"ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้น และทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก” (มัทธิว 12:42)
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการแสวงหาปรีชาญาณคือความเกียจคร้าน หรือความเฉื่อยชา การทำให้จิตใจหมกมุ่นอยู่กับสิ่งไร้สาระนั้นเป็นเรื่องง่าย หลายคนใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งดูโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์พกพา จนเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์ ความกระตือรือร้นในพระเจ้าและการแสวงหาความจริงแห่งความเชื่อจะต้องเป็นวิธีเยียวยาความเกียจคร้านและความเฉื่อยชาในชีวิตของเรา เราต้องเพิ่มพูนความปรารถนาที่จะแสวงหาพระปรีชาญาณของพระเจ้าในตัวเรา เราแสวงหาปรีชาญาณนี้ได้จากที่ไหน? ปรีชาญาณก็คือองค์พระเยซูนั่นเอง เราจงเรียนรู้จากพระวาจาที่พระเยซูตรัสไว้มากมายในพระวรสาร เรายังอาจแสวงหาปรีชาญาณได้จากพระคัมภีร์และหนังสือเสริมศรัทธาต่างๆ เช่น ประวัตินักบุญ เป็นต้น
วันนี้ จงใคร่ครวญถึงการเดินทางอันยาวนานของพระราชินีองค์นี้ในการแสวงหาปัญญาของโซโลมอน แล้วพิจารณาว่าเราได้แสดงความกระตือรือร้นเช่นเดียวกับที่พระนางมีหรือไม่ และเราอุทิศตนเพื่อการแสวงหาปัญญาของพระเจ้ามากเพียงใด ให้พระวาจาของพระเยซูเป็นแรงบันดาลใจให้เรา พระเยซูทรงยิ่งใหญ่และทรงปรีชาญาณยิ่งกว่าโซโลมอนอย่างหาที่สุดมิได้ และเราได้รับโอกาสให้เข้าถึงพระองค์อย่างเต็มที่ผ่านการอธิษฐานภาวนาและการเรียนรู้ ถ้าเราจะแสวงหาและ ติดตามพระเจ้าด้วยความมุ่งมั่น วันพิพากษาของเราจะเป็นวันแห่งความรุ่งโรจน์ ไม่เหมือนพวกธรรมาจารย์และฟาริสี
"ปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง" (ยก. 3:13-18)
************************

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น