วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นักบุญบริจิตแห่งสวีเดน

 



วันที่ 23 กรกฏาคม เป็นวันฉลองนักบุญบริจิตแห่งสวีเดน
 
บริจิตแห่งสวีเดนเกิดในปี ค.ศ. 1303 ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอมีความศรัทธาต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นอย่างมาก เมื่อเธออายุเพียงสิบขวบดูเหมือนเธอจะได้เห็นพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนและได้ยินพระองค์ตรัสว่า “ลูกสาวของเราเอ๋ย ดูเราสิ” บริจิตน้อยถามพระเยซูว่า “ใครทำกับพระองค์เช่นนี้” แล้วเธอก็ร้องไห้ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า“คือบรรดาผู้ที่ดูหมิ่นเราและปฏิเสธความรักที่เรามีต่อพวกเขา” นับจากนั้นเป็นต้นมา บริจิตก็พยายามหยุดผู้คนไม่ให้ทำสิ่งที่ล่วงละเมิดต่อพระเยซูเจ้า
 
เมื่ออายุได้สิบสี่ปี,เธอแต่งงานกับ อูร์ฟ(Ulf)ซึ่งมีอายุสิบแปดปี และเขาก็เป็นเช่นเดียวกับบริจิต อูร์ฟ ตั้งใจที่จะรับใช้พระเจ้าและทั้งคู่ก็สมัครเข้าเป็นฟรังซิสกันชั้นที่สาม พวกเขามีลูกแปดคน หนึ่งในนั้นคือนักบุญคัทเธอรีนแห่งสวีเดน บริจิตและอูร์ฟปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชสำนักสวีเดน บริจิตเป็นสตรีผู้รับใช้ของพระราชินี เธอพยายามช่วยกษัตริย์แมกนัส(King Magnus) และราชินีบลังชี่(Queen Blanche) ให้มีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม,ส่วนใหญ่ทั้งสองพระองค์ไม่ค่อยฟังเธอนัก
 
ตลอดชีวิตของเธอ,บริจิตได้เห็นนิมิตอันน่าอัศจรรย์และได้รับสาส์นพิเศษจากพระเยซูเจ้า เธอไปพบกับผู้ปกครองและบุคคลสำคัญหลายคนในพระศาสนจักรเมื่อได้รับคำสั่งจากท่านเหล่านั้น เธออธิบายอย่างถ่อมตนถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงคาดหวังจากพวกเขา หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต,บริจิตก็ไม่สวมเสื้อผ้าที่แสดงฐานะอันมั่งคั่งของเธออีกต่อไป เธอดำรงชีวิตเป็นแม่ชีที่ยากจน ต่อมาเธอก่อตั้งคณะนักบวชหญิง Order of the Most Holy Savior หรือที่เรียกว่า Bridgettines เธอยังคงดำเนินชีวิตในการทำความดีในทุกที่ และด้วยกิจกรรมทั้งหมดนี้ พระเยซูเจ้ายังคงทรงเปิดเผยความลับมากมายต่อเธอ สิ่งเหล่านี้เธอได้รับไว้โดยไม่แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย
 
ไม่นานก่อนที่เธอจะเสียชีวิต นักบุญบริจิตไปแสวงบุญที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่น เธอเห็นนิมิตเกี่ยวกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสและทรงกระทำในสถานที่นั้นๆ นิมิตการไขแสดงทั้งหมดของนักบุญบริจิตเกี่ยวกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าได้รับการตีพิมพ์หลังจากการเสียชีวิตของเธอ นักบุญบริจิตเสียชีวิตในกรุงโรมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1373 เธอได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาโบนิฟาซที่ 9 ในปี 1391
 
นักบุญบริจิตแห่งสวีเดนรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน เราสามารถขอให้เธอช่วยเราให้เป็นผู้ติดตามพระเยซูเจ้าที่กตัญญูและรักพระองค์เช่นเดียวกับเธอ
 
คำพูดของท่านนักบุญบริจิต
 
"ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานแห่งสติปัญญาความเฉลียวฉลาดจงเกรงกลัวไว้เถิดว่า เพราะเหตุนี้,เขาจะถูกพิพากษาหนักมากกว่าผู้อื่น ถ้าหากเขาทำความผิดโดยประมาทเลินเล่อ"
 
"โลกจะสงบสุขได้ถ้าเพียงแต่นักการเมืองจะปฏิบัติตามพระวรสารเท่านั้น"
 
“ดังนั้น ปรีชาญาณที่แท้จริงจึงอยู่ที่การงานต่างๆของเขา,ที่ไม่ใช่พรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่โลกยกย่อง เพราะคนฉลาดซึ่งโลกนับถือนั้น . . . คือคนโง่,ผู้ซึ่งไม่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และเขาไม่รู้ว่าจะควบคุมกิเลสตัณหาของตนอย่างไร ."
 
“ไม่มีคนบาปคนใดในโลกนี้,ที่แม้ว่าจะเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้ามากสักเพียงใด,จะไม่สามารถได้รับพระหรรษทานของพระเจ้ากลับคืนมาได้โดยอาศัยพระนางมารีย์ ด้วยการวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง”
 
“โอ พระแม่มารีย์,พระแม่ทรงให้ความช่วยเหลือแก่ทุกคนที่พยายามแสวงหาและมุ่งสู่พระเจ้า!”
 
“พระนางมารีย์คือดอกลิลลี่ในสวนของพระเจ้า”
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น