วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ความศรัทธาต่อพระกุมารเยซูแห่งปราก

 


ความศรัทธาต่อพระกุมารเยซูเป็นประเพณีของพระศาสนจักรคาทอลิกมาช้านาน นักบุญหลายคนมีความศรัทธาต่อพระกุมารเยซูอย่างแรงกล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี นักบุญอันโทนีแห่งปาดัว และนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา โดยที่เธอจะนำพระรูปพระกุมารเยซูไปกับเธอด้วยทุกครั้งเมื่อมีการก่อตั้งอารามแห่งใหม่ขึ้น
 
รูปปั้นดั้งเดิมของพระกุมารเยซูแห่งปรากมีรูปร่างเพรียวบางและสวยงาม แกะสลักจากไม้แล้วเคลือบด้วยขี้ผึ้ง สูง 19 นิ้ว โดยพระบาทซ้ายอยู่ภายใต้เสื้อคลุมยาวสีขาวแทบจะมองไม่เห็น พระหัตถ์ซ้ายถือลูกโลกขนาดเล็กมีไม้กางเขน แสดงถึงความเป็นกษัตริย์แห่งโลกของพระคริสตกุมารพระหัตถ์ขวายกขึ้นเพื่ออวยพรโดยชูสองนิ้วขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติทั้งสองของพระคริสต์ ในขณะที่นิ้วโป้งที่พับและสองนิ้วสุดท้ายแตะกันแสดงถึงความสามัคคีของพระบิดา พระบุตร และพระจิตศักดิ์สิทธิ์ในความลึกลับแห่งพระตรีเอกภาพ.
 

ปรากเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของยุโรป โดยมีเยอรมนี โปแลนด์ รัสเซีย และออสเตรียเป็นเพื่อนบ้าน ประวัติของพระกุมารเยซูแห่งกรุงปรากเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อรูปปั้นพระกุมารเยซูถูกนำเข้ามาที่โบฮีเมีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็ก) และในที่สุดก็มอบให้แก่ซิสเตอร์คณะคาร์เมไลต์ที่อยู่ในกรุงปราก ตั้งแต่นั้นมา รูปปั้นนี้ก็ยังคงอยู่ในกรุงปราก และดึงดูดผู้ศรัทธามากมายจากทั่วโลกให้มาถวายเกียรติแด่พระกุมาร เพื่อได้รับพระหรรษทาน,พระพร,ความโปรดปราน,และการเยียวยารักษาที่น่าอัศจรรย์มากมายจากผู้วิงวอนต่อพระกุมารเยซู
 
จุดกำเนิดเริ่มต้นที่แน่นอนของรูปปั้นพระกุมารเยซูนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่แหล่งทางประวัติศาสตร์ชี้ไปที่รูปปั้นพระกุมารน้อยสูง 28 ซม. และมีนกอยู่ในพระหัตถ์ขวาซึ่งถูกแกะสลักเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1340 และต่อมาก็มีการแกะสลักรูปปั้นพระกุมารเยซูอื่นๆอีกจำนวนมากโดยอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั่วยุโรปในยุคกลาง
 
ความนิยมของพระกุมารเยซูเพิ่มขึ้นในยุคบาโรกในประเทศสเปน ซึ่งอาจมีที่มาจากนิมิตของนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา(http://freewillpalangjai.blogspot.com/2021/11/blog-post_10.html) ประติมากรรมพระกุมารเยซูจำนวนหนึ่งที่ผลิตในสเปนถูกนำไปที่กรุงปราก ประติมากรรมเหล่านี้ทำจากขี้ผึ้งบ้าง,งาช้างบ้าง,และทองสัมฤทธิ์บ้าง และได้มีการสวมใส่เสื้อผ้าที่สะท้อนถึงแฟชั่นของชนชั้นสูงในสมัยนั้นให้แก่ประติมากรรมนี้
 
ปัจจุบันนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าประติมากรรมยุคแรกๆที่ไปถึงกรุงปรากชิ้นใดเป็นแหล่งกำเนิดของพระกุมารเยซูแห่งกรุงปราก สันนิษฐานว่าอาจมาจากอารามแห่งหนึ่งในโบฮีเมีย และจากนั้น Dona Isabella Manrique ได้รับรูปปั้นมาจากอารามแห่งนั้น และเธอได้มอบเป็นของขวัญแต่งงานให้กับ Marie Manrique ลูกสาวของเธอซึ่งแต่งงานกับขุนนางแห่งราชอาณาจักรเช็ก ต่อมารูปปั้นพระกุมารได้มอบให้กับโพลิซีนา(Polyxena)ลูกสาวของมารีอีกครั้งเพื่อเป็นของขวัญแต่งงานในปี ค.ศ. 1587 ในปี ค.ศ. 1628 เลดี้โพลิซีนาได้มอบรูปปั้นนี้แก่ซิสเตอร์คาร์เมไลต์ที่โบสถ์พระแม่มารีย์แห่งชัยชนะในเมืองมาลาสตรานา(Mala Strana)โดยกล่าวว่า "ดิฉันขอมอบ สิ่งที่ฉันเคารพที่สุดในบรรดาสมบัติทั้งหลายของดิฉันให้แก่ท่าน ขอให้เก็บรักษารูปปั้นนี้เถิดแล้วท่านจะมีสุขภาพดี " รูปปั้นนี้กลายเป็นที่รู้จักในนามพระกุมารเยซูแห่งปราก มีความสูง 47 ซม. (รวมฐาน 2 ซม.) และมีเสื้อคลุมยาวรอบตัวพระรูปที่ทำด้วยขี้ผึ้ง
 
ไม่นานหลังปี 1628,ชาวแอกซอนและชาวสวีเดนผลัดกันบุกกรุงปราก และซิสเตอร์คณะคาร์เมไลต์ต้องหลบหนี และความเลื่อมใสของพระกุมารศักดิ์สิทธิ์ก็ยุติลง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1638 พระสงฆ์หนุ่มชื่อคุณพ่อ P. Cyril ซึ่งอยู่ในคณะ Matre Dei ได้กลับมาที่ปรากและพบรูปปั้นพระกุมารเยซูถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพังของโบสถ์แม่พระแห่งชัยชนะ(Lady of Victory) คุณพ่อ Cyril ทำความสะอาดรูปปั้นและวางไว้ในบ้านพักพระสงฆ์เพื่อบูชา ขณะที่ท่านกำลังสวดภาวนาต่อหน้าพระรูปพระกุมารเยซู ท่านได้ยินพระกุมารเยซูตรัสว่า "สงสารเราเถอะ แล้วเราจะสงสารเธอ ขอมือให้เรา แล้วเราจะให้สันติสุข ยิ่งเธอให้เกียรติเรามากเท่าไหร่ เราก็จะอวยพรแก่เธอมากขึ้นเท่านั้น"
 
การซ่อมแซมพระหัตถ์ของพระรูปซึ่งหักไปถือเป็นอัศจรรย์ เพราะคุณพ่อซิริลและและเพื่อนๆ ของท่านไม่มีเงินหรือความรู้เลย วิธีแก้ไขทำได้โดยผ่านการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น คุณพ่อซิริลได้วอนขอต่อพระแม่มารีย์หลายครั้งในโอกาสต่างๆ เพื่อจัดหาเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมรูปปั้นพระกุมาร พระกุมารพูดกับท่านอีกครั้ง “วางเราไว้ใกล้ทางเข้าห้องซาคริสตี แล้วท่านจะได้รับความช่วยเหลือ” จากนั้นคุณพ่อซิริลก็ทำตามที่พระกุมารบอก และในเวลาไม่กี่วันรูปปั้นก็ได้รับการซ่อมแซมแก้ไขโดยชายผู้มายังห้องซาคริสตีเพื่อเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ
 
ตั้งแต่รูปปั้นได้รับการซ่อมแซมแก้ไข,อัศจรรย์จำนวนหนึ่งได้เกิดขึ้นและข่าวนี้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไป ส่งผลให้มีความศรัทธาต่อพระรูปพระกุมารเยซูเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงขุนนางชาวเช็กด้วย อัศจรรย์ในยุคแรกเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือโดย P. Emerich a St Stephano จัดพิมพ์เป็นภาษาเยอรมันในปี 1736 และในภาษาเช็กในปี 1749
 
ในปี ค.ศ. 1641 มีการสร้างแท่นบูชาสำหรับพระกุมารเยซูในโบสถ์ และในปี ค.ศ. 1644 ได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้น แต่ยังไม่แล้วเสร็จจนถึงปี ค.ศ. 1654 ขุนนางจำนวนมากในสมัยนั้นได้ให้การสนับสนุนความเคารพต่อพระกุมารเยซูอย่างมากมาย เช่น เลดี้โพลิซีนา กษัตริย์เฟอร์ดินาร์ (เช็ก), King Charles Gustav(สวีเดน) และ Bernard Ignatius แห่งขุนนางแห่งมาร์ตินิก เป็นที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่ามงกุฎบนศีรษะของพระกุมารศักดิ์สิทธิ์นั้นมาจากท่านเบอร์นาร์ด อิกเนเชียส ผู้ถวายเครื่องประดับพระรูปปั้นพระกุมารด้วยมงกุฎทองคำเล็กๆที่ประดับด้วยอัญมณีที่มีค่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1651 ระหว่างขบวนแห่พระกุมารเยซูจาก โบสถ์ Lady of Victory ไปยังโบสถ์อื่นๆ ในปราก มีการเฉลิมฉลองพระรูปพระกุมารเยซูเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1655 โดยอัครสังฆราชโจเซฟ คอร์ตา ทำหน้าที่แทนพระคาร์ดินัลฮาร์ราชที่ 3 ที่ป่วย
 
หลังจากช่วงเวลานั้น,ปรากต้องเผชิญกับสงครามและความไม่สงบมากขึ้น แต่โบสถ์และโบสถ์น้อยพระกุมารเยซูได้รับการคุ้มครองอย่างอัศจรรย์ ในปี ค.ศ. 1776 แท่นบูชาได้รับการสร้างขึ้นใหม่โดยใช้หินอ่อนและรูปปั้นขนาดใหญ่สองรูปของพระแม่มารีและนักบุญยอแซฟถูกวางไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของแท่นบูชา พระรูปพระกุมารศักดิ์สิทธิ์ถูกเก็บไว้ในกล่องแก้วที่ยืนอยู่บนฐานที่สลักด้วยคริสตัล และรอบๆพระรูปนั้นรายรอบด้วยเทวดา 20 องค์ทำด้วยทองคำ
 
ตั้งแต่นั้นมา,รูปปั้นพระกุมารเยซูก็ถูกผลิตขึ้นและแจกจ่ายไปทั่วพระศาสนจักรในยุโรป ในยุคล่าอาณานิคมของสเปนในเวลาต่อมา,ชาวสเปนได้นำรูปปั้นพระกุมารเยซูไปยังฟิลิปปินส์และอเมริกากลาง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความศรัทธาได้แผ่ขยายไปทั่วโลก
 
สรุป
 
โบสถ์ Lady of Victory ถูกส่งคืนอย่างเป็นทางการให้กับซิสเตอร์คณะคาร์เมลไลท์ในปี 1993 นับตั้งแต่การครอบครองโดยอัศวินมอลตาในปี 1784 ปัจจุบันผู้แสวงบุญหลายพันคนแสดงความเคารพต่อพระรูปพระกุมารเยซูแห่งปรากทุกปี ประเพณีแห่พระกุมารเยซูและพิธีเฉลิมฉลองดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1995 ขบวนแห่งพระกุมารเยซูอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนถนนในกรุงปราก โดยมีพระคาร์ดินัลซินแห่งมะนิลา (ฟิลิปปินส์) และพระคาร์ดินัล Vlk แห่งปรากเป็นผู้นำขบวน พิธีนี้เป็นไฮไลท์ปิดงานฉลองพระกุมารเยซูประจำปีที่กรุงปราก
 
ในขณะที่ความศรัทธาต่อพระกุมารเยซูได้แผ่ขยายไปทั่วโลก ตอนนี้โบสถ์หลายแห่งได้เสนอให้จัดพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์และนพวารเพื่อเป็นเกียรติแก่พระกุมารของพระเจ้าและมีการจัดตั้งกลุ่มสวดภาวนาขึ้นมากมาย พระเยซูทรงรักษาพระสัญญาว่ายิ่งพระองค์ได้รับเกียรติมากเท่าใด พระองค์จะทรงอวยพรพวกเขามากเท่านั้น มีหลักฐานยืนยันความจริงของความโปรดปรานมากมายที่พระองค์ประทานแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น