วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2565

การรำพึงถึงรอยบาดแผลของพระเยซูเจ้า

 



 
พระเยซูตรัสว่า “มงกุฎหนามของเราจะมอบมงกุฎแห่งสง่าราศีแก่ลูก”
 
ในปี ค.ศ. 1850 เมื่อเธออายุได้เพียง 9 ขวบ เด็กหญิงตัวเล็กๆผู้หนึ่งซึ่งจะเติบโตเป็นซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธา(Marie-Martha Chambon)ได้เห็นนิมิตครั้งแรกเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน และเธอได้เห็นว่ารอยบาดแผลขององค์พระผู้ไถ่ได้หลั่งโลหิตเป็นสายฝน ในช่วงเวลานั้น เธอเป็นเด็กหญิงชาวไร่ธรรมดาๆในฝรั่งเศสบ้านเกิดของเธอ เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงทำงานในบ้าน,ในฟาร์มของพ่อแม่ของเธอ หลายปีต่อมา เมื่อเติบโตเป็นสาว เธอเข้าร่วมในคณะนักบวชหญิง “ซิสเตอร์แห่งการเยี่ยมเยียน (Visitation Sisters)” ซึ่งก่อตั้งโดยนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์, ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาได้มอบชีวิตแด่พระเจ้าเพื่อใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากโลก,อยู่ในคอนแวนต์ au couven ที่ซ่อนเร้น แต่พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนเธอเป็นการส่วนตัวถึงวิธีเคารพเทิดทูนรอยบาดแผลอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และสิ่งนี้ต้องถูกเผยแพร่ไปยังผู้คนจำนวนมากทั่วโลก รวมทั้งในสมัยของเราด้วย นั่นหมายถึงคุณและผม
 
ผมกำลังเล่าถึงคำแนะนำที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้กับซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธา เมื่อผมได้อ่านพระวาจาของพระองค์,ผมรู้สึกราวกับว่าพระองค์กำลังตรัสกับผม ผมขอให้คุณทำเช่นเดียวกัน คุณและผมต้องเข้าใจหัวใจสำคัญในพระวาจาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนซิสเตอร์ ถ้าเราไม่พิจารณาถึงพระองค์เ,เราจะไม่รักพระองค์ หากคุณไม่สนใจในรอยบาดแผลของพระองค์,คุณก็ไม่สามารถเคารพเทิดทูนพระองค์ได้ อย่างไรก็ตาม,ถ้าคุณพิจารณาไตร่ตรองในสิ่งเหล่านี้,คุณอาจจะรู้สึกชื่นชอบมากขึ้น พระเยซูเจ้าทรงเชิญให้ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาใคร่ครวญถึงรอยบาดแผลของพระองค์ตั้งแต่พระเศียรจรดพระบาท
 
พระเยซูเจ้าทรงบอกแก่ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาว่า “จงมองดูเถิด,ศีรษะนี้ซึ่งถูกแทงด้วยความรักต่อลูก” ก่อนหน้านี้,พระเยซูเจ้าทรงบอกกับเธอว่า เธอได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดูรอยบาดแผลของพระองค์บ่อยๆ แต่ในเวลานี้,พระองค์ทรงเตือนเธอให้คิดถึงยัญบูชาของพระองค์ที่กระทำเพราะพระองค์รักเธอ เพื่อที่เธอจะได้รับการชำระบาปผ่านทางพระโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งออกมา พวกเราพึงระลึกว่า พระเศียรของพระเยซูเจ้าถูกหนามแหลมคมจากมงกุฏหนามแทงทะลุหนังศีรษะก็เพื่อคุณและผมด้วย แต่พระเยซูเจ้าได้ให้สัญญากับซิสเตอร์ว่าศีรษะของพระองค์ที่ถูกแทงด้วยหนามแหลมนั้นจะเป็นหนทางสำหรับเธอ "มงกุฎหนามของเราจะมอบมงกุฎแห่งสง่าราศีแก่ลูก" ซิสเตอร์ต้องได้รับการสวมมงกุฎหนามด้วย และนั่นเป็นวิธีที่เธอจะได้รับมงกุฎนิรันดรในสวรรค์ นี่คือหลักประกันของพระเยซูเจ้าที่มีต่อซิสเตอร์ และพระองค์ทรงทำให้แน่ใจว่าเธอจะเป็นผู้ส่งสารแห่งความปรารถนาของพระองค์ที่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากมารักพระเศียรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม,พระสัญญาที่แท้จริงของพระองค์ต่อเธอนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน
 
พระเยซูตรัสว่าพระองค์ไม่ได้สวมมงกุฎหนามไว้บนศีรษะของวิญญาณจำนวนมากมายนัก,แต่จะทรงสวมให้กับบางคนที่สมควรได้รับ "มงกุฎหนามของเรา,เรามอบให้แก่ผู้ได้รับสิทธิพิเศษของเรา...สำหรับผู้เป็นสุดที่รักของเราบนโลกนี้,มันคือความทุกข์." พระเยซูเจ้าทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปรานเท่านั้น พระองค์ทรงมอบมงกุฎหนามให้กับวิญญาณที่สามารถทนต่อความทุกข์ทรมานและผู้ที่ต้องการเลียนแบบพระองค์ในความทุกข์ทรมานของพระองค์ ในขณะที่พระองค์ตรัสกับซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาว่า "ผู้รับใช้ที่แท้จริงของเรา,พยายามทนทุกข์เหมือนเรา” ผู้รับใช้ที่แท้จริงเหล่านี้ได้รับสิทธิพิเศษในการแบ่งเบาความเจ็บปวดของพระองค์ เพราะพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการที่พวกเขาสามารถมอบถวายความเจ็บปวดของเขาเพื่อจุดประสงค์ใดๆที่พวกเขาต้องการ
 
พระเยซูเจ้าตรัสว่าผู้ที่สวมมงกุฎหนามของพระองค์ปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น พวกเขาต้องการมงกุฎนี้เช่นเดียวกับที่ซิสเตอร์มารีย์ต้องการ อาจรู้สึกเป็นเรื่องยากสักหน่อยสำหรับคุณและผมที่จะปฏิบัติตามบทสนทนาอันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างพระเยซูเจ้าและซิสเตอร์ คุณจะเห็นว่าซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาเป็นผู้รับใช้ที่ "แท้จริง" ผู้ได้รับสิทธิพิเศษอย่างสูง แต่สำหรับเรา,เราต้องพิจารณาให้ดีว่าเราเป็นผู้รับใช้ที่แท้จริงแล้วหรือไม่ และเราเต็มใจที่จะสวมมงกุฏหนามหรือไม่ ซิสเตอร์มารีย์มีความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น เธอเต็มใจที่จะทนทุกข์ ในขณะที่เราอาจไม่เต็มใจเช่นนั้นเสมอไป แต่เราอาจรู้สึกขอบคุณที่พระเยซูเจ้าทรงยอมรับมงกุฏหนามไว้บนพระเศียรของพระองค์แทนเรา และพระองค์ทรงมีบางคนที่ยอมรับที่จะติดตามพระองค์ดังเช่นซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาผู้กล้าหาญ มงกุฏเป็นหนทางแห่งความทุกข์ทรมานและเป็นที่มาแห่งพระหรรษทานเพื่อจิตวิญญาณอื่นด้วย
 
ต่อมา,พระเยซูเจ้าตรัสถึงรอยบาดแผลจากการถูกแทงทะลุที่พระบาทขวาของพระองค์ว่า "ลูกต้องเคารพบาดแผลนี้มากสักเพียงใด และต้องซ่อนตัวอยู่ในบาดแผลนี้เหมือนนกพิราบ!" พระเยซูเจ้าตรัสชัดเจนว่าบาดแผลนี้เป็นของวิญญาณทุกดวง ทุกคนได้รับเชิญให้มาเคารพพระบาทขวาของพระองค์ แต่เขายังต้องพันผ้าให้กับบาดแผลนี้ด้วย เมื่อผมใคร่ครวญในเรื่องนี้ ผมก็นึกภาพตัวเองว่ากำลังเข้าไปในบาดแผลและถูกห่อหุ้มไว้ในรอยพับของผิวหนังของพระเยซู เพื่อที่ตัวของผมจะได้หายไปอย่างสิ้นเชิงในบาดแผลนี้ บางทีคุณเองก็อาจนึกภาพตัวเองว่าได้ถูกแผลที่พระบาทขวานี้ซึมซับเข้าไปโดยสิ้นเชิง เพราะแน่นอนว่าพระเยซูต้องสูงขึ้น,และเราจะต้องต่ำลง นอกจากนี้ เมื่อคุณยอมให้ตัวเองถูกปกปิดอยู่ภายในเนื้อหนังของพระองค์ นั่นทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระองค์ที่ต้องทนทุกข์จนถึงแก่ความตาย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีความปรารถนาที่จะได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับซิสเตอร์มารีย์ และถึงเวลาหนึ่ง,คุณจะลืมตัวตนของตัวเองอย่างสิ้นเชิง นั่นหมายความว่าคุณจะเห็นเฉพาะพระเยซูที่ถูกตรึงกางเขนเท่านั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพิจารณาไตร่ตรองอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ในการพิจารณาไตร่ตรองถึงพระเยซูเจ้า,เราต้องละทิ้งตัวตนของเราเสียก่อน,แล้วเราจึงจะเคารพเทิดทนพระเยซูเจ้าได้อย่างเต็มเปี่ยม เราต้องละจากตัวเองเพื่อที่จะรักพระเยซู
 
ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธารู้สึกยำเกรงต่อผู้เป็นที่รักของเธอ บาดแผลของพระองค์ทำให้เธอไม่สามารถละสายตาจากพระองค์ได้ และเธอเห็นพระเยซูทรงพอพระทัยกับการใคร่ครวญของเธอ โดยตรัสว่า "ลูกสาวของเรา การที่ลูกพิจารณาไตร่ตรองรอยบาดแผลทั้งหมดของเรา ลูกได้ปลอบใจเรา...เราจะปลอบใจลูกด้วยนิมิตแห่งความรุ่งโรจน์ในสง่าราศีของเราชั่วนิรันดร์" เมื่อเราพยายามที่จะพิจารณาไตร่ตรองรอยบาดแผลของพระเยซูเจ้า, นั่นหมายความว่าเรากำลังปลอบโยนพระองค์ซึ่งเป็นวิธีแสดงความรักของเราโดยตรงต่อพระองค์
 
พระเยซูเจ้าตรัสกับซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาเกี่ยวกับพระบาททั้งสองของพระองค์ว่า "จงนำมนุษย์ทุกคนมายังที่นี่...บาดแผลที่เปิดออกเหล่านี้ใหญ่พอที่จะครอบคลุมพวกเขาได้ทั้งหมด" ความจริงที่น่าอัศจรรย์ในพระวาจานี้ก็คือรอยบาดแผลที่เปิดออกของพระบาทของพระเยซูอาจครอบคลุมมนุษยชาติทั้งหมด และเราอาจคิดว่าทุกคนสามารถมีที่อยู่ในรอยบาดแผลของพระองค์ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับที่พักพิง คนที่คุณรู้จัก ครอบครัว เพื่อนฝูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความยากลำบากในชีวิต,คนเหล่านี้สามารถเข้าไปในแผลที่พระบาทของพระเยซูได้จริงๆ คนที่มีปัญหาชีวิตจะรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่อยากจะหลบซ่อนไปอยู่ในที่ห่างไกลจากผู้คนและปัญหาของเขาและอาจต้องใช้ความกล้าหาญ แต่ถ้าพวกเขายอมเปิดใจรับฟังในเรื่องที่กล่าวมานี้,พวกเขาสามารถหลบซ่อนตัวเองอยู่ในรอยบาดแผลของพระเยซูเจ้าได้
 
พระเยซูทรงรับรองกับซิสเตอร์ว่า "บาดแผลที่เท้าอันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นมหาสมุทร" เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า "มหาสมุทร" ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาไม่เข้าใจ เธอไม่ได้รับการศึกษาที่ดีและไม่ได้เรียนหนังสือมากนัก ซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธามักถูกเรียกว่า "คนธรรมดา" ซึ่งเป็นคำที่ถือว่าเป็นการดูถูกในทุกวันนี้ เพราะเธอเติบโตขึ้นมาในชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็ก เธอรู้ว่าในภาษาฝรั่งเศสคำว่าทะเลคือ "ลาแมร์(la mer)" แต่เธอไม่เคยได้ยินคำว่า "มหาสมุทร" มีบางครั้งที่พระเยซูเจ้าทรงประทานถ้อยคำแก่วิญญาณที่ไม่สามารถประดิษฐ์เนื้อหาขึ้นด้วยตัวเองได้ และพระเยซูเจ้าทรงทราบว่าซิสเตอร์มารีย์ มาร์ธาไม่ทราบความหมายของคำว่า "มหาสมุทร" และพระองค์ยังคงบอกกับเธอว่ามีมหาสมุทรแห่งพระหรรษทาน เพื่อชำระล้างวิญญาณที่นำตัวเองมาอยู่ในรอยบาดแผลที่พระบาทอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และเมื่อเธอถามถึงความหมายของพระวาจานี้กับคุณแม่อธิการของเธอ เธอก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความอุตสาหะและความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ คนที่หยิ่งผยองที่ต้องการเป็นคนพิเศษ คนที่ได้รับเลือกให้สนทนากับพระเจ้าจะไม่ยอมรับว่าตนเองขาดความเข้าใจ ถึงกระนั้น ซิสเตอร์ก็เป็นคนฉลาดของพระเยซู และในขณะที่เราอาจได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเธอ,เราล้วนเป็นอัจฉริยะของพระเยซู สาวกของพระองค์ที่ไม่เข้าใจคำว่ามหาสมุทรแห่งพระหรรษทานที่ประทานแก่เรา และพระหรรษทานที่เลือกสรรที่พระองค์ประสงค์จะประทานแก่เรา
 
เราได้ใคร่ครวญ,รัก,และละทิ้งตัวเองในเนื้อหนังของพระเยซูหรือไม่?
 
บทความนี้อาจเป็นความช่วยเหลือเล็กน้อยสำหรับพิจารณาไตร่ตรองในช่วงเทศกาลมหาพรตนี้ เพื่อที่เราจะรักพระเยซูเจ้ามากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเราสวดสายประคำพร้อมกับรำพึงพระธรรมล้ำลึกในภาคพระมหาทรมาน
 
* * *
 
ภาพวาดคลาสสิกด้านบน Christ Crowned with Thorns วาดโดย Matthias Stom
 
บทความนำมาจากหนังสือ Mystic of the Holy Wounds: The Life and Revelations of Sister Mary Martha Chambon
 


************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น