เราต้องสารภาพว่าเรามีความผูกพันเป็นพิเศษกับการประจักษ์ของแม่พระกุหลาบทิพย์และสาส์นของพระนาง ในเมืองมอนติชิอารี ประเทศอิตาลี
ในปี 2024 วาติกันได้รับรองการประจักษ์ของแม่พระกุหลาบทิพย์ ว่าเป็นความจริงเชื่อถือได้
แต่บัดนี้พระศาสนจักรได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว: ในวันจันทร์ (14/4/25) พระคาร์ดินัลวิกเตอร์ มานูเอล เฟอร์นันเดซ ผู้เป็นประธานด้านหลักคำสอนแห่งความเชื่อ ได้ทำพิธีเสกอวยพรพระรูปปั้น “แม่พระ กุหลาบทิพย์” ที่นครวาติกัน
แม้ว่าจะอยู่ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์!
พระรูปนี้ได้รับบริจาคจากพระสันตปาปาฟรังซิส และถูกประดิษฐานอยู่ในอาสนวิหารใกล้กับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในสวนวาติกัน
เรื่องราวของการประจักษ์: ในฤดูใบไม้ผลิปี 1947 นางพยาบาลชื่อเปียรินา กิลลิ(Pierina Gilli) มีประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนขณะสวดภาวนาในโบสถ์ของโรงพยาบาลท้องถิ่นในเมืองมอนติชิอารี(Montichiari) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโรมไปทางเหนือประมาณ 320 ไมล์ นับตั้งแต่มีการประจักษ์มาของแม่พระ รูปปั้นแม่พระกุหลาบทิพย์(Rosa Mystica)ก็ได้หลั่งน้ำตาไปทั่วโลก
เราได้ไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ในปี 1991 และรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าในตอนนั้นมีป้ายประกาศขนาดใหญ่ติดอยู่ที่โบสถ์ที่ เปียรีน่าเข้าไปสวดภาวนา ประกาศนั้นบอกว่าการประจักษ์ถูกประณาม,มันเป็นคำตัดสินอย่างเป็นทางการมาหลายทศวรรษแล้ว,ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก
แต่เวลานี้มันเป็นเรื่องที่กลับกันโดยสิ้นเชิง
การประจักษ์: พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มาในแสงสว่างสดใสที่งดงาม ทรงสวมอาภรณ์สีม่วงอ่อนและทรงเศร้าโศกมาก มีน้ำตาไหลนองพื้น เปียรีนาสังเกตเห็นว่าพระแม่มารีย์ถูกแทงด้วยดาบสามเล่ม ดาบเล่มแรกหมายถึง การประกอบพิธีมิสซาและศีลมหาสนิทอย่างไม่เหมาะสม ดาบเล่มที่สองหมายถึง ความไม่ซื่อสัตย์และการละทิ้งกระแสเรียกของพระสงฆ์หรือนักบวช และดาบเล่มที่สามหมายถึง การทรยศต่อความเชื่อ พระแม่มารีย์ทรงขอให้“สวดภาวนา, ถวายเครื่องบูชา และทำกิจชดเชยบาป” เหล่านี้คือคำพูดเริ่มต้นของพระนาง
แต่จะมีพระดำรัสตามมาอีกมากมายอย่างมีนัยสำคัญ
ในระหว่างการประจักษ์ครั้งที่สี่ พระแม่มารีย์ตรัสว่า“พระเยซูเจ้าไม่สามารถทนดูบาปร้ายแรงมากมายที่ขัดต่อความบริสุทธิ์ได้อีกต่อไป พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะส่งการลงโทษมาอย่างท่วมท้น แม่ได้วิงวอนขอให้พระองค์ทรงพระเมตตาอีกสักครั้ง! ดังนั้น แม่จึงขอให้มีการสวดภาวนาและการชดเชยใช้โทษบาปเหล่านี้”
Pierina Gilli
เปียรีนาตอบรับคำขอของพระแม่มารีย์ด้วยความเต็มใจว่า “ได้ค่ะ” และพระแม่มารีย์ก็ตรัสเสริมว่า“แม่ขอร้องต่อพระสงฆ์ทั้งหลายด้วยความรักให้แสดงความรักอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาและหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ทำบาปเหล่านั้น ใครก็ตามที่ชดใช้บาปเหล่านั้น จะได้รับพระพรและพระหรรษทานของแม่”
ครั้งหนึ่งเปียรีนาถามแม่พระเกี่ยวกับการให้อภัย,พระแม่มารีย์ตรัสว่า“ใช่ ตราบใดที่บาปเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นอีกต่อไป” นั่นคือสิ่งที่ชัดเจน และตรัสพระดำรัสเหล่านี้แล้ว พระแม่มารีย์จึงได้จากไป
การลงโทษอันเลวร้ายสำหรับสิ่งที่สังคมกระทำในปี 1947 เป็นอะไร?
เมื่อเปรียบเทียบปี 1947 กับปัจจุบันนี้
พระแม่มารีย์เริ่มประจักษ์แก่เปียรีนาอีกครั้งในปี 1966 คราวนี้ทรงประจักษ์ที่ฟอนตาเน่(Fontanelle) ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นเวลานานหลายปี ในวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉลองสำคัญของแม่พระ พระแม่มารีย์ทรงชี้ให้เปียรีนาเห็นน้ำพุแห่งหนึ่งซึ่งจะเป็นสถานที่แห่งการชำระล้างและเป็นแหล่งที่มาแห่งพระหรรษทาน ในช่วงต้นปี 1966 งานสร้างพระวิหารบนพื้นที่ดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้น โดยไม่ใช่เป็นโบสถ์แต่เป็นอัฒจันทร์แบบเปิดโล่ง ด้านหนึ่งมีโบสถ์น้อยสำหรับประกอบพิธีมิสซา อีกด้านหนึ่งมีโบสถ์น้อยหลังที่สองซึ่งเล็กกว่าล้อมรอบน้ำพุซึ่งถูกบ่งชี้โดยแม่พระในการประจักษ์
ในระหว่างการประจักษ์เหล่านี้ เด็กแห่งฟาติมาผู้ล่วงลับไปแล้วคือ ฟรังซิสโก และยาซินทา มาร์โต ก็ประจักษ์มาด้วย
ในปี 1975 สาส์นของแม่พระมีดังต่อไปนี้: “ดังที่ลูกจะเห็นได้ด้วยตนเองว่า ความเย่อหยิ่งของมนุษย์ทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของพระศาสนจักร พวกเขาต้องการขับไล่แม่ซึ่งเป็นมารดาออกจากพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ และขับไล่แม่ออกจากดวงใจของเด็กๆ”
ทำไมจึงทรงมีพระดำรัสเช่นนี้,ในเวลาที่เราไปเยือนที่นั่น, มีบิชอปท่านหนึ่งได้ปฏิเสธเรื่องนี้?
แม้ว่าสิ่งนั้นจะถูกเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่
ในปี 1947 พระแม่ตรัสกับเปียรีน่าในครั้งหนึ่งว่า“แม่ได้เตรียมพระหรรษทานจำนวนมากมายสำหรับบรรดาเด็กๆทุกคนที่ฟังวาจาของแม่และเก็บรักษาไว้ในใจของพวกเขา” และพระนางทรงรับรองกับเปียรีนาว่าพระนางจะกลับมาในเวลาที่เหมาะสมเมื่อความลับที่มอบให้กับเธอจะถูก “เปิดเผยต่อสาธารณชนผ่านอำนาจของพระศาสนจักร”
แต่เรายังไม่เคยได้ยินเลยว่าความลับนั้นคืออะไร
[แหล่งข้อมูล: หนังสือThe Final Hour ]
************************



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น