วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สมโภชพระตรีเอกภาพ

 


วันฉลองพระจิตเจ้า(Pentecost)เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เท่ากับเป็นวันสิ้นสุดของเทศกาลปัสกา 
 
ในวันจันทร์ เราเริ่มต้นเทศกาลธรรมดา นั่นคือช่วงเวลาที่พระสงฆ์สวมชุดสีเขียว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราได้รับเรียกให้ดำเนินชีวิตตามพระวรสารในชีวิตประจำวัน เป็นสักขีพยานถึงความชื่นชมยินดีในการเป็นสาวกของพระเยซูที่ถูกตรึงที่กางเขนและทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์ . หากเราหยุดและมองย้อนกลับไปครู่หนึ่ง เราก็จะสามารถเห็นภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ จากระเบียงในสวรรค์ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงทราบว่ามนุษยชาติ,หลังจากบาปของอาดัมและเอวา, ได้ดำเนินชีวิตที่หลงทางและไม่สามารถหาทางกลับไปสวรรค์ได้ จึงทรงส่งประกาศกหลายคนมาช่วยพวกเขาให้พบหนทางนั้น แต่มนุษยชาติไม่เพียงแต่ละเลยที่จะเอาใจใส่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังฆ่าบรรดาประกาศกของพระเจ้าด้วย (ดู มธ. 23:29.)
 
ในที่สุด,พระบิดา,ด้วยพระทัยเมตตากรุณา,ก็ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์: “และพระวจนาตถ์ได้บังเกิดเป็นมนุษย์ และสถิตอยู่ท่ามกลางพวกเรา” (ยอห์น 1:14) พระเยซู,พระบุตรของพระเจ้า,ทรงรับทุกสิ่งเกี่ยวกับสภาพมนุษย์ของเรายกเว้นบาป เพื่อช่วยให้เราระลึกว่าพระเจ้าทรงสร้างเรา ,เราเป็นลูกของพระองค์ และพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา พระองค์ทรงสอนเราด้วยความจริงผ่านพระวาจาและแบบฉบัลพระชนม์ชีพ เพื่อสอนให้เรารู้วิธีที่จะกลับไปหาพระบิดาผู้ทรงเป็นชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นพระเยซูจึงทรงแสดงพระพักตร์ของพระบิดาให้เราเห็น: “ใครก็ตามที่เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา” (ยน. 14:9) พระองค์ทรงเตือนเราว่าทางไปสวรรค์เปิดสำหรับทุกคน ไม่จำเป็นต้องกลัว และเราไม่จำเป็นต้องละอายเพราะพระเจ้าพระบิดาทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเมตตา พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนด้วยความเชื่อฟังพระบิดาเพื่อความรอดของเรา ในวันที่สามพระองค์ทรงกลับเป็นขึ้นมา ทรงเอาชนะบาปและความตาย จึงเป็นการเปิดทางให้กลับไปหาพระเจ้า,พระบิดาของเรา (นี่คือสิ่งที่เราเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์อีสเตอร์)
 
เราสามารถดำเนินชีวิตตามพระวาจาได้อย่างมั่นใจ เพราะพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ประทานพระจิตเจ้าลงมาในวันเพ็นเทคอสต์ เป็นของขวัญชิ้นแรกที่พระเยซูทรงมอบให้แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ เพื่อที่เราจะได้ดำเนินชีวิตอย่าง ลูกของพระเจ้า นี่คือวิธีที่เราจะเข้าใจว่าทำไมพิธีกรรมจึงเชื้อเชิญเราให้เราเฉลิมฉลองสมโภชพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต พิธีเฉลิมฉลองนี้เป็นการนำเราไปสู่เป้าหมายของการเดินทางบนโลกนี้ของเรา
 
พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระตรีเอกภาพ, มิได้ทรงอยู่ห่างไกลอย่างที่เราคิด แต่ทรงอยู่ใกล้มากจนพระองค์ยอมกลายเป็นขนมปังสำหรับเรา Corpus Christi (สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า,ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์หน้า) ขนมปังนี้เป็นขนมปังของเหล่าทูตสวรรค์ บำรุงเลี้ยงจิตใจของเราในการเดินทางสู่สวรรค์ ของขวัญชิ้นนี้เผยให้เห็นพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า ซึ่งจะเฉลิมฉลองวันศุกร์ตามหลังสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า(Corpus Christi) ดังนั้นจึงเรียกในช่วงเวลานี้ว่า "สี่อาทิตย์ สี่สมโภช" (สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์,สมโภชพระจิตเจ้า,สมโภชพระตรีเอกภาพ,และสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า)
 
คำสอนผิดพลาดของลัทธิอาเรียน, ซึ่งโต้แย้งความเป็นพระเจ้าของพระเยซูและความผูกพันของพระองค์กับพระตรีเอกภาพ, ถูกประณามโดยสังคายนานีเซียในปี 325 และสังคายนาคอนสแตนติโนเปิลในปี 381 สังคายนาทั้งสองนี้ได้ประกาศถึงหลักคำสอนเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพทั้งผ่านการเทศนาและความศรัทธา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 มีบทพิธีกรรมซึ่งอ้างอิงถึงหลักคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพ มีการตัดสินใจในปี 800 ให้มีพิธีมิสซาฉลองพระตรีเอกภาพ โดยให้เฉลิมฉลองในวันอาทิตย์ใดก็ได้ แต่การตัดสินใจนี้ถูกคัดค้านเพราะพระตรีเอกภาพได้รับการถวายเกียรติอยู่แล้วทุกวันอาทิตย์ ในท้ายที่สุด พระสันตปาปายอห์นที่ 22 จึงได้ทรงกำหนดให้มีการสมโภชพระตรีเอกภาพทั่วพระศาสนจักรสากลในปี 1334

 
คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกกล่าวว่า “พระตรีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว เราไม่ได้กล่าวว่ามีพระเจ้าสามองค์ แต่เป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวในสามพระบุคคล: … พระบุคคลศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แบ่งปันความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่กันและกัน แต่แต่ละพระบุคคลเป็นพระเจ้า อย่างครบถ้วนสมบูรณ์” (253)
 
พระคัมภีร์ยังนำเสนอภาพพระตรีเอกภาพด้วย บางคนที่อ่านแล้วแต่ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพในข้อความเหล่านี้ ข้อที่ยกมาในที่นี้ไม่ใช่เป็นการพิสูจน์ถึงพระตรีเอกภาพ แต่เป็นเพียงเบาะแสช่วยให้เรารู้เท่านั้น
 
1. แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพวกเรา …” (ปฐมกาล 1:26) พระเจ้าตรัสถึงพระองค์เองเป็นพหูพจน์โดยใช้คำว่า “พวกเรา” ในตอนต้นของปฐมกาล มีคำใบ้อยู่แล้วว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ลำพัง แต่ทรงอยู่ในการมีส่วนร่วมของพระบุคคล
 
2. ในพันธสัญญาเดิม คำทั่วไปที่ใช้เรียกพระเจ้าคือ Elohim (เอโลฮีม) เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าคำนี้อยู่ในรูปพหูพจน์ "Gods" แต่คำนี้มีความหมายเป็นเอกพจน์ (เหมือนกับคำว่า news, mathematics and acoustics ในภาษาอังกฤษ) ดังนั้นจึงน่าสนใจที่คำสำคัญคำหนึ่งสำหรับพระเจ้าในพันธสัญญาเดิมนั้นเป็นพหูพจน์แต่เป็นเอกพจน์
 
3. “และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่ [อับราม] อับรามเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าเขา … เขาวิ่งออกจากประตูกระโจมไปพบพวกเขา และก้มกราบลงกับพื้นและกล่าวว่า ‘พระเจ้าของข้าพเจ้า(My Lord) หากท่านโปรดปรานข้าพเจ้า โปรดอย่าผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ไปเลย ข้าพเจ้าจะให้เขาเอาน้ำมาล้างเท้าท่าน เชิญท่านพักผ่อนใต้ต้นไม้นี้เถิด …’ พวกเขาจึงพูดว่า ‘จงทำตามที่ท่านพูดเถิด’” (ปฐมกาล 18:1-5) จากมุมมองทางไวยากรณ์,นี่เป็นข้อความที่ยากมากเพราะมันสลับไปมาระหว่างการอ้างอิงเอกพจน์และพหูพจน์ พระเจ้า Lord (เอกพจน์) ปรากฏต่ออับราม แต่อับรามมองเห็นชายสามคน บางคนอ้างว่าทั้งสามคนเป็นทูตสวรรค์สององค์กับพระเจ้า จากนั้นเมื่ออับรามพูดกับ “พวกเขา” เขาพูดว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า My Lord” (เอกพจน์) ไวยากรณ์ที่น่าสับสนยังคงดำเนินต่อไปเมื่ออับรามแนะนำว่าพระเจ้า Lord (เอกพจน์) "พวกท่าน yourselves" (พหูพจน์) จะได้พักผ่อนที่ใต้ต้นไม้ พหูพจน์หรือเอกพจน์ … มันคืออะไร? เป็นทั้งคู่. พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียว และพระเจ้าเป็นสามพระบุคคล
 
4. “พระเจ้าทรงประทับอยู่กับโมเสสที่นั่นและทรงประกาศพระนามของพระองค์, ' Lord พระเจ้า' ดังนั้นพระเจ้าทรงผ่านไปข้างหน้าโมเสสและทรงร้องว่า '‘เราเป็นพระยาห์เวห์,พระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา…'” (อพยพ 34:5) เมื่อพระเจ้าทรงประกาศพระนามของพระองค์,พระองค์ประกาศพระนามสามครั้ง: “เราเป็นพระยาห์เวห์! … พระเจ้าผู้เมตตา,พระเจ้าผู้กรุณา” 
 
5. อิสยาห์ได้ยินทูตสวรรค์กล่าวว่า “ศักดิ์สิทธิ์,ศักดิ์สิทธิ์,ศักดิ์สิทธิ์,พระยาห์เวห์จอมจักรวาล” (อิยาห์ 6:1-3) ศักดิ์สิทธิ์,ศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง บางคนบอกว่านี่เป็นเพียงวิธีของชาวยิวที่จะพูดถึงสิ่งที่ “ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง”,แต่ในฐานะคริสตชน,นี่เป็นคำใบ้อีกประการหนึ่งถึงพระตรีเอกภาพ
 
6. มีการอ้างอิงถึงพระตรีเอกภาพในพระธรรมใหม่ พระเยซูตรัสว่า “เรากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยอห์น 10:30) และเมื่อพระเยซูกำลังเสด็จสู่สวรรค์, พระองค์ตรัสกับอัครสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปใหัเขา เดชะพระนามพระบิดา,พระบุตรและพระจิต” (มัทธิว 28:19)
 
พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียว (name) และพระเจ้าทรงเป็นสามพระบุคคล (พระบิดา,พระบุตรและพระจิต)
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น