วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

นิมิตครั้งสุดท้าย

 



นิมิตที่เราจะเล่าต่อไปนี้บางครั้งเรียกว่า 'นิมิตสุดท้ายของฟาติมา' ลูซีอา,หนึ่งในเด็กสามคนที่อยู่กับแม่พระขณะที่พระนางทรงประจักษ์ที่ฟาติมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมถึง 13 ตุลาคม 1917, ได้เขียนบันทึกด้วยคำพูดของเธอเองถึง 'นิมิตครั้งสุดท้าย' ในอีกหลายปีต่อมา,ที่คอนแวนต์โดมินิกันในเมืองตุย(Tuy), ประเทศสเปน ซึ่งเป็นอารามแห่งพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์(Holy Trinity) (เธออยู่ที่นั่นก่อนเข้าสู่อารามคาร์เมลที่โกอิมบรา)
 
ซิสเตอร์ลูซีอาถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2005, ที่คอนแวนต์คาร์เมไลท์ในเมืองโกอิมบรา ประเทศโปรตุเกส หลังจากเจ็บป่วยมานาน ซิสเตอร์ลูซีอาอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในคอนแวนต์ มีรายงานว่าเธอสูญเสียการมองเห็นและการได้ยินในช่วงหลายเดือนก่อนเธอจะเสียชีวิต
 
ฟรังซิสโกและยาซินทา มาร์โต,ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่2,ในพิธีที่ฟาติมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2000 ซึ่งเป็นวันครบรอบการประจักษ์ครั้งแรกที่ฟาติมา ทั้งฟรังซิสโกและยาซินทาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเยาว์วัย ในปี 1919 และ 1920 ตามลำดับ ซิสเตอร์ลูซีอาได้เดินทางออกนอกอารามคาร์เมไลต์เพื่อมาร่วมในพิธีนี้ด้วย:
 

นิมิตครั้งสุดท้าย
 
“คืนหนึ่ง,ขณะที่ดิฉันอยู่ลำพังเพียงคนเดียว,ดิฉันคุกเข่าอยู่ใกล้ราวบันไดกลางโบสถ์ และหมอบกราบนมัสการ ดิฉันสวดภาวนาบทที่ทูตสวรรค์สอน เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า,ดิฉันจึงลุกขึ้นยืนและสวดภาวนาต่อโดยกางแขนเป็นรูปไม้กางเขน มีแสงสว่างสลัวๆจากตะเกียงเพียงดวงเดียว ทันใดนั้นทั่วทั้งโบสถ์ก็สว่างไสวด้วยแสงเหนือธรรมชาติ และเหนือแท่นบูชาก็ปรากฏกางเขนแห่งแสง,ที่สูงขึ้นไปถึงเพดาน ในแสงสว่างจ้า,ที่ส่วนบนของไม้กางเขน,สามารถมองเห็นใบหน้าของมนุษย์และร่างกายของเขาได้ลงมาถึงระดับเอว บนอกของเขามีนกพิราบตัวหนึ่ง ร่างที่ถูกตรึงที่กางเขนเป็นร่างของชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าเอวเล็กน้อย ดิฉันเห็นจอกกาลิกษ์และแผ่นศีลขนาดใหญ่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีโลหิตหยดจากพระพักตร์ของพระเยซูที่ถูกตรึงกางเขนและจากบาดแผลที่สีข้างของพระองค์ หยดโลหิตเหล่านี้ไหลลงมาที่แผ่นศีลและตกลงไปในจอกกาลิกษ์ ใต้พระหัตถ์ขวาของไม้กางเขนมีแม่พระประทับยืนอยู่ และพระหัตถ์ของพระนางมีพระหฤทัย (นั่นคือแม่พระฟาติมา โดยมีพระหฤทัยนิรมลอยู่ในพระหัตถ์ซ้าย และไม่มีดาบหรือดอกกุหลาบ แต่มีมงกุฎหนามและเปลวเพลิง) ใต้แขนซ้ายของไม้กางเขน,มีตัวอักษรขนาดใหญ่ดูราวกับคริสตัลน้ำใสเป็นข้อความแนวดิ่งลงมาเหนือแท่นบูชา ทำให้เกิดข้อความว่า «พระหรรษทานและพระเมตตา» ดิฉันเข้าใจว่านี่คือความลึกลับของพระตรีเอกภาพซึ่งแสดงให้ดิฉันเห็น และดิฉันได้รับแสงสว่างความเข้าใจเกี่ยวกับความลึกลับนี้ซึ่งฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผย
 
“แม่พระตรัสกับดิฉันว่า “ถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าทรงขอให้พระสันตะปาปา,ร่วมกับพระสังฆราชทุกองค์ทั่วโลก,ทำการถวายประเทศรัสเซียแด่ดวงพระหฤทัยอันนิรมลของแม่ โดยสัญญาว่าจะช่วยโลกด้วยวิธีนี้ มีวิญญาณมากมายที่พระยุติธรรมของพระเจ้าได้สาปแช่งเพราะบาปที่พวกเขากระทำต่อแม่และแม่ขอให้พวกเขาทำการชดาเชยใช้โทษบาปนี้โดยการสวดภาวนาและทำพลีกรรมด้วยความตั้งใจชดเชยบาปนี้»
 
ลูซีอาบอกว่า “ดิฉันได้เล่าเรื่องนี้ให้แก่พระสงฆ์ผู้ฟังสารภาพบาป ซึ่งท่านสั่งให้ดิฉันเขียนเรื่องที่แม่พระทรงประสงค์ให้กระทำ ต่อมา,ในการสื่อสารอย่างใกล้ชิด,พระเยซูเจ้าทรงบ่นกับดิฉันว่า: «พวกเขาไม่ต้องการฟังคำขอร้องของเรา เหมือนกับที่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสทำ พวกเขาจะเปลี่ยนใจและทำมัน, แต่มันจะสายเกินไป รัสเซียจะเผยแพร่ความผิดพลาดของเธอไปทั่วโลก ก่อให้เกิดสงครามและการเบียดเบียนต่อพระศาสนจักร,ต่อพระสันตะปาปา,พระองค์จะต้องทนทุกข์มากมาย»”
 
-------------------------
 
ระยะเวลาสองระยะ
 
คำว่า "พระหรรษทานและพระเมตตา" หมายถึงช่วงเวลาสองช่วงที่เรามีชีวิตอยู่ ซึ่งเริ่มต้นในเวลาที่ต่างกัน เกิดขึ้นพร้อมๆกันแต่สิ้นสุดต่างกัน
 

“เวลาแห่งพระหรรษทาน” เริ่มไหลมาเหมือนสายน้ำพร้อมกับการประจักษ์ของแม่พระที่ รู ดือ บัก(Rue de Bac) ต่อนักบุญคัทรีน ลาบูเร(St. Catherine Labouré) พระแม่มารีย์ทรงประทับยืนอยู่บนลูกโลกเพื่อบ่งบอกถึงความสำคัญระดับโลกของการเสด็จเยือนของพระนาง พระนางปรากฏมาด้วยมือที่สวมแหวนและอัญมณีซึ่งแสงส่องไปยังโลก พระนางตรัสกับคัทรีนว่า "รังสีเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของพระหรรษทานที่แม่มอบให้แก่ผู้ที่วอนขอ อัญมณีที่ไม่ส่องแสงเป็นสัญลักษณ์แทนพระหรรษทานที่ไม่ได้รับเพราะไม่ได้ขอ” พระนางทรงขอให้คัทรีนจัดทำเหรียญซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระนางทรงเป็น "คนกลางแห่งพระหรรษทานทั้งปวง” พระเจ้าในพระเมตตาของพระองค์ได้ประทานพระหรรษทานแก่พระศาสนจักรเป็นเวลาสองศตวรรษเพื่อเตรียมการโดยเฉพาะสำหรับช่วงเวลาแห่งพระเมตตา
 
“เวลาแห่งพระเมตตา” เริ่มต้นขึ้นเมื่อทูตสวรรค์ถือดาบซึ่งปรากฏในนิมิตแก่เด็กแห่งฟาติมา ทูตสวรรค์กำลังจะลงโทษแผ่นดินโลก ทันใดนั้น,พระมารดาของเราก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรังสีแสงที่ส่องออกมาจากพระนาง แล้วการลงโทษของทูตสวรรค์ก็ถูกเลื่อนออกไปในขณะที่ท่านร้องออกมาบนพื้นโลกว่า “ใช้โทษบาป,ใช้โทษบาป,ใช้โทษบาป” เรารู้ว่าช่วงเวลานี้เริ่มต้นขึ้น เพราะสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกว่า “เวลาแห่งพระเมตตา” เมื่อพระองค์ตรัสกับนักบุญโฟสตินา(St. Faustina) ในเวลาต่อมา พระองค์ตรัสว่า
 
"เราได้ยืดเวลาแห่งพระเมตตาของเราออกไปเพื่อประโยชน์ของคนบาป….ขณะที่ยังมีเวลาอยู่,ขอให้พวกเขาได้วอนขอความช่วยเหลือจากแหล่งแห่งพระเมตตาของเรา…ผู้ที่ปฏิเสธที่จะผ่านประตูแห่งพระเมตตาของเรานี้,จะต้องผ่านประตูแห่งพระยุติธรรมของเรา" —Diary of St Faustina, 1160, 848, 1146
 
อะไรคือความแตกต่าง? ช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานนี้เป็นช่วงเวลาที่แม่พระทรงเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ, พระนางทรงประทานพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่ให้แก่พระศาสนจักร เพื่อเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับอำนาจแห่งความมืดในยุคปัจจุบันนี้ เวลาแห่งพระเมตตาจะดำเนินต่อไปผ่านการลงโทษของสวรรค์ที่จะตามมา (แม้ว่าจะมีน้อยคนที่ยอมรับพระเมตตาของพระองค์) จนกว่าพระเจ้าจะทรงชำระล้างโลกจากความชั่วร้ายทั้งหมด จึงเป็นการเริ่มต้นเวลาแห่งสันติภาพ บรรดาผู้ปฏิเสธพระเมตตาของพระองค์จะต้องผ่านประตูแห่งพระยุติธรรมของพระองค์
 
ในยามยากลำบากนี้ เราขอให้แม่พระแห่งฟาติมาทรงเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือโลก, ช่วยเหลือพระสันตปาปาผู้เป็นที่รัก, และพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ของเรา+
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น