วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

พระเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณ

 

“พระเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณ ดังนั้นเมื่อจิตวิญญาณพร้อมด้วย “พลังทั้งหมด” ของจิตวิญญาณ “รู้จักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ รัก และชื่นชมพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม เมื่อนั้นจิตวิญญาณก็จะเข้าถึงศูนย์กลางที่ลึกที่สุดที่พระองค์จะเข้าถึงได้”
 
นักบุญเอลิซาเบธแห่งตรีเอกานุภาพ – I. สวรรค์ในศรัทธา – วันที่สอง – การอธิษฐานครั้งแรกและครั้งที่สอง ข้อ 5-8 หน้า 3-4
 
“5. “อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ภายในท่านทั้งหลาย” (ลูกา 17:21) เมื่อไม่นานมานี้ พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เรา “ดำรงอยู่ในพระองค์” (เอเฟซัส 1:18) ให้ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณในมรดกอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบัดนี้พระองค์ทรงเปิดเผยแก่เราว่าเราไม่จำเป็นต้องออกจากตัวเราเพื่อจะพบพระองค์ “อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ภายใน!”... นักบุญยอห์นแห่งกางเขนกล่าวว่า “ในแก่นสารของจิตวิญญาณ ซึ่งมารหรือโลกไม่สามารถเข้าถึงได้” พระเจ้าทรงมอบพระองค์เองให้กับจิตวิญญาณนั้น “การเคลื่อนไหวทั้งหมดจึงเป็นของพระเจ้า และถึงแม้จะมาจากพระเจ้า แต่ก็เป็นของจิตวิญญาณด้วย เพราะพระเจ้าทรงกระทำการเหล่านั้นในจิตวิญญาณและร่วมกับจิตวิญญาณนั้น”
 
6. นักบุญคนเดียวกันนี้ยังกล่าวอีกว่า “พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณ ดังนั้นเมื่อจิตวิญญาณพร้อมด้วย” “กำลังทั้งหมด” ของ “จะรู้จักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ รักและชื่นชมพระองค์อย่างเต็มที่ เมื่อนั้นจิตวิญญาณนั้นจะเข้าถึงศูนย์กลางที่ลึกที่สุดที่สามารถเข้าถึงได้ในพระองค์” ก่อนที่จะบรรลุถึงสิ่งนี้ จิตวิญญาณได้ “อยู่ในพระเจ้าผู้ทรงเป็นศูนย์กลาง” แล้ว “แต่ยังไม่ถึงศูนย์กลางที่ลึกที่สุด เพราะมันยังสามารถไปได้ไกลกว่านั้นอีก เนื่องจากความรักคือสิ่งที่รวมเราเข้ากับพระเจ้า ยิ่งความรักนี้เข้มข้นมากเท่าไหร่ จิตวิญญาณก็ยิ่งเข้าสู่พระเจ้าอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่พระองค์มากขึ้นเท่านั้น”
 
เมื่อจิตวิญญาณ “มีความรักแม้เพียงระดับเดียว จิตวิญญาณก็อยู่ในศูนย์กลางแล้ว” แต่เมื่อความรักนี้บรรลุความสมบูรณ์ จิตวิญญาณจะซึมซาบเข้าสู่ศูนย์กลางที่ลึกที่สุด ณ ที่นั้น จิตวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นเหมือนพระเจ้าอย่างแท้จริง” สำหรับจิตวิญญาณที่อยู่ภายในนี้ สามารถกล่าวถ้อยคำของบาทหลวงลาคอร์แดร์ที่กล่าวกับนักบุญมารีย์ มักดาลา ว่า “อย่าทูลขอพระอาจารย์จากคนทั้งบนแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นจิตวิญญาณของท่าน และจิตวิญญาณของท่านคือพระองค์”
 
7. “จงรีบลงมาเถิด เพราะวันนี้เราต้องพักอยู่ในบ้านของท่าน” (ลูกา 19:5) พระอาจารย์ทรงย้ำถ้อยคำนี้ซ้ำๆ กับจิตวิญญาณของเรา ซึ่งครั้งหนึ่งพระองค์เคยตรัสกับศักเคียสว่า “จงรีบลงมาเถิด” แต่การเสด็จลงมาที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากเรานี้คืออะไร นอกจากการลงลึกเข้าไปในห้วงลึกภายในของเรา? การกระทำนี้ไม่ใช่ “การแยกตัวจากสิ่งภายนอก” แต่เป็น “ความสันโดษทางวิญญาณ” คือการปลีกตัวจากทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า
 
8. “ตราบใดที่เจตนารมณ์ของเรายังมีจินตนาการที่แปลกแยกจากความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ความคิดที่ตอนนี้ใช่ ตอนนี้ไม่ เราก็ยังเป็นเหมือนเด็กๆ เราไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยก้าวใหญ่ในความรัก เพราะไฟยังไม่เผาผลาญโลหะผสมทั้งหมด ทองคำยังไม่บริสุทธิ์ เรายังคงแสวงหาตนเอง พระเจ้ายังไม่ทรงเผาผลาญ” ความเป็นปรปักษ์ทั้งหมดของเราที่มีต่อพระองค์ แต่เมื่อหม้อต้มเดือดได้เผาผลาญ “ความรักที่ไม่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง ความโศกเศร้าที่ไม่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง ความกลัวที่ไม่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง” “เมื่อนั้นความรักก็จะสมบูรณ์ และวงแหวนทองคำแห่งพันธมิตรของเราก็ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์และโลก นี่คือห้องใต้ดินลับที่ความรักวางผู้ถูกเลือกสรรของพระองค์ไว้” “ความรักนำเราไปตามวิถีทางที่พระองค์เท่านั้นที่รู้จัก และพระองค์ทรงนำเราโดยไม่หันหลังกลับ เพราะเราจะไม่หวนกลับ” (Ruysbroeck)”
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น