ในปี 1947 ฝรั่งเศสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากอันเป็นผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลก และในฝรั่งเศส,รัฐบาลต้องจัดให้มีการปันส่วนขนมปัง ซึ่งค่ยยๆลดลงจาก 300 กรัมต่อวัน เป็น 200 กรัมต่อวัน ก่อให้เกิดการประท้วง,การก่อวินาศกรรม และการเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง มันดูเหมือนกับสงครามกลางเมือง ทุกอย่างบ่งชี้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์จะได้รับชัยชนะ ประชาชนรู้สึกว่าฝรั่งเศสคงจะล่มสลายในไม่ช้า
การประจักษ์ของแม่พระแห่งการสวดภาวนา
L’ILE BOUCHARD, FRANCE (1947)
อิลเล บูชาร์ด,ฝรั่งเศส(1947)
8 ธันวาคม พ.ศ. 2490 จะเป็นวันที่พิเศษมากสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยสามคนได้แก่ แจ็กเกอลีน ออเบรย(Jacqueline Aubrey อายุ12ปี) น้องสาวของเธอ เจเน็ต(Jeanette อายุ7ปี) และลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาคือ นิโคล โรบิน(Nicole Robin อายุ10ปี) วันนั้นตรงกับวันฉลองแม่พระปฏิสนธินิรมลและเป็นวันที่พวกเขาจะได้พบกับพระแม่มารีย์ ที่โรงเรียนในวันนั้น,ซิสเตอร์ที่สอนชั้นเรียนได้สนับสนุนให้เด็กทุกคนสวดภาวนาเพื่อฝรั่งเศสเนื่องจากกำลังมีปัญหากับสหภาพโซเวียตในขณะนั้น เด็กหญิงนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน เมื่อทานเสร็จแล้วก็พากันเดินกลับไปโรงเรียน แจ็กเกอลีนแนะนำให้พวกเขาหยุดระหว่างทางกลับไปโรงเรียนเพื่อเข้าไปสวดสายประคำที่โบสถ์น้อยเซนต์ไจลส์(St. Giles)
โบสถ์เซนต์ไจลส์(St.Giles)ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างบ้านกับโรงเรียน,เด็กๆสวดสายประคำไปได้สิบเม็ดที่หน้าแท่นบูชา แล้วพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองและประหลาดใจที่เห็น “หญิงสาวที่สวยงาม” มือประนมในท่าสวดภาวนา มีสายประคำสีขาวห้อยอยู่ที่แขนขวาของเธอ ทางด้านซ้ายของหญิงสาวเป็นเทวดาถือดอกลิลลี่ ดวงตาของเทวดาจ้องมองไปที่หญิงสาว แท่นบูชาของพระแม่มารีย์พรหมจารีย์มีหน้าต่างกระจกสีซึ่งเป็นรูปแม่พระแห่งลูร์ดอยู่ทางด้านซ้าย และมีรูปปั้นแม่พระแห่งชัยชนะอยู่เหนือแท่นบูชา การประจักษ์อยู่ห่างจากพื้นหลายฟุต,บริเวณตรงมุมระหว่างแท่นบูชากับหน้าต่าง ขณะที่หญิงสาวยิ้มให้พวกเขา แจ็กเกอลีนก็กระซิบว่าคนอื่นควรเห็นภาพที่น่าอัศจรรย์นี้เช่นกัน เธอวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อแจ้งผู้อื่น เธอไปพบเพื่อนสองคนคือลอร่า ครัวซอง (8 ขวบ) และเซอร์จีน น้องสาวของเธอ (อายุ 13 ปี) จึงจูงมือทั้งสองมาทันที แล้วกลับมาที่โบสถ์
ลอร่าเห็นหญิงสาวสวยในทันที แต่พี่สาวของเธอมองไม่เห็น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอธิบายสิ่งที่พวกเขาเห็นให้กับเธอ พวกเขาเน้นย้ำว่าผู้หญิงคนนั้นสวยแค่ไหน เธอสวมชุดสีขาวเจิดจ้าพร้อมขอบสีทองที่คอและข้อมือ มีผ้าคาดเอวสีฟ้าคาดเอวและสวมผ้าคลุมศีรษะยาวจรดเท้า พวกเขาสังเกตเห็นว่าผ้าคลุมศีรษะมีสีขาวจะแตกต่างจากชุดที่สวมใส่อยู่,และถูกประดับประดาตามขอบด้วยลวดลายที่เรียกว่า“ตูเรน(Touraine)” อันเป็นลวดลายที่นิยมใช้ในภูมิภาคนี้ของฝรั่งเศส ด้วยมือที่ประสานในท่าสวดภาวนา,หญิงสาวที่สวยงามได้เปล่งแสงสีทองอร่ามไปทั่วร่าง,เธอมีตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์ยาว! พวกเขาประเมินว่าหญิงสาวนี้มีอายุ 16 หรือ 17 ปี
หญิงสาวยืนอยู่บนก้อนหินที่ประดับด้วยพวงมาลัยดอกกุหลาบสีชมพูห้าดอก บนก้อนหินจารึกเป็นตัวอักษรด้วยทองคำมีถ้อยคำว่า “โอ พระแม่มารีย์,ผู้ทรงปฏิสนธินิรมล,โปรดสวดภาวนาเพื่อเราที่มาวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่ด้วยเทอญ”
picture#1 เด็กหญิงสี่คนที่เห็นแม่พระ
เทวดากำลังคุกเข่าด้วยเข่าขวา,ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีขาวที่เจิดจ้า เทวดาสวมเสื้อคลุมสีกุหลาบอ่อน ท่านมีตาสีฟ้าและผมหยิกยาวเป็นลอน ในมือซ้ายของท่านถือก้านดอกลิลลี่ในขณะที่มือขวาวางไว้บนหัวใจของท่าน, ริมปีกสีขาวของเทวดาถูกขลิบด้วยทองคำ,ในขณะที่ขนของปีกขยับเล็กน้อยตามสายลมซึ่งเด็กๆไม่สามารถรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเทวดากำลังพิจารณาไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสตรีนั้น บริเวณนี้ของโบสถ์สว่างไสวด้วยสีสันที่เด็กๆไม่เคยเห็นมาก่อน ในที่สุด,การประจักษ์ก็หายไปภายในสิ่งที่ดูเหมือนเป็น”หมอกเมฆของผงเงิน”
เด็กๆกลับไปโรงเรียนด้วยความตื่นเต้นและบอกซิสเตอร์มารีแห่งพระกุมารเยซู(Marie de L’Enfant Jesus)เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาประสบ และซิสเตอร์ก็เชื่อพวกเขาในทันที,ส่วนคุณพ่อเจ้าอาวาส, โคลวิส เซเกล(Fr. Clovis Segelle) – แม้จะมีการซักถามอย่างมากมาย– ก็ยังไม่เชื่อพวกเขา หลังเลิกเรียน, เด็กๆกลับไปที่โบสถ์น้อยอีกและดีใจที่เห็นหญิงสาวกวักมือเรียกพวกเขา แต่เธอดูเศร้ามากในขณะที่พูดอย่างช้าๆว่า
“จงบอกเด็กเล็กๆให้สวดภาวนาเพื่อฝรั่งเศส เพราะประเทศนี้ต้องการเป็นอย่างยิ่ง”
แจ็กเกอลีนถามหญิงสาวคนนั้นว่าเธอคือแม่พระบนสวรรค์ใช่หรือไม่? พระแม่มารีย์ทรงตอบยืนยันว่าพระนางทรงเป็นพระมารดาบนสวรรค์ของพวกเขาจริงๆ จากนั้นพวกเขาก็ถามแม่พระเกี่ยวกับเทวดา เวลานั้นเทวดาหันหน้ามาและบอกกับเด็กๆว่า ท่านเป็นทูตสวรรค์กาเบรียล จากนั้นพระแม่มารีย์ก็ทรงหันกลับมาหาพวกเด็กๆและขอให้ยื่นมือมาเพื่อที่พระนางจะทรงจุมพิต โดยที่แม่พระทรงโน้มพระกายลงมาเพื่อจับมือของแจ็กเกอลีนและนิโคล แต่เด็กหญิงอีกสองคนตัวเล็กกว่ามากและสูงไม่พอ แจ็กเกอลีนจึงอุ้มพวกเขาขึ้นทีละคน เธอยกพวกเขาขึ้นตามระดับความยาวแขนของเธอได้ราวกับว่าพวกเขาแทบจะไร้น้ำหนัก เด็กทั้งสี่เป็นพยานถึงความนุ่มนวลและความอบอุ่นของพระหัตถ์ของพระแม่มารีย์และการสัมผัสจากริมฝีปากของพระแม่ ก่อนที่แม่พระจะหายไปในหมอกเมฆผงเงิน พระนางทรงขอให้พวกเขากลับมาอีกในเย็นวันนั้น เวลา 17.00 น. และวันรุ่งขึ้น เวลา 13:00 น.
หลังจากที่เด็กๆออกจากโบสถ์ไป พวกเขาสังเกตเห็นวงรีสีขาวแวววาวบนนิ้วมือของพวกาเขา แต่ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปโรงเรียน,ร่องรอยเหล่านี้ซึ่งพวกเขาได้แสดงให้แก่หญิงคนหนึ่งเห็น,ได้จางหายไปแล้ว แจ็กเกอลีนและนิโคลเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และหลังเลิกเรียนพวกเขาแยกจากกันและขอให้แต่ละคนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา ซึ่งปรากฏว่าตรงกัน เมื่อเด็กๆกลับถึงบ้าน พวกเขาพบว่าพ่อแม่ของพวกเขาไม่อยากจะเชื่อพวกเขา และมีเพียงแจ็กเกอลีนเท่านั้นที่สามารถกลับไปที่โบสถ์เพื่อสวดสายประคำและอวยพรศีลมหาสนิทเพื่อเป็นเกียรติแก่วันฉลองสมโภชพระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มาและกวักมือเรียกแจ็กเกอลีน แต่ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะไปหรือไม่,เธอหันกลับไปมองครูของเธอ ซิสเตอร์แซงต์-เลอง(Sr. Saint-Léon) เพื่อขออนุญาต โดยคิดว่าเธอก็มองเห็นการประจักษ์เช่นกัน ระฆังดังขึ้นสำหรับการอวยพรศีลมหาสนิท และเมื่อเธอหันกลับไป การประจักษ์ก็หายไปแล้ว เมื่อนำศีลมหาสนิทไปเก็บในตู้ศีลแล้ว พระแม่มารีย์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
picture#2 โบสถ์ซึ่งแม่พระประจักษ์มาในอิลเล บูชาร์ด
วันรุ่งขึ้น 9 ธันวาคม เด็กสี่คนมารวมกันตามเวลาที่แม่พระทรงนัดหมายและพวกาเขาเริ่มสวดสายประคำ พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มาภายในทรงกลมสีทองอร่าม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามฟุตที่ออกมาจากผนัง และคลี่ตัวเองออกมาเป็นม่านสี่เหลี่ยมที่มีแสงสีเงิน โดยมีภาพของถ้ำหินที่โดดเด่น ครั้งนี้,ผมยาวของแม่พระถูกซ่อนไว้ในผ้าคลุมศีรษะ ที่พระอุระของแม่พระมีตัวอักษรสีทองเขียนคำว่า “Magnificat” ถ้อยคำบนก้อนหินใต้ฝ่าเท้าของแม่พระเปลี่ยนไป ตอนนี้บนก้อนหินเป็นคำว่า “เราคือการปฏิสนธินิรมล”(I am the Immaculate Conception.)
ครั้งนี้มาดาม ทรินสันได้มาร่วมกับเด็กๆด้วย เธอเป็นเจ้าของร้านขายรองเท้าในเมือง พระแม่มารีย์,ด้วยพระพักตร์ที่เคร่งขรึม,ทรงแสดงให้เด็กๆเห็นกางเขนทองคำของสายประคำของพระนาง และขอให้เด็กๆจูบกางเขน แจ็กเกอลีนและนิโคลต่างก็ยืนขึ้นเพื่อทำตาม และมาดามทรินสันรู้สึกประหลาดใจที่แจ็กเกอลีนแสดงท่าทีของเธอซ้ำเหมือนเมื่อวันก่อน โดยยกเด็กสองคนขึ้นราวกับว่าพวกเขาเป็นตุ๊กตาบุขนนกเพื่อที่พวกเขาจะได้จูบกางเขนสีทองเช่นกัน โลหะนั้นเย็นต่อริมฝีปากของพวกเขาและความรู้สึกเศร้าโศกของแม่พระก็เจาะทะลุเข้าไปในหัวใจของพวกเขา
พระแม่มารีย์ทรงทำเครื่องหมายมหากางเขนที่สวยงามอย่างช้าๆ,ซึ่งใช้เวลาสองนาทีจึงจะเสร็จ เด็กๆเลียนแบบการเคลื่อนไหวของแม่พระ โดยมาดามทรินสันมองดูด้วยความประหลาดใจ เมื่อเหตุการณ์ใกล้จบลง แม่พระบอกว่าพระนางจะบอกความลับที่พวกเขาสามารถเปิดเผยได้ภายในสามวัน พระแม่มารีย์ทรงย้ำคำขอร้องอย่างเร่งด่วนให้สวดภาวนาเพื่อประเทศฝรั่งเศส พระนางทรงขอให้สร้างถ้ำที่มีรูปปั้นของพระนางและทูตสวรรค์กาเบรียลอยู่ภายในถ้ำนั้น แล้วทรงขอให้พระสงฆ์มาที่นี่เวลาบ่ายสองโมงพร้อมกับเด็กๆและฝูงชน เพื่อพวกเขาจะได้สวดภาวนาพร้อมกันทั้งหมด
คุณพ่อซีเกล(Fr Ségelle) ปฏิเสธที่จะมา ดังนั้นแจ็กเกอลีน,เจนเน็ต,และเลาร่าพร้อมด้วยเด็กอีก 20 คนและผู้ใหญ่ 30 คนจึงมารวมตัวกันที่โบสถ์ หลังจากที่พวกเขาสวดบทวันทามารีย์สิบบทแล้ว พระแม่มารีย์และทูตสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเหมือนวันก่อนโดยออกมาจากวงกลมทองคำ(เหมือนลูกบอล) แม่พระทรงขอให้พวกเขาสวดภาวนาและร้องเพลงก่อนที่จะทรงบอกพวกเขาให้กลับมาทุกวันเวลา 13.00 น. จนกว่าจะจบสิ้นลง เวลา 17.30 น.คุณพ่อซีเกลได้แจ้งต่ออาร์คบิชอปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น และในวันเดียวกันนั้นเอง,มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ,คอมมิวนิสต์รัสเซียได้ตัดสินใจละทิ้งแผนการนัดหยุดงานประท้วงทั่วไป
picture#3 ถ้ำที่สร้างพร้อมด้วยพระรูปพระแม่มารีย์พร้อมด้วยทูตสวรรค์กาเบรียล
ในวันรุ่งขึ้นวันที่ 10 ธันวาคม ผู้คนประมาณ 150 คนรวมตัวกันเพื่อรอการปรากฏมาของพระแม่มารีย์ ทันใดนั้นพระแม่มารีย์ก็อยู่ที่นั่นและขอให้ประชาชนร้องเพลงบทวันทามารีย์ จากนั้นแม่พระก็ทรงขอให้เด็กๆจูบพระหัตถ์ของพระนางอีกครั้ง ฝูงชนต่างประหลาดใจที่เห็นแจ็กเกอลีนสามารถยกเด็กหญิงสองคนที่ตัวเล็กที่สุดได้อย่างง่ายดาย ระหว่างการประจักษ์นี้,มารดาของแจ็กเกอลีนร้องบอกลูกสาวของเธอให้ขอแม่พระทำอัศจรรย์เพื่อที่ทุกคนจะได้เชื่อ ต่อคำขอนี้แม่พระตรัสตอบว่า
“แม่มาที่ฝรั่งเศสไม่ได้มาเพื่อทำอัศจรรย์ แต่มาเพื่อบอกให้ลูกสวดภาวนาเพื่อประเทศฝรั่งเศส” แต่แล้วแม่พระตรัสกับแจ็กเกอลีน,แม่พระทรงกล่าวว่า “พรุ่งนี้ลูกจะมองเห็นชัดเจนและจะไม่ต้องใส่แว่นอีกต่อไป” จากนั้นแม่พระก็หายตัวไปในลูกบอลแสงสีทอง
แจ็กเกอลีนสวมแว่นตาหนาเตอะและต้องเช็ดตาบ่อยๆเนื่องจากเธอเป็นโรคตาแดงเรื้อรัง เมื่อแจ็กเกอลีนตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอสามารถลืมตาได้โดยไม่ยากลำบาก และพบว่าขณะนี้เธอมีสายตาปกติแล้ว! โดยปกติ,แม่ของเธอจะต้องมาเช็ดตาของเธอทุกเช้าที่เตียงนอน เธอบอกพ่อแม่ของเธอให้รับทราบ ด้วยความดีใจ,พ่อของเธอรีบไปบอกคุณพ่อซีเกล เกี่ยวกับอัศจรรย์นี้ คุณพ่ออุทานว่า “เป็นความจริงที่ว่าแม่พระเสด็จมาอยู่ท่ามกลางพวกเรา!”
อีกครั้งหนึ่ง,เวลา 13.00 น. ของวันรุ่งขึ้น 11 ธันวาคม โบสถ์เต็มไปด้วยผู้คน พระแม่มารีย์ทรงถามเด็กๆว่าพวกเขาได้สวดภาวนาเพื่อคนบาปหรือไม่ – ซึ่งพวกเขาตอบว่าได้สวดแล้ว จากนั้นพระแม่มารีย์ก็นำพวกเขาสวดบทวันทามารีย์สิบบท แต่แม่พระทรงสวดเฉพาะคำที่ทูตสวรรค์กาเบรียลทักทายพระนางในการแจ้งสาร แจ็กเกอลีนขอให้พระม่มารีย์รักษาคนที่ร้องขอการรักษาผ่านทางพวกเขา ซึ่งพระแม่มารีย์ตอบว่าพระนางสัญญาว่าจะมี "ความสุขในครอบครัว" ก่อนที่แม่พระจะทรงหายไป,พระนางทรงขอเรื่องการสร้างถ้ำอีกครั้ง หลังจากนี้,เด็กๆถูกสอบปากคำแยกกันในห้องซาครีสตี
picture#4 พระรูปทูตสวรรค์กาเบรียลกำลังสรรเสริญแม่พระ
ผู้คนจำนวน 300 คนมารวมตัวกันที่โบสถ์เซนต์ไจลส์(St. Giles)เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พระแม่มารีย์ทรงสวมมงกุฎที่ประกอบด้วยดาวส่งรังสีออกมาสิบสองดวง แต่ละรังสีมีความยาวประมาณ 1 ฟุต สิ่งเหล่านี้ถูกสลับด้วยรังสีที่เล็กกว่าหลากสี — รังสีสีน้ำเงินแคบสองอันที่อยู่ตรงกลาง แล้วก็อีกห้าอันที่กว้างกว่าในแต่ละด้าน สีแดง เหลือง เขียว ชมพู และน้ำตาลแดง หลังจากประชาชนร้องเพลงบทวันทามารีย์,พระแม่มารีทรงนำสวดบทวันทามารีย์สิบบทแก่เด็กๆอีกครั้ง และทรงกล่าวเฉพาะคำพูดของทูตสวรรค์กาเบรียลเท่านั้น คำว่า "Magnificat" ปรากฏขึ้นอีกครั้งในตัวอักษรที่พระอุระของพระนาง
ในวันรุ่งขึ้น 13 ธันวาคม, มีคนห้าร้อยคนมาเข้าร่วม คราวนี้พระแม่มารีย์ปรากฏโดยไม่มีมงกุฎ พระนางทรงกล่าวว่าอัศจรรย์ต่อสาธารณะที่ได้รับการร้องขอนั้นจะมา "ในภายหลัง" แจ็กเกอลีนได้รับแจ้งว่าการประจักษ์ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น
ฝูงชนจำนวนสองพันคนรวมตัวกันที่โบสถ์เซนต์ไจลส์ (และบริเวณด้านนอก) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม และเริ่มสวดสายประคำ พระแม่มารีย์และทูตสวรรค์กาเบรียลปรากฏมา และทรงประทับอยู่นานกว่า 30 นาที ตามคำทูลขอของแม่พระให้ขับร้องเพลง Magnificat ,คุณพ่อซีเกลร้องเพลงนี้ด้วยความเคารพพร้อมกับผู้คน พระแม่มารีย์ทรงขอให้ประชาชนสวดภาวนาเพื่อคนบาปเป็นการเพิ่มเติม และในการตอบสนองต่อการร้องขออัศจรรย์ พระแม่มารีย์ทรงตอบด้วยรอยยิ้มว่า
“ก่อนที่แม่จะไป แม่จะส่งรังสีแสงตะวันอันเจิดจ้ามาให้”
หลังจากทรงอวยพรผู้คนแล้ว,แม่พระก็ทรงหายไป แต่มีรังสีแสงตะวันอันเจิดจ้าลึกลับได้ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาและตกลงมาที่ตำแหน่งที่แม่พระทรงประจักษ์มา จากนั้นรังสีแสงก็ขยายขนาดและความเข้มข้นขึ้นจนทุกคนต้องปิดตา เด็กหญิงทั้งสี่ถูกรายล้อมไปด้วยแสงระยิบระยับหลากสี เป็นรังสีของแสงที่ไม่สามารถอธิบายได้ในแง่ธรรมชาติ โดยปกติลำแสงดังกล่าวจะถูกเสาบางต้นของโบสถ์บังไว้ แต่ในการทดสอบครั้งต่อมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ทางกายภาพที่แสงแดดปกติจะเข้ามาในส่วนนั้นของโบสถ์ในช่วงเวลานั้นของปีตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์ จึงได้ประกาศให้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็น “เหตุการณ์อัศจรรย์”
Picture#5 เด็กหญิงสี่คนเฝ้ามองการประจักษ์ของแม่พระในปี 1947
คุณพ่อซีเกล ได้สอบสวนเด็กหญิงแต่ละคนแยกจากกัน และพบว่าคำพูดของพวกเธอเป็นความจริงและสอดคล้องกับรายละเอียดทั้งหมดของการประจักษ์ด้วยคำถาม 72 ข้อที่ท่านถามพวกเขา หลังจากศึกษาข้อเท็จจริงของการประจักษ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว อาร์ชบิชอป Honore ได้อนุมัติให้สร้างถ้ำตามที่แม่พระทรงร้องขอ ท่านอนุญาตให้มีการจัดแสวงบุญและอนุญาติให้ใช้พระนามแม่พระภายใต้ชื่อ "แม่พระแห่งการสวดภาวนา" ถ้ำและรูปปั้นได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายนปี 1988 บิชอป Andre Vingt-Trois ประกาศเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2001 ว่า:
“หลังจากศึกษาเหตุการณ์อย่างรอบคอบและปรึกษาหารือกับบุคคลที่เหมาะสมแล้ว ข้าพเจ้าอนุญาตให้มีการจาริกแสวงบุญและการสักการะในที่สาธารณะทุกรูปแบบ”
เลขาธิการกระทรวงมหาดไทยประกาศต่อสาธารณชน (หลังจากพบเด็กหญิงทั้งสี่):
“ฝรั่งเศสได้รับความรอดอันเนื่องมาจากการสวดภาวนาของเด็กสี่คนนี้และโดยผู้คนที่นี่ที่สวดภาวนาแทบพระบาทของพระแม่มารีย์”
Picture#5 โบสถ์และเด็กหญิงสี่คน บริเวณวงกลมคือมุมห้องที่แม่พระประจักษ์มา
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น