วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564

แม่พระประจักษ์ที่โคลัมเบีย

 


From Forums of the Virgin Mary [translation from Italian, for discernment only]:
 
แม่พระประจักษ์แก่เธอและประทานสาส์นแก่เธอ
 
เมื่อพระแม่มารีย์ประจักษ์แก่บางคน,ทรงมีจุดประสงค์เพื่อทรงส่งสาส์นแก่มนุษยชาติ อาจทรงเตือนให้มนุษย์ตระหนักถึงความประพฤติที่นอกลู่นอกทางของเรา หรือเตือนเราถึงอนาคตที่จะมาถึงพวกเรา และนี่เป็นวิธีที่แม่พระทรงนำทางบรรดาลูกทั้งหลายของพระนางให้หันกลับมาหาพระเจ้า
 
มีการประจักษ์ซึ่งเป็นเรื่องราวอันน่าประหลาดใจและดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
 
สิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดในการประจักษ์ของแม่พระน่าจะเป็นการทรงปลอบโยน,ให้ความกระจ่างแก่มโนธรรม,การทำให้มนุษย์กลับใจ,และทรงขอให้ดำเนินชีวิตเป็นพยานของพระคริสตเจ้า
 
และโดยทั่วไป.การประจักษ์เหล่านี้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะมันมีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่า
 
บางครั้งก็จะมีอัศจรรย์เพื่อยืนยันว่าเป็นการประจักษ์มาของแม่พระด้วย – ตัวอย่างเช่น มีฝนผลึกน้ำแข็งที่ตกลงมาดังที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้
 
เรากำลังจะเล่าถึงการที่แม่พระทรงประจักษ์แก่นักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงชาวโคลอมเบีย,นางมาร์กาลิดา คาสโตร(Margalida Castro),เธอได้รับการส่องสว่างในมโนธรรมของเธอ และมีอัศจรรย์ของ"ผลึกน้ำแข็ง"ด้วย
 

มีความคิดที่ผิดพลาดซึ่งเข้ามาในหมู่ชาวคาทอลิกภายใต้อิทธิพลของโปรเตสแตนต์และลัทธิสมัยใหม่ นั่นก็คือ เป็นเรื่องที่หายากมากและผิดปกติอย่างยิ่งที่พระแม่มารีย์,พระเยซูคริสต์,เทวดาและนักบุญจะปรากฏต่อผู้คนธรรมดาเพื่อประทานสาส์นเป็นการส่วนบุคคล ดังนั้น,โดยทั่วไปโลกเหนือธรรมชาติจึงไม่มีการติดต่อทางกายภาพกับโลกวัตถุของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อย
 
แต่สำหรับคริสตชนในยุคแรก,การประจักษ์เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางความเชื่อของพวกเขา แม้ว่ามันจะเป็นบางสิ่งที่พิเศษ,แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นประจำ
 
และในช่วงสหัสวรรษของคริสตศาสนจักรซึ่งเริ่มขึ้นในศตวรรษที่หกก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆเช่นเดียวกัน
 
ซึ่งไม่เหมือนกับในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ที่เมื่อไรที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับใครบางคน,พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นคนประหลาด แม้แต่ชาวคาทอลิกเองก็อาจเชื่อว่าเขากำลังโกหกแต่งเรื่องขึ้นมาหรือไม่พวกเขาก็มีปัญหาทางจิต
 
และจะมีการขอให้ทางพระศาสนจักรตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือในทันที มิฉะนั้นก็จะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเท็จ
 
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในยุคแรกของคริสตศาสนาและแม้จะในเวลาต่อมาก็ตาม ประสบการณ์ลึกลับของการประจักษ์ถูกรวมเข้ากับชีวิตของศาสนิกชน แต่ในปัจจุบันนี้,ผู้ที่ได้รับการประจักษ์จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกหกสร้างเรื่องขึ้นมา แม้แต่ในหมู่คริตชนคาทอลิกและพระสงฆ์เองก็คิดเช่นนี้
 
นั่นคือเหตุผลที่มีการเปิดเผยในเรื่องการประจักษ์จากสวรรค์น้อยมาก และมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับบุคคลที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง,ผู้ซึ่งเอาชนะความกลัว,การถูกเยาะเย้ยและได้แพร่กระจายสาส์นนั้นออกไป
 
นี่คือกรณีของมาร์กาลิดา คาสโตร(Margalida Castro) นักแสดงชาวโคลอมเบียที่มีชื่อเสียงซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในวัยเจ็ดสิบแล้ว
 
ในปี1999 เธอได้รับการประจักษ์จากพระนางพรหมจารีย์ในฐานะแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ ซึ่งทรงประทานความสว่างในจิตสำนึกของเธอ(....คือการเห็นสถาพที่เป็นจริงของวิญญาณตนเอง )
 
แม่พระตรัสกับเธออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี และยังทรงประทานหมายสำคัญให้เธอมั่นใจด้วยผลึกน้ำแข็งด้วย
 
มาร์กาลิดาได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาผู้เป็นคริสตชนคาทอลิกที่มีความศรัทธาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อพี่ชายของเธอได้เข้าเรียนในสามเณราลัยเพื่อบวชเป็นพระสงฆ์,เขาถูกกระทำทารุณทางเพศซึ่งกระทบกระเทือนจิตใจและส่งผลต่อความเชื่อของเขาทำให้เขายกเลิกความตั้งใจที่จะเป็นพระสงฆ์ และด้วยสาเหตุนี้ทำให้มาร์กาลิดาหมดความเชื่อในศาสนาด้วย จิตใจของเธอรู้สึกล่องลอยว่างเปล่า ทุกสถานการณ์ที่น่าผิดหวังนำความสับสนในจิตใจของเธอและสร้างบาดแผลให้กับเธอ ทำให้เธอต้องหันไปพึ่งการรักษาทางจิตเวช
 
แล้วเธอก็เข้าสู่ความคิดแบบกลุ่มยุคใหม่(New Age) เธออ่านหนังสือทุกประเภทเกี่ยวกับจิตวิญญาณของโลกโดยหวังว่าจะรักษาความขมขื่นที่ครอบงำชีวิตของพี่ชายและของเธอ เธอเชื่อในเรื่องแองเจโลจีและยูโฟโลยี(angeology and ufology การควบคุมระบบหลอดเลือด และระบบปัสสาวะของร่างกาย)
 
ตอนกลางคืนเธอจะหยิบสมุดโน้ตออกมาแล้วจดสิ่งที่เธอได้ยินจากเสียงภายใน โดยไม่รู้ว่ามันมาจากไหนหรือเพราะอะไร
 
และส่วนใหญ่มักจะเป็นสาส์นข้อความที่เกี่ยวกับทางศาสนา
 
เธอบอกว่าเธอมีสมุดมากมายที่จดข้อความเหล่านี้ซึ่งเธอได้ยินมานานประมาณ 20 ปี
 
แต่อันที่จริง,เธอไม่รู้ว่านั่นคือเสียงของนักบุญอัครเทวดามีคาแอล,ทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่กำลังเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับการประจักษ์มาของพระแม่มารีย์ แต่เนื่องจากในเวลานั้นเธอไม่มีความเชื่อเหลือยู่แล้ว เธอจึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องทางจิตใจ(ที่ผิดปกติ)หรือมนุษย์ต่างดาว
 
วันที่ 21 มิถุนายน 1990 เธอบอกว่าเวลา 03:26 น. เธอนอนอยู่บนเตียงเมื่อเธอเริ่มได้ยินเสียงนั้นพูดกับเธอและเธอก็ลุกขึ้น
 
และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เหนือกว่าผลักดันเธอให้คุกเข่าลงบนพื้นห้องของเธอ เสียงนั้นสั่งให้เธอคุกเข่าลงและแสดงความเคารพในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
 
จากนั้นห้องก็สว่างขึ้นและเธอก็คาดเดาเอาเองว่ามีมนุษย์ต่างดาวกำลังจะมาหาเธอ
 
ในความรู้สึกจริงๆของเธอ เธออยากให้ผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวมากกว่าแทนที่จะเป็นพระแม่มารีย์
 
ภาพของร่างหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นท่ามกลางผลึกน้ำค้างแข็งทองคำ,สุกใสราวกับประกายไฟของเปลือกหอยมุก ก่อตัวเป็นกลุ่มดาวเล็กๆตั้งแต่ปลายเตียงของเธอจนถึงเพดานห้อง
 
และเธอได้เห็นรูปร่างของพระนางพรหมจารีย์แห่งเหรียญอัศจรรย์
 
เธอรีบไปซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง
 
แต่พระแม่มารีย์ตรัสกับเธอว่า
 
“อย่ากลัวเลย แม่คือพระมารดานิรมลทินแห่งความอ่อนหวาน
 
“ในวันนี้แม่มาหาลูก ดอกไม้เล็กๆจากสวนของแม่เอ๋ย,เพราะแม่ต้องการลูก,ลูกกำลังจะเป็นพยานถึงแม่และไม่สำคัญหรอกถ้าพวกเขาจะเรียกลูกว่าคนบ้า
 
“ทุกคำที่ออกจากปากของลูกจะถูกจารึกไว้ในใจของทุกคนที่ฟังลูก”
 
และในชั่วขณะนั้นมาร์กาลิดาก็ยื่นมือออกจากใต้เตียงเพื่อแสดงถึงการยอมรับสิ่งที่พระแม่มารีย์ตรัสกับเธอ
 
และในทันทีนั้น,มาร์กาลิดาผู้มีอาชีพเป็นนักแสดงก็เริ่มร้องไห้,เพราะในขณะนั้นเอง,เธอได้รับการส่องสว่างในจิตใจให้รู้ถึงสภาพวิญญาณของเธอ
 
เธอใช้เวลาทั้งคืนกับพระแม่มารีย์จนถึงเวลาแปดโมงเช้า
 
แม่พระตรัสประทานสาส์นกับเธอ และเธอสังเกตเห็นว่ามือของเธอส่องประกายด้วยผลึกน้ำแข็ง มาร์กาลิดากล่าวว่าตั้งแต่เวลานั้นมักจะมีผลึกน้ำแข็งปกคลุมสถานที่ที่เธออยู่
 
ในตอนบ่ายของวันแห่งการประจักษ์,เธอได้ปรึกษากับหมอฟันของเธอ และเวลานั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหามาร์กาลิดาโดยไม่คาดคิด,เพื่อบอกมาร์กาลิดาว่าพวกเขาได้อธิษฐานภาวนาเพื่อให้เธอกลับใจจากยูโกสลาเวียและได้มอบสายประคำให้แก่มาร์กาลิดาด้วย
 
สายประคำเป็นสิ่งที่เธอเกลียดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะเธอถูกบังคับให้สวดสายประคำโดยถือเป็นหน้าที่
 
เป็นครั้งแรกที่ มาร์กาลิดาเล่าประสบการณ์ของเธอและผู้หญิงคนนั้นได้วาดภาพให้เธอ เป็นภาพแรกของแม่พระซึ่งมาร์กาลิดาจะเก็บรักษาไว้ในบ้านของเธอ
 

ต่อมา มาร์กาลิดาได้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการที่พระแม่มารีย์ทรงช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปัญหาต่างๆของเธอ
 
ประสบการณ์ของเธอกับผลึกน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
 
“ครั้งหนึ่ง,เมื่อฉันอยู่ในห้องแต่งหน้ากับนักแสดงละครโอเปร่าและบรรดาช่างแต่งหน้า และฉันกำลังส่งหนังสือให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ขอให้ฉันส่งให้เขาพร้อมลายเซ็นต์ของฉัน แต่ฉันกลับส่งผลึกน้ำค้างแข็งไปให้เขาด้วย” เธอเล่า “และทันใดนั้นหนังสือก็เต็มไปด้วยผลึกน้ำค้างแข็ง”
 
“แล้วสถานที่ทั้งหมดที่ฉันนั่งอยู่ก็เต็มไปด้วยผลึกน้ำแข็งทั้งหมด,ห้องแต่งหน้า,พื้น,และเครื่องแต่งกาย”
 
มันเป็นอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนถึงคืนนั้น “ผลึกน้ำค้างแข็งได้ตกลงมา
 
เธอยังบอกด้วยว่าคืนหนึ่งเมื่อเธออยู่ในบ้านชนบทของ Father Hulfencio เด็กคนหนึ่งที่อยู่ในคณะนักร้องประสานเสียงมีผลึกน้ำค้างแข็งในมือของเขา
 
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเธอสวดสายประคำกับนักแสดงและนางแบบชาวโคลอมเบีย Taliana Vargas อดีตมิสโคลอมเบีย
 
ทั้งสองกำลังสวดสายประคำด้วยกันขณะที่พวกเขานั่งบนรถบัสซึ่งพาไปที่กองบันทึกเสียง ทันใดนั้น ผลึกน้ำค้างแข็งก็เริ่มตกลงมา
 
Taliana Vargas เป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่ได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวคาทอลิก แต่แล้วเมื่อเธอไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เธอก็เริ่มแสวงหาความสงบสุขจากลัทธิยุคใหม่และศาสนาตะวันออก เธอลองเล่นไทเก็ก โยคะ ฯลฯ แต่ก็ไม่พบความสงบในจิตใจจนกระทั่งได้มาเข้ากลุ่มสวดภาวนา
 
ฝนผลึกน้ำค้างแข็งได้กลายเป็นหมายสำคัญสำหรับมาร์กาลิดา ซึ่งบ่งบอกว่าพระแม่มารีย์ทรงประทับอยู่เคียงข้างเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเป็นพยานยืนยันถึงการกลับใจมาสู่ความเชื่อ
 
แม่พระตรัสที่หูของเธอและทรงบอกกับเธอว่าสายฝนแห่งผลึกน้ำค้างแข็งนี้เป็นวิธีที่พระนางทรงยืนยันว่าสิ่งที่มาร์กาลิดาพูดนั้นเป็นความจริงโดยสมบูรณ์
 
หลายคนได้เห็นเป็นพยานว่าเมื่อมาร์กาลิดาสวดภาวนา,จะมีผลึกน้ำค้างแข็งก่อตัวขึ้น
 
ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้นักแสดงหญิงเข้าสมัครเป็นคาร์เมลไลท์ชั้นที่สาม(Tertiary Carmelite) ด้วยการที่เธอพยายามดำเนินชีวิตตามรอยเท้าของนักบุญเทเรซาแห่งพระเยซูเจ้า(Saint Teresa of Jesus)
 
ความศรัทธาอีกประการหนึ่งที่มีการพัฒนาขึ้นในตัวมาร์กาลิดา คือความศรัทธาต่อท่านนักบุญโยเซฟ ซึ่งเธอถือว่าท่านเป็น “ทนาย” ของเธอ
 
และเธอได้เผยแพร่ความศรัทธาต่อนักบุญโยเซฟ,ตามคำสั่งโดยตรงของพระแม่มารีย์ผู้ทรงมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่เธอ
 
เธอเคยวอนขอต่อนักบุญโยเซฟให้ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของเธอ และบรรเทาความเจ็บปวดที่แขนของเธอที่หักเมื่อถูกทำร้าย และบางครั้งมันก็เจ็บมาก
 
และพระรูปที่ใหญ่ที่สุดในบ้านของเธอก็คือพระรูปของนักบุญโยเซฟ(San José)
 
นี่คือเรื่องราวที่เราต้องการจะบอกกับคุณเกี่ยวกับการได้รับการส่องสว่างของมโนธรรมแก่มาการ์ลิดา 
 
และสายฝนแห่งผลึกน้ำค้างแข็งรอบตัวเธอเป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันในการประจักษ์ของแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ครั้งนี้
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น