วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พระเมตตาต่อผู้ป่วยโรคเอดส์

 

โดย ป. พระราชินีแห่งสากลโลก จากหนังสือ พลมารีสาร กันยายน 2003
 
พลมารีบ้านโนนแฝก วัดนักบุญเปโตร เยี่ยมผู้ป่วยโรคเอดส์ อายุ 27 ปี ประวัติของเธอ พ่อเสียชีวิตแล้ว แม่ก็ไม่ได้อยู่กับลูก เธออาศัยอยู่บ้านป้า ป้าต้องรับภาระเลี้ยงดู ญาติของเธอได้มาบอกให้ฟังว่า มีผู้ป่วยหนักและยากจน เงินไม่มีจะซื้อโลง ขอโลงให้เธอด้วย ดิฉันได้รับปากกับญาติที่มาขอโลงจะจัดการต่อโลงให้
 
หลังจากนั้นเราพลมารีได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยและสวดภาวนา ครั้งแรกผู้ป่วยนอนหันหลังไม่พูดด้วย ได้พูดคุยและให้กำลังใจ ทำให้เธอมีกำลังใจดีขึ้น เพราะพลมารีไม่รังเกียจผู้ที่เป็นโรคนี้ ยินดีที่จะรับใช้และจะมาเยี่ยมบ่อยๆ และทุกครั้งที่มาเยี่ยมผู้ป่วย จะหยิบสายประคำขึ้นมาร่วมสวดภาวนากับพวกเรา ใบหน้ายิ้มดีใจ ลุกขึ้นนั่งได้ พลมารีได้นำรูปแม่พระเหรียญอัศจรรย์ผูกไว้ที่ข้อมือพร้อมด้วยกางเขน เธอได้เอาสายประคำพันกับไม้กางเขน และจับแน่นไว้ ได้หาหนังสือศรัทธาให้อ่าน แนะนำให้สวดภาวนาง่ายๆ เช่น พระเยซูลูกรักพระองค์ 1 พันครั้ง และสวดสายประคำพระเมตตา สายประคำแม่พระบอกว่า แม่จ๋าลูกรักแม่
 
หลังจากที่เธอสิ้นใจแล้ว ไปดูสมุดเล่มหนึ่งซึ่งเธอชอบบันทึก พบว่าเธอจะพยายามสวด ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน การสวดภาวนา การไปเยี่ยม ทำให้อาการดีขึ้นมากในระยะหนึ่ง
 
เธอจะนั่งมองมาทางหน้าบ้านเหมือนรอคอยผู้ที่จะมาพูดคุยด้วย และแล้วอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ไอและเหนื่อยมาก พูดน้อยลง แต่เวลาที่พลมารีไปสวดภาวนา เธอจะมองด้วยสายตาที่น่าสงสาร มือจับไม้กางเขนพันด้วยสายประคำไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อยู่ที่หน้าอก มีอยู่วันหนึ่ง จำได้ว่า ที่โรงเรียนจัดงานวันแม่สนุกสนาน พลมารี 2 คน คือประธานและเลขา เป็นห่วงเธอมากเพราะต้องนอนอยู่คนเดียว ฝนก็ตกหนัก ฟ้าร้อง จึงพากันมาสวดภาวนาและเป็นเพื่อน บางวันป้าเขาเอาน้ำหรือนมกล่องมาวางไว้ และป้าก็ไปทำงาน เธอต้องอยู่ตามลำพัง แต่ในระยะสุดท้ายพลมารีได้นำเด็กๆไปนั่งรอบๆ เตียงใกล้ชิด และสวดภาวนา เธอบอกว่าเธอชอบเด็กๆที่มาสวดและขอให้มาอีก เมื่ออาการหนักมากและไอ ต้องนอนอยู่ในมุ้ง
 
ก่อนที่พระจะยกไป 3 - 4 วัน เธอได้บอกป้าที่ดูแลให้มาเรียกเลขาพลมารี(คือแม่ครู)ให้มาใกล้ๆเธอ และพูดอย่างดีใจมากด้วยเสียงไพเราะว่า หนูดีใจมาก แม่พระได้มาหาพร้อมทั้งถือช่อดอกไม้สวยงามมา ยิ้มมองดูหนู หนูมีความสุขและดีใจมาก พวกเราพลมารีจะตั้งใจสวดภาวนาและอยู่ใกล้ชิดไม่แสดงอาการรังเกียจ
 
และต่อมา เว้นหนึ่งคืน ถามเธอว่าแม่พระมาหาอีกหรือเปล่า เธอตอบว่าแม่พระไม่ได้มา แต่หนูดีใจมาก พระเยซูเจ้ามา พร้อมทั้งแสงสว่างมาก เหมือนรูปพระเมตตา และมีเทวดาองค์ใหญ่ 2 องค์ มาข้างๆพระองค์
 
รุ่งขึ้นวันต่อมา เธอมีอาการหนักมาก หายใจเหนื่อยและปวดขามาก จึงได้ส่งเด็กที่มาสวดให้กลับบ้านไปก่อน ดิฉันและประธานอยู่เฝ้ากันถึง 4 ทุ่ม และได้กลับไปตี 2 ป้าเขาโทรศัพท์ไปแจ้งว่า พระยกเธอไปแล้ว ก่อนจะสิ้นใจ สติดีบอกให้ญาติสวดอีก สวดอย่าหยุด และอ่านพระคัมภีร์ให้ฟังจนสิ้นใจอย่างสงบ มือกำกางเขนไว้แน่นแกะไม่ออก
 
จากสมุดที่เธอได้บันทึกถึงเพื่อนว่า เวลานี้ตัวฉันไปหาหมอตรวจรู้ว่าเป็นโรค HIV โรคที่สังคมรังเกียจ ซึ่งครั้งหนึ่งได้ผิดพลาดไปแล้ว ใครจะรังเกียจเราก็ไม่โกรธเคืองเขาหรอก แต่เวลานี้เราดีใจมากที่ได้พบความรักของพระเยซูเจ้าที่สวมกอดอยู่ตลอดเวลา และเธอขอบคุณผู้ที่ไม่รังเกียจเธอ คือป้าที่เลี้ยงดูเธอมาในยามที่เจ็บป่วย และขอบคุณพลมารีที่ไม่รังเกียจ เขามาเยี่ยม มาสวดภาวนา เป็นกำลังใจให้ดีสม่ำเสมอ เขาจะไม่ลืม
 
ชีวิตของ มารีอา สุกัญญา น่าสงสาร พ่อตาย ครอบครัวแตกแยก ต้องมีชีวิตที่โดดเดี่ยว หลงทางไประยะหนึ่ง แต่เมื่อเขาพบพระเยซูเจ้า และแม่พระ เขาก็สำนึกผิดขอโทษ กลับใจ เตรียมตัวอย่างดี
 
ชีวิตของมารีอา สุกัญญา เป็นตัวอย่างที่ดีมากในด้านความสำนึกยอมรับความผิด ขอโทษพระ รักพระเยซูเจ้า และ แม่พระ มีความกตัญญู เจ็บป่วยทรมานใช้โทษบาปก่อนจะสิ้นใจ พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ประจักษ์มาให้เขาเห็น เป็นตัวอย่าง เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าคนที่รักพระรักแม่พระ กลับใจจริงๆจะได้พบพระตั้งแต่อยู่ในโลกนี้แล้ว แม่พระนำช่อดอกไม้มาให้ มารับไปอยู่กับแม่ โดยที่พระเยซูเจ้าได้เมตตาสงสารเสด็จมาให้เห็น เปรียบว่าพระองค์รักผู้ที่สำนึกผิด ให้อภัยและรับไปสรรเสริญพระองค์ในสวรรค์
 
การทำงานของพลมารี ไปเยี่ยมสวดภาวนาประมาณ 30 กว่าครั้ง)
 
ซ. เทเรซา บุญรอด ประธาน , ซ. อังเยลา ลักษณี ผู้บันทึก (เลขา)
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น