วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2565

การประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิท

 



ในนิมิตการเปิดเผยของนักบุญบริจิตแห่งสวีเดน เราพบว่ามีการเปิดเผยที่น่าตื่นตาและน่าสนใจมากมายในหัวข้อต่างๆ ในเล่ม 4 บทที่ 63 ของหนังสือการเปิดเผยของเธอ เราพบคำบางคำที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยของเรา ข้อความในบทนี้ได้ให้รายละเอียดการสนทนาระหว่างพระเยซูเจ้ากับปีศาจที่เคยพยายามหลอกลวงนักบุญบริจิตเพื่อลบล้างความเชื่อของเธอเกี่ยวกับการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
 
ด้านล่างนี้คือตัวอย่างการสนทนานี้
 
ปีศาจที่มีท้องใหญ่มหึมาปรากฏตัวต่อเจ้าสาว [นักบุญบริจิต] และพูดว่า: “… เธอไม่เห็นด้วยตาของเธอและไม่ได้ยินด้วยหูของร่างกายถึงเสียงของการแตกของขนมปังที่เป็นแผ่นศีลหรือ? … ถึงแม้ว่าเป็นไปได้ที่พระเจ้าจะทรงมาอยู่ในปากของคนชอบธรรม แต่พระองค์จะทรงยอมลงมาหาคนอธรรมซึ่งความโลภของเขาไม่มีขอบเขตได้อย่างไร?”
 
… พระเยซูเจ้าตรัส [กับปีศาจ]: “… เราไม่ได้บอกหรือว่าผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตนิรันดร์? และเจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องโกหกและไม่มีใครกินเนื้อของเรา ดังนั้น,คนของเรา [ตามที่ปีศาจพูด] จึงบูชารูปเคารพมากกว่าคนอื่นที่บูชาหินและต้นไม้… ร่างกายของเราที่โทมัสได้สัมผัสหลังจากที่เรากลับฟื้นคืนชีพนั้นเป็นวิญญาณหรือเป็นเนื้อหนังร่างกาย? ถ้าเป็นเนื้อหนังร่างกาย, มันผ่านประตูที่ปิดอยู่ได้อย่างไร? แต่ถ้าเป็นวิญญาณ, ดวงตาจะมองเห็นได้อย่างไร?”
 
ปีศาจตอบ: “… ข้าพเจ้าขอบอกว่าพระองค์ทรงเป็นทั้งร่างกายและวิญญาณหลังจากการกลับฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย เป็นเพราะพระฤทธานุภาพนิรันดร์แห่งความเป็นพระเจ้าของพระองค์และเพราะสิทธิพิเศษของเนื้อหนังที่รุ่งโรจน์ของพระองค์, พระองค์จึงสามารถเข้าไปได้ทุกที่และอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
 
พระเยซูเจ้าตรัสอีกว่า “บอกเราสิว่า เมื่อไม้เท้าของโมเสสกลายเป็นงู, มันเป็นเพียงรูปของงูหรือเป็นงูอย่างสมบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก? และบอกเราอีกครั้งสิว่า ขนมปังที่เหลืออยู่ในตะกร้านั้นเป็นขนมปังจริงๆทั้งหมดหรือเป็นเพียงรูปของขนมปัง?”
 
ปีศาจตอบว่า: “ไม้เท้ากลายเป็นงูอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่อยู่ในตะกร้าเป็นขนมปังอย่างสมบูรณ์ และสิ่งนี้ถูกระทำด้วยพระอำนาจและฤทธานุภาพของพระองค์ทั้งสิ้น”
 
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มันเป็นการยากสำหรับเราหรือที่จะทำอัศจรรย์ที่คล้ายกันในตอนนี้,ถ้าเราพอใจ? หรือถ้าเนื้อหนังที่รุ่งโรจน์ของเราสามารถผ่านประตูที่ถูกปิดไว้ได้ แล้วทำไมเราถึงจะไม่ไปอยู่ในมือของพระสงฆ์ในตอนนี้ได้เล่า? บางทีมันอาจจะทำให้เราต้องใช้ความพยายามที่จะรวมสิ่งที่น้อยที่สุดกับสิ่งที่อยู่ในสวรรค์,หรือรวมโลกกับสิ่งที่ประเสริฐที่สุดกระมัง? ไม่แน่นอน แต่เจ้าปีศาจแห่งการโกหกเอ๋ย, เช่นเดียวกับที่เจ้าเก่งในเรื่องความชั่วร้าย, ความรักของเราก็เช่นกันและจะอยู่กับมนุษย์ทั้งหลายเสมอ… เราสร้างบางสิ่งจากความว่างเปล่าและสิ่งที่มองเห็นได้จากสิ่งที่มองไม่เห็น เราสามารถเปิดเผยบางสิ่งผ่านเครื่องหมายและรูปร่างที่มองเห็นได้ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความหมาย แต่ยังถูกมองว่าเป็นอย่างอื่น”
 
… จากนั้นพระบุตรของพระเจ้าตรัสอีกครั้งว่า “… จงเชื่อเถิดว่าเราอยู่ในมือของพระสงฆ์, ถึงแม้พระสงฆ์จะสงสัยในเรื่องนี้, เราก็อยู่ในมือของเขาอย่างแท้จริงอันเนื่องมาจากความเชื่อของผู้มีความเชื่อและผู้ที่อยู่ ณ ที่นั้น เนื่องด้วยถ้อยคำที่เราได้กล่าวออกไปและเราสถาปนาสิ่งนี้ขึ้นด้วยตัวของเราเอง ทุกคนที่รับเราย่อมได้รับทั้งธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของเราและธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของเราด้วยเช่นเดียวกับรูปปรากฏของขนมปัง
 
… ธรรมชาติมนุษย์ของเราจะเป็นอย่างไรถ้าหากร่างกายไม่ใช่ร่างกายมนุษย์จริงๆ, เป็นการรวมกันของพระเจ้ากับมนุษย์, เป็นศีรษะของคริสตชนทั้งปวง?
 
เพราะฉะนั้น,ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและรับพระกายของพระองค์ก็จะได้รับพระธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเช่นกัน เพราะพวกเขาได้รับชีวิต พวกเขายังได้รับธรรมชาติของมนุษย์โดยการที่พระเจ้าและมนุษย์ได้มารวมกันด้วย อีกครั้งหนึ่ง,พวกเขาได้รับรูปของขนมปัง, เพราะพระองค์ผู้ถูกซ่อนจากรูปของพระองค์เอง,จะประทานภายใต้รูปแบบอื่น,เพื่อเป็นการทดสอบความเชื่อ ในทำนองเดียวกัน, คนชั่วก็ได้รับความเป็นพระเจ้าเช่นเดียวกันแต่ในฐานะผู้พิพากษาที่เข้มงวดมากกว่าเป็นเพื่อนที่รักใคร่ พวกเขาได้รับธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน แต่ด้วยความสบายใจน้อยกว่า พวกเขายังได้รับรูปของขนมปัง เพราะพวกเขาได้รับความจริงที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้รูปที่มองเห็นได้ แต่มันจะไม่หวานสำหรับพวกเขา”
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น