วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2565

การจำแลงพระกายอย่างรุ่งโรจน์

 

จากบทเทศน์ของนักบุญพระสันตะปาปาเลโอ ผู้ยิ่งใหญ่
 
ธรรมบัญญัติได้มาโดยผ่านทางโมเสส 
พระหรรษทานและความจริงได้มาโดยทางพระเยซูคริสตเจ้า
 
พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ต่อหน้าศิษย์ที่ทรงเลือกสรร พระกายของพระองค์ซึ่งเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป บัดนี้ได้เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า พระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์และพระภูษาส่องสว่างเป็นสีขาวเหมือนดังหิมะ
 
เหตุผลใหญ่ที่สุดในการทรงจำแลงพระกายอย่างรุ่งโรจน์นี้คือต้องการกำจัดความคลางแคลงใจในไม้กางเขนออกจากหัวใจของศิษย์ของพระองค์ และเพื่อป้องกันไม่ให้ความอัปยศอดสูของความทุกข์ทรมานโดยสมัครใจของพระองค์ทำลายความเชื่อของผู้ที่ได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ซ่อนเร้นอยู่ของพระองค์
 
โดยพระญาณสอดส่อง,พระเยซูเจ้าทรงเตรียมรากฐานที่มั่นคงสำหรับความหวังของพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ พระกายทั้งครบของพระคริสตเจ้า(หมายถึงผู้อยู่ในพระศาสนจักร)จะต้องเข้าใจถึงการที่พวกเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงในแบบที่พระกายนั้นเป็นดังพระพรของพระองค์ นั่นคือ,สมาชิกของร่างกายนั้นจะต้องตั้งตารอคอยที่จะมีส่วนในความรุ่งโรจน์ซึ่งฉายแสงออกมาจากพระพักตร์ของพระคริสต์ในครั้งนั้น
 
พระเยซูเจ้าเองตรัสถึงเรื่องนี้เมื่อทรงทำนายล่วงหน้าถึงความรุ่งโรจน์ในการเสด็จมาของพระองค์ - แล้วนั้น,คนชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ในอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา นักบุญเปาโลอัครสาวกเป็นพยานถึงความจริงเดียวกันนี้เมื่อท่านกล่าวว่า: ข้าพเจ้าถือว่าความทุกข์ทรมานในปัจจุบันไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับความรุ่งโรจน์ในอนาคตที่จะเปิดเผยในตัวเรา.....ในอีกที่หนึ่งท่านพูดว่า: พวกท่านได้ตายไปแล้วและชีวิตของพวกท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์,ผู้เป็นชีวิตของพวกท่าน,ถูกเปิดเผย เมื่อนั้นพวกท่านจะถูกสำแดงพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
 
ความอัศจรรย์ของการจำแลงพระกายอย่างรุ่งโรจน์นี้มีบทเรียนอื่นอีกบทหนึ่งสำหรับอัครสาวก เพื่อเสริมกำลังพวกเขาและนำพวกเขาไปสู่ความบริบูรณ์แห่งความรู้ นั่นคือ: โมเสสและเอลียาห์, ธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ,ได้ปรากฏร่วมกับพระเยซูเจ้าในการสนทนากับพระองค์ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการยืนยันว่าชายทั้งสามนี้ได้อยู่ณ.ที่แห่งนี้อย่างแท้จริง ตามที่มีเขียนในธรรมบัญญัติว่า: ต้องมีพยานสองหรือสามคนอยู่ร่วมด้วยเพื่อยืนยันถ้อยคำ แล้วจะมีถ้อยคำใดเล่าที่ตั่งมั่น,แน่นอน,และมั่นคงยิ่งไปกว่าถ้อยคำที่เป่าประกาศโดยบุคคลแห่งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่(โมเสสและเอลียาห์)ที่ได้เปล่งเสียงประสานกัน และด้วยถ้อยคำแห่งคำทำนายในสมัยของพระธรรมเก่าและคำสอนแห่งพระวรสาร,พระธรรมใหม่,ซึ่งสอดคล้องต้องกันอย่างยิ่งมิใช่หรือ?
 
ข้อความในพระคัมภีร์ทั้งสองภาคต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน พระสิริรุ่งโรจน์แห่งการจำแลงพระกายได้เผยให้เห็นอย่างชัดเจนและไม่ผิดพลาดของผู้ที่ได้สัญญาไว้โดยหมายสำคัญซึ่งบอกล่วงหน้าถึงพระองค์ ภายใต้ม่านแห่งความลึกลับ ดังที่นักบุญยอห์นกล่าวไว้ว่า: ธรรมบัญญัติถูกประทานมาโดยผ่านทางโมเสส พระหรรษทานและความจริงได้รับมาโดยทางพระเยซูคริสต์ ในพระองค์,พระสัญญาที่ทำผ่านทางเงาแห่งคำทำนายถูกเปิดเผย พร้อมกับความหมายที่สมบูรณ์ของกฎเกณฑ์แห่งธรรมบัญญัติ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่สอนความจริงแห่งคำทำนายโดยอาศัยการปรากฏของพระองค์และทำให้การเชื่อฟังพระบัญญัติเป็นไปได้โดยผ่านทางพระหรรษทาน
 
ในการเทศนาสั่งสอนพระวรสารอันศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนควรได้รับการเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขา ไม่มีใครควรละอายเรื่องไม้กางเขนของพระคริสต์ โดยพระองค์,โลกจึงได้รับการไถ่กู้ให้รอด
 
ไม่มีใครควรกลัวที่จะทนทุกข์เพื่อความยุติธรรม ไม่ควรมีใคร,เสียความมั่นใจในรางวัลที่ทรงสัญญาไว้ หนทางไปสู่การพักผ่อนคือการทำงานหนัก หนทางไปสู่ชีวิตคือการผ่านความตาย พระคริสต์ทรงรับเอาความอ่อนแอทั้งหมดของธรรมชาติมนุษย์ที่ต่ำต้อยของเรามาไว้ในพระองค์เอง เพราะฉะนั้น,ถ้าเรามั่นคงแน่วแน่ในความเชื่อต่อพระเยซูเจ้าและในความรักที่เรามีต่อพระองค์ เราจะได้รับชัยชนะที่พระองค์ทรงได้รับแล้ว และเราจะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
 
เมื่อพูดถึงการเชื่อฟังพระบัญญัติหรือการอดทนต่อความยากลำบาก พระวาจาที่พระบิดาตรัสควรก้องอยู่ในหูของเราเสมอว่า ท่านผู้นี้คือบุตรสุดที่รักของเรา ผู้เป็นที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราพอใจมาก จงเชื่อฟังพระองค์เถิด.
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น