแห่งความชั่วช้า? . . . ท่านเป็นคนไม่มีทรัพย์สมบัติ แต่ท่านต้องการที่จะร่ำรวย และด้วยเหตุนี้ท่านจึงตกอยู่ในการประจญล่อลวง เป็นไปได้ว่าท่านอยู่ภายใต้ความยากจนที่น่าสังเวชและต้องการเอาชนะคู่แข่ง ซึ่งกีดกันท่านจากสิ่งที่ท่านอาจได้รับเพื่อการยังชีพของท่าน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของท่านกำลังบ่นและกล่าวหาช่วงเวลาอันเลวร้าย ท่านปรารถนาที่จะผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นจะได้ไม่ต้องบ่น เราไม่เคยได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาของเราเองหรอกหรือ? มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันหรอกหรือ? . . .
 
จงมองดูพระองค์ผู้ทรงร่ำรวย แต่ทรงยอมเป็นคนยากจนเพื่อเรา ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ และไม่มีสิ่งใดถูกสร้างขึ้นโดยปราศจากพระองค์ การทำทองเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการมี ใครเล่าจะสามารถให้แนวคิดเรื่องความร่ำรวยของพระองค์ได้? ใครเล่าจะสร้างผู้ที่ไม่ถูกสร้างได้?หรือก่อรูปให้แก่ผู้ที่ไม่อาจก่อรูปได้? พระผู้ไม่เปลี่ยนแปลงทรงสร้างสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?หรือพระผู้ทรงเป็นนิรันดร์ทรงสร้างสิ่งที่ล่วงลับได้อย่างไร? ใครเล่าจะสามารถสร้างแนวความคิดที่แท้จริงของความมั่งคั่งของพระองค์ได้? . . . พระองค์ทรงก่อรูปในครรภ์พรหมจารีของสตรี และอยู่ในครรภ์มารดาของพระองค์ ช่างยากจนอะไรเช่นนี้! พระองค์ทรงบังเกิดในคอกสัตว์แคบๆ และถูกห่อหุ้มด้วยผ้า,ประทับนอนในรางหญ้า . . จากนั้นพระเจ้าแห่งสวรรค์และโลก ผู้ทรงสร้างเทวดา พระผู้สร้างสรรพสิ่งที่มองเห็นได้และมองไม่เห็น ทรงดื่มน้ำนมจากพระอุระของพระมารดา ทรงร้องไห้ ได้รับการเลี้ยงดูและเจริญวัยเติบโตขึ้น และทรงซ่อนความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไว้ ต่อมาพระองค์ทรงถูกจับกุม ทรงถูกดูหมิ่น ถูกเฆี่ยนตี ถูกเยาะเย้ย ถูกสวมมงกุฎด้วยหนาม ห้อยอยู่บนต้นไม้ ถูกแทงด้วยหอก โอ้ช่างยากจนอะไรเช่นนี้! จงดูที่นี่เถิด นี่แหละคือคนยากจนที่สุดในบรรดาคนยากจนทั้งหลายที่ข้าพเจ้ากำลังมองหา จากพระองค์เราพบว่าคนยากจนที่แท้จริงเป็นเช่นไร
 


************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น