วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2565

พระเยซูเจ้าถูกฝังในคูหาเป็นเวลาสามวัน

 


พระวรสารทั้งสี่เล่มมีความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งสามนี้: วันศุกร์ พระเยซูสิ้นพระชนม์และถูกฝัง – วันเสาร์ พระองค์ยังอยู่ในหลุมฝังศพ – วันอาทิตย์ หลุมฝังศพก็ว่างเปล่า
 
1. อย่างแรกคือพระเยซูสิ้นพระชนม์ใน “วันจัดเตรียม” (วันเตรียมฉลองสับบาโตของชาวยิว)และถูกฝังในวันเดียวกัน คำถามคือ วันจัดเตรียมคือวันไหน?
 
ในสมัยโบราณพวกเขาไม่มีชื่อวันในสัปดาห์เหมือนที่เราทำในทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนในยุคปัจจุบันนี้จึงมักไม่คุ้นเคยกับวลี “วันแห่งการจัดเตรียม” นี่เป็นวิธีที่ชาวยิวพูดถึงวันก่อนวันสับบาโต(วันสับบาโตคือวันเสาร์)
 
ที่ถูกเรียกเช่นนี้เป็นเพราะชาวยิวผู้เคร่งศาสนาต้องจัดเตรียมทุกสิ่งไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะพักผ่อนในวันสับบาโต ตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องเตรียมอาหารทั้งหมดที่จะกินไว้ล่วงหน้าสำหรับวันเสาร์
 
ชาวยิวจะไม่ทำอาหารในวันสับบาโตด้วยซ้ำ ดังนั้น พวกเขาจึงใช้เวลาหนึ่งวันก่อนวันสับบาโตเพื่อเตรียมการที่จำเป็นทั้งหมด อ่านอพยพ 16 เพื่อทำความเข้าใจ:
 
“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า‘พรุ่งนี้เป็นวันสับบาโต เป็นวันหยุดงานทุกชนิด เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระยาห์เวห์ ถ้ามีใครอยากปิ้งอาหารก็ให้ปิ้ง หรืออยากจะต้มอาหารก็ให้ต้ม ส่วนที่เหลือกินให้เก็บไว้จนวันรุ่งขึ้น’” (อพยพ 16:23)
 
ดังนั้น,จากข้างต้น,เราสามารถสรุปได้อย่างถูกต้องว่าวันจัดเตรียมคือวันศุกร์ ซึ่งหมายความว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์และถูกฝังในวันศุกร์
 
2. ลำดับเหตุการณ์ที่สองคือวันสับบาโตอยู่ถัดจากวันจัดเตรียม
 
พระวรสารนักบุญลูกาบันทึกว่าทันทีที่ฝังพระศพพระเยซู บรรดาสตรี “จึงกลับไป จัดเตรียมเครื่องหอมและน้ำมันหอม แต่ในวันสับบาโต เขาหยุดพักตามบทบัญญัติหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพ” (ลูกา 23:56)
 
ถ้าเราอ่านจาก ข้อ 54 เราจะเห็นว่าเหตุใดบรรดาสตรีจึงรีบกลับจากการฝังศพเพื่อเตรียมเครื่องหอมและน้ำมันหอม เพราะ “วันนั้นเป็นวันเตรียมสมโภช และวันสับบาโตกำลังเริ่มแล้ว” (ลูกา 23:54)
 
ดังนั้น,สรุปก็คือ,การฝังพระศพของพระเยซูได้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบเพื่อที่พวกเขาจะหยุดพักในวันสับบาโต และจะไม่พบพวกเขาทำสิ่งใดในวันนั้น จากนั้นบรรดาสตรีก็รีบกลับบ้านและเตรียมเครื่องหอมเพราะพวกเขาไม่ควรทำอะไรเมื่อเป็นวันสับบาโต วันสับบาโตสำหรับชาวยิวคือวันเสาร์
 
สำหรับชาวยิว วันสับบาโตเริ่มต้นในตอนเย็น เย็นวันศุกร์เป็นจุดเริ่มต้นของวันสับบาโต ซึ่งต่างจากที่เราคำนวณเวลาในยุคนี้ สำหรับเรา วันของเราเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้า แต่สำหรับชาวยิว,จุดเริ่มต้นของวันเป็นเวลาเย็น ซึ่งมีที่มาจากพระคัมภีร์ปฐมกาล ถ้าคุณอ่านพระคัมภีร์ปฐมกาลเกี่ยวกับการเนรมิตสร้างของพระเจ้า คุณจะได้ยินพระคัมภีร์เล่าว่า “มีเวลาค่ำและมีเวลาเช้า นับเป็นวันที่หนึ่ง.” แต่สำหรับเรา คำพูดนี้น่าจะเป็น “มีเวลาเช้าและมีเวลาเย็น นับเป็นวันที่หนึ่ง”
 
3. ลำดับเหตุการณ์ที่สามคือสิ่งที่เรียกว่า “วันแรกของสัปดาห์”
 
ในเรื่องนี้พระวรสารกล่าวว่า พระคูหาที่ฝังพระเยซูในวันจัดเตรียม (วันศุกร์) นั้นว่างเปล่าในวันแรกของสัปดาห์ เราสามารถอ่านจากพระวรสารทั้งสี่เล่มที่พูดในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ มัทธิว 28:1 มาระโก 16:1 ลูกา 24:1 ยอห์น 20:1
 
วันแรกของสัปดาห์นี้คือสิ่งที่เราเรียกว่าวันอาทิตย์
 
ดังนั้น,เราจะสรุปอย่างไร,ตามพระคัมภีร์ว่าพระเยซูทรงใช้เวลาสามวันในอุโมงค์ฝังพระศพและทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สาม
 
(หมายเหตุ - ในระหว่างสามวันนี้ พระวิญญาณของพระเยซูได้เสด็จไปยังนรกเพื่อประกาศชัยชนะของพระองค์ต่อบรรดาปีศาจ และทรงไปรับบรรดาผู้ชอบธรรมในอดีตซึ่งวิญญาณของท่านเหล่านั้นยังอยู่ในสถานที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้อยู่เป็นการชั่วคราว พระองค์ทรงประกาศข่าวดีแห่งความรอดให้แก่พวกเขา และจะรับพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์พร้อมกับพระองค์)
 
เหตุผลที่เป็นการยากสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่จะเข้าใจในเรื่องนี้ก็คือ วิธีที่เราเข้าใจเรื่องเวลาและวิธีที่เราคำนวณวันของเรานั้นแตกต่างจากวิธีที่ชาวยิวโบราณทำ
 
สำหรับเรา,ถ้าเราเกิดในเดือนเมษายน 2022,เราครบหนึ่งปีก็จะเป็นเดือนเมษายน 2023 แต่สำหรับชาวยิวโบราณ ถ้าเราเกิดในเดือนเมษายน 2022 ตอนปลายปีเดือนธันวาคมจะนับเป็นหนึ่งปี พวกเขาจะไม่รอจนถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป
 
วิธีนับเช่นเดียวกันนี้ใช้กับการนับวันด้วย หากคุณเกิดภายในเวลา 15.00 น. ของวันศุกร์ และเนื่องจากวันใหม่จะเริ่มในตอนเย็นประมาณ 18.00 น. แม้ว่าคุณจะเกิดสามชั่วโมงก่อนการเริ่มต้นของวันใหม่ (15.00 น. ถึง 18.00 น.) เมื่อถึง 6 โมงเย็นของวันใหม่ ก็ถือว่าคุณมีอายุหนึ่งวันแล้ว
 
เคล็ดลับในการทำความเข้าใจเรื่องนี้คือ คนโบราณนับส่วนย่อยเอามารวมเป็นทั้งหมด
 
เราเห็นสิ่งนี้ในคำอุปมาที่พระเยซูตรัสเกี่ยวกับเจ้าของที่ดินที่ออกไปแต่เช้าตรู่และจ้างคนงาน โดยตกลงจะจ่ายให้พวกเขาตามอัตรารายวัน เขาจ้างคนงานในช่วงเวลาต่างๆ ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ 9.00 น. 12.00 น. 15.00 น. และ 17.00 น. ในท้ายที่สุดเขาจ่ายค่าจ้างให้แก่คนงานทุกคนในอัตราเดียวกันเพราะข้อตกลงคือเขาจะจ่ายให้คนงานตามค่าจ้างรายวัน ในกรณีนี้ แม้กระทั่งหนึ่งชั่วโมงก่อนสิ้นสุดวัน ก็เป็นหนึ่งวันที่สมบูรณ์ (มัทธิว 20:1-16)
 
กลับมาที่การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้ากันอีกครั้ง
 
พระเยซูสิ้นพระชนม์เวลาประมาณ 15.00 น. (บ่ายสามโมง - เปรียบเทียบ ลูกา 23:44-46) ซึ่งหมายความว่าวันแรกที่พระองค์สิ้นพระชนม์เป็นวันที่เหลือของวันจัดเตรียม ระหว่างเวลา 15.00 น. และพระอาทิตย์ตก
 
วันที่สองเริ่มตอนพระอาทิตย์ตกดิน(เวลาเย็น)และกินเวลาตลอดวันสับบาโต (กล่าวคือ เป็นคืนวันศุกร์และวันเสาร์ทั้งวัน)
 
วันที่สามเริ่มในเวลาพระอาทิตย์ตกในวันสับบาโตและกินเวลาจนถึงพระอาทิตย์ตกในวันแรกของสัปดาห์ (กล่าวคือ เป็นคืนวันเสาร์และช่วงวันของวันอาทิตย์)
 
ด้วยเหตุนี้ ระหว่างทางไปเอมมาอูส ในวันอาทิตย์ที่พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ เหล่าสาวกสนทนากันและพระเยซูเสด็จมาอยู่กับพวกเขา และขณะที่พวกเขากำลังเล่าเรื่องนี้ พวกเขาบอกพระเยซูว่า “ขณะนี้เป็นวันที่สามแล้ว” ตั้งแต่ การตรึงกางเขน (ลูกา 24:21)
 
การคำนวณของพวกเขามีความชัดเจน ความเข้าใจของพวกเขาชัดเจน เราจึงต้องนำความเข้าใจของเราเองในปี 2022 เกี่ยวกับเวลา ให้เชื่อมโยงกับความเข้าใจของผู้คนเมื่อ 2,000 ปีก่อนในเรื่องเวลาและวันว่าเป็นอย่างไร
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น