สวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์
คนในครอบครัวของฉันมักพูดวิจารณ์พระสงฆ์เสมอ ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็ก คุณพ่อของฉันและทุกคนในบ้าน
เคยพูดวิจารณ์พระสงฆ์ว่า “พระสงฆ์สุขสบายกว่าพวกเรา... พวกเขาเป็นอย่างนั้น พวกเขาเป็นอย่างนี้....” เราเคยพูดอย่างนี้บ่อยๆ
พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับฉันด้วยเสียงดังจนเกือบจะเป็นการตะโกนว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร จึงทำตัวเป็นพระเจ้าและตัดสินคนของเรา? พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นมนุษย์
และเราได้ให้ความศักดิ์สิทธิ์แก่พวกท่านเพื่อประโยชน์ของชุมนุมชน นี่เป็นสิ่งที่เรามอบให้เป็นพระพร และชุมนุมชนนั้นต้องสวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์ รักท่านและสนับสนุนท่าน” พวกคุณอาจจะรู้บ้างว่า เมื่อพระสงฆ์หกล้ม
บรรดาคนในชุมชนนั้นต้องช่วยเหลือท่านในด้านความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ปีศาจเกลียดชังคริสตชนคาทอลิกยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์ มันเกลียดชังพระศาสนจักรของเรามาก
เพราะพระศาสนจักรมีพระสงฆ์ผู้ยอมอุทิศชีวิตของท่าน
ฉันขอพูดประโยคนี้ว่า
พวกคุณทุกคนรู้ว่าพระสงฆ์ก็คือมนุษย์ผู้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อพระเยซูคริสตเจ้า พระบิดานิรันดรทรงรับรองพวกท่าน เพื่อที่ท่านจะได้ทำอัศจรรย์ในการเสกแผ่นปังให้กลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า โดยอาศัยมือของพระสงฆ์
จึงได้มีพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าได้......และเพราะมือเหล่านี้เอง ปีศาจจึงเกลียดพระสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง มันน่ากลัวยิ่งนัก
ปีศาจเกลียดชังพวกเราคาทอลิกก็เพราะศีลมหาสนิทนี้เอง เพราะศีลมหาสนิทเปิดประตูสวรรค์
และเป็นเพียงประตูเดียวเท่านั้นที่ไปสู่สวรรค์ ปราศจากศีลมหาสนิท ไม่มีใครสามารถไปสวรรค์ได้ เมื่อคนใดโศกเศร้า พระเป็นเจ้าทรงมาอยู่เคียงข้างเขาในศีลมหาสนิท ด้วยความเชื่อของเขา พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์และตรัสแก่เขาด้วยความรักและพระเมตตาว่า
“เราเป็นพระเจ้าของลูก”
และเมื่อคนใดวอนขออภัยต่อพระองค์
มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่ยากจะอธิบายได้
ในทันที,พระเยซูเจ้าทรงนำวิญญาณผู้นั้นไปยังโบสถ์ที่กำลังประกอบพิธีมิสซาในเวลานั้น
และให้เขาได้รับพระหรรษทานการอภัยบาปและรับศีลมหาสนิท เป็นเวลาแห่งความลึกลับ เพราะผู้ที่รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้าแล้วจึงจะสามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ นี่เป็นเรื่องที่ลึกลับมาก
นี่เป็นพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ที่เรามีในพระศาสนจักรคาทอลิก พระหรรษทานที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่พระศาสนจักรของเรา และยังมีหลายคนที่ยังพูดร้ายแก่พระศาสนจักรอีก
โดยทางพระศาสนจักรนี่แหละที่พวกเขาได้รับความรอดและไปสู่ไฟชำระ
ที่นั่นพวกเขายังคงได้รับประโยชน์ต่อไปจากพระหรรษทานของศีลมหาสนิท พวกเขาได้รับความรอดแล้ว เพราะเหตุนี้
ปีศาจจึงเกลียดชังพระสงฆ์เป็นอย่างมาก
เพราะที่ไหนที่มีพระสงฆ์
ที่นั่นมีมือที่เสกปังและเหล้าองุ่น
ทำให้กลายเป็นพระพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเพื่อพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องสวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์มากๆ เพราะปีศาจมันโจมตีพระสงฆ์ตลอดเวลาพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
ศีลศักดิ์สิทธิ์
โดยอาศัยพระสงฆ์เท่านั้นที่ทำให้พวกเราได้รับศีลแห่งการคืนดี ยกตัวอย่าง
โดยทางพระสงฆ์เราได้รับการอภัยสำหรับความผิดบาปของเรา พวกคุณรู้หรือไม่ว่าการสารภาพบาปคืออะไร? มันคือ “การอาบน้ำให้แก่วิญญาณ” ไม่ใช่ด้วยน้ำและสบู่ แต่ด้วยพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เมื่อวิญญาณของฉันสกปรก ดำมืดไปด้วยบาป ถ้าฉันไปสารภาพบาป ฉันก็จะถูกชำระล้างในพระโลหิตของพระคริสต์ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังได้ทำลายเส้นลวดที่มัดฉันกับความชั่วด้วย และนั่นไม่ใช่สาเหตุหรอกหรือที่ ปีศาจ
เกลียดชังพระสงฆ์?
ผู้ที่มีบาปแม้จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด
ก็มีผู้ที่มีอำนาจที่ใหญ่กว่าสามารถลบล้างบาปนั้นได้
และพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าทำได้อย่างไร
นั่นคือในพระรอยบาดแผลในดวงพระทัยของพระองค์....ใช่แล้ว
พวกคุณรู้ไหม
มีบางอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ เพราะสิ่งนั้นเป็นความจริงฝ่ายจิต
เป็นความจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก....โดยพระรอยแผลของพระเยซูคริสตเจ้า
วิญญาณได้ถูกยกขึ้นสู่ระดับของความศักดิ์สิทธิ์ ระดับของพระเมตตา ระดับของประตูแห่งพระเมตตา วิญญาณถูกยกขึ้นสู่ดวงพระทัยของพระเยซูเจ้า สงฆ์นิรันดร
และที่นั่น
พระเยซูเจ้าทรงวางไม้กางเขนของพระองค์
ทรงหลั่งพระโลหิตในสวรรค์นิรันดร....และวิญญาณก็กลับขาวสะอาด
ฉันเห็นวิญญาณของฉันกลับขาวสะอาดในการสารภาพบาป และบาปทุกประการที่ฉันสารภาพ พระเยซูเจ้าทรงทำลายเหล็กไนที่เชื่อมโยงฉันกับซาตาน
(แต่โชคร้ายที่ฉันยังห่างไกลจากการสาร ภาพบาป)....สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านทางพระสงฆ์ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสวดภาวนาเพื่อพวกท่าน เพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงพิทักษ์รักษาป้องกันพวกท่าน ประทานความสว่างแก่พวกท่าน และทรงนำทางพวกท่าน
ด้วยสาเหตุทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้ ปีศาจจึงเกลียดชังพระศาสนจักรและพระสงฆ์
ศีลแต่งงาน
ฉันอยากพูดถึงพระหรรษทานยิ่งใหญ่ของศีลแต่งงาน เมื่อเราเข้าไปในโบสถ์ในวันที่เราแต่งงาน ขณะที่เรากล่าวคำว่า “ค่ะ” สัญญาว่าเราจะซื่อสัตย์ไปจนตลอดชีวิต ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข ไม่ว่าสุขภาพดีหรือเจ็บป่วย ฯลฯ พวกคุณรู้ไหมว่า คุณกำลังสัญญาอยู่กับใคร? กับองค์พระเป็นเจ้า พระบิดา
พระเจ้านิรันดรของเราทรงเป็นพยานในการแต่งงานของเรา เมื่อเรากล่าวคำเหล่านี้ แต่ละคน เมื่อเสียชีวิตไป
จะได้เห็นเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอนในหนังสือแห่งชีวิต เราจะได้เห็นตัวอักษรบันทึกคำสัญญาของราเป็นแสงสว่างอร่ามรุ้งเป็นสีทองพร่างพราวตา
พระเป็นเจ้า
พระบิดาทรงจารึกคำสัญญาของเราไว้ในหนังสือแห่งชีวิตเป็นอักษรสีทอง งดงามยิ่งนัก
และในขณะที่เรารับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
คู่แต่งงานได้ชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าและชิดสนิทกับคู่ของเราที่เราได้เลือกที่จะแบ่งปันชีวิตให้แก่กันและกัน
เมื่อเราประกาศคำเหล่านี้
เราได้กล่าวต่อองค์พระตรีเอกภาพพระผู้สูงสุด
ฉันได้เห็นภาพในวันแต่งงานของฉัน
เมื่อฉันและสามีรับศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เราไม่ได้เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นสาม
นั่นคือ เราสองคน และพระเยซูเจ้า ความจริงก็คือ
ทันทีที่เราติดต่อกับพระเยซูเจ้า
พระองค์ทรงรวมเราทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น
พระองค์ทรงวางเราไว้ในดวงพระทัยของพระองค์และเราก็กลายเป็นหนึ่ง
อยู่ในพระเยซูเจ้าและพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ “มนุษย์อย่าได้แยกสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงรวมไว้”
ฉันขอถามพวกคุณว่า
“ใครที่สามารถแยกความเป็นหนึ่งเดียวนี้ได้?”
พี่น้องที่รัก
ไม่มีใครสามารถแยกได้ ไม่มีใครเลย หลังจากศีลแต่งงานได้รวมคู่แต่งงานแล้ว และทั้งคู่มีความบริสุทธิ์ก่อนแต่ง
พระพรที่พระเป็นเจ้าทรงหลั่งมาให้จากศีลแต่งงานนั้นมากมายมหาศาลซึ่งคุณไม่อาจจินตนาการได้ ฉันได้เห็นศีลแต่งงานของพ่อแม่ของฉัน เมื่อคุณพ่อสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของคุณแม่ และพระสงฆ์ประกาศว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน พระเป็นเจ้าทรงรับรองการแต่งงานด้วยแสงสว่างพิเศษ คือพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ผู้ชาย เป็นพระพรจากพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าพระบิดา เพื่อที่ชายผู้นี้จะสามารถนำทางฝูงแกะน้อยๆนี้ซึ่งก็คือบรรดาลูกของเขาซึ่งจะเกิดขึ้นจากศีลแต่งงาน และเป็นการปกป้องศีลแต่งงานและลูกของเขาจากความชั่วร้ายมากมายที่จะมาโจมตีครอบครัว
สำหรับคุณแม่ พระเป็นเจ้าพระบิดาทรงวางบางอย่างไว้บนหัวใจของท่านซึ่งดูคล้ายกับลูกไฟกลม ซึ่งสวยงามอย่างยิ่ง มันเป็นความรักของพระเป็นเจ้า คือองค์พระจิตเจ้า ฉันรู้ว่าคุณแม่ของฉันเป็นคนบริสุทธิ์มาก พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยและชื่นชมยินดี คุณรู้ไหมว่าในขณะ นั้นมีจิตสกปรกมากมายพยายามมายึดคุณพ่อของฉัน จิตเหล่านี้เหมือนกับหนอนดูดเลือด คุณรู้ไหมว่าเมื่อมีบางคนที่ไปมีความสัมพันธ์นอกการแต่งงาน จิตชั่วร้ายจะพยายามโจมตีพวกเขาทันทีในทุกๆด้าน มันเริ่มต้นที่อวัยวะเพศ เนื้อหนัง ฮอร์โมน สมอง ต่อมพิจูทารี(ต่อมใต้สมอง) และประสาทสัมผัสทุกส่วนในบุคคลผู้นั้น และมันเริ่มต้นทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนมากๆเพื่อทำให้จิตสำนึกตกต่ำลง มันเปลี่ยนแปลงบุตรของพระเจ้าให้กลายเป็นทาสของเนื้อหนังมังสา เป็นทาสของสัญชาติญาณของเขาเอง ของความต้องการทางเพศ ทำให้บุคคลผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างที่พูดกันว่า หาความสุขให้กับชีวิต
แต่เมื่อคู่แต่งงานเป็นผู้บริสุทธิ์ นั่นเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระเป็นเจ้า
ความศักดิ์สิทธิ์บังเกิดขึ้นโดยพระองค์ผู้ทรงทำให้เพศเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันที่จริงเรื่องทางเพศไม่ได้เป็นบาป พระเป็นเจ้าประทานให้เป็นพระพรอย่างหนึ่ง เพราะเรื่องเกี่ยวกับเพศนั้นคือพระเป็นเจ้าและคู่แต่งงาน ในที่ซึ่งมีศีลแต่งงานร่วมอยู่ด้วย
ที่นั่นมีพระจิตเจ้า
แม้แต่ในขณะที่มีพิธีเลี้ยง
พระเป็นเจ้าก็ทรงปรากฏอยู่ทรงอวยพระพรแก่อาหาร พระเป็นเจ้าทรงปิติยินดีก่อนการแต่งงาน พระองค์ทรงพอพระทัยที่มีส่วนร่วมกับคู่แต่งงานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา
คู่แต่งงานและพระเยซูเจ้าทรงก่อให้เกิดเป็นตรีเอกภาพขึ้น
โชคไม่ดีที่คู่แต่งงานหลายคู่ไม่ทราบเรื่องนี้
พวกเขาไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้......และพวกเขาอาจไม่คิดถึงพระเป็นเจ้า
พวกเขาคิดว่าการแต่งงานเป็นเพียงพิธีอย่างหนึ่งเท่านั้นโดยหาได้มีความเชื่อไม่.....พวกเขาคิดแต่เพียงว่าจะออกจากโบสถ์และไปงานเลี้ยงกัน
เพื่อกินและดื่ม และไปฮันนีมูน.....จำไว้ว่าสิ่งนี้ยังไม่ได้เป็นความชั่ว
ความชั่วจะเกิดขึ้นเมื่อเราออกห่างจากพระเป็นเจ้า เช่นเดียวกับที่ฉันได้กระทำ ฉันละทิ้งพระเป็นเจ้าออกไปที่ท้องถนน และไม่คิดจะนำพระองค์มาอยู่ในชีวิตใหม่ของฉัน
ในบ้านใหม่ของฉัน
พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะมีส่วนร่วมกับเราในทุกสถานการณ์และอยู่กับเราตลอดกาลนาน ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข
พระองค์ปรารถนาให้เรารู้สึกว่าพระองค์ทรงปรากฏอยู่ที่นั่นด้วย....แน่นอนว่าในศีลแต่งงาน
พระองค์ทรงปรากฏอยู่แม้จะไม่ได้รับเชิญ...แต่จะเป็นสิ่งประเสริฐสักเพียงไรถ้าหากพวกเราจะตระหนักถึงการปรากฏอยู่ของพระองค์ดังที่กล่าวมาแล้วนี้
สิ่งประเสริฐอีกอย่างหนึ่งในพิธีศีลแต่งงานของพ่อแม่ของฉันก็คือ
พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรและพระหรรษทานที่คุณพ่อของฉันได้สูญเสียไปให้กลับคืนมาใหม่ เพราะท่านแต่ง งานกับคุณแม่ของฉันซึ่งเป็นผู้ที่บริสุทธิ์มาก ฉันมองดูพ่อของฉัน เห็นความประพฤติที่เกี่ยว กับทางเพศของท่านซึ่งไม่ดีเลย แต่เพราะท่านถือว่าตัวเองเป็น”ลูกผู้ชาย” และมิตรสหายของท่านได้วางยาพิษท่าน
(แนะนำสิ่งไม่ดีให้)
โดยบอกว่าอย่าให้ภรรยาเป็นใหญ่ในครอบครัว
ควรใช้ชีวิตเหมือนก่อนแต่งงาน
ดังนั้นหลังจากแต่งงานสองสัปดาห์
ท่านไปที่ทำงานแห่งหนึ่ง
และอวดเพื่อนๆว่าท่านเป็นใหญ่กว่าภรรยา....
พวกคุณรู้ไหม พระหรรษทานและอำนาจที่พระเป็นเจ้าประทานให้ท่านก็ได้สูญหายไป ปีศาจได้นำมันไปจากท่าน และเจ้าจิตสกปรกพวกนั้นก็กลับมาหาท่าน จากการเป็นผู้ดูแลฝูงแกะของท่าน
คุณพ่อได้กลายเป็นหมาป่าในครอบครัวของท่าน...ในบ้านของท่านเอง
เมื่อใครก็ตามไม่ซี่อสัตย์ต่อการแต่งงานของเขา เขาก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า เขาได้ผิดคำสาบานของเขาที่กระทำต่อพระเป็นเจ้าและต่อผู้ที่เขาแต่งงานด้วยในวันแต่งงาน
ใครที่คิดว่าจะไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่แต่งงานของตนแล้ว จงอย่าแต่งงานเลย พระเป็นเจ้าทรงบอกแก่เราว่า
“ถ้าเจ้าไม่ซื่อสัตย์
เจ้าได้สาปแช่งตัวเจ้าเอง
ถ้าเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์
ก็จงอย่าแต่งงาน ลูกชาย ลูกสาว
จงวอนขอต่อเราซึ่งพระหรรษทานที่จะซื่อสัตย์ต่อภรรยาของเจ้า ต่อสามีของเจ้า และต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด”ความชั่วร้ายมากมายเท่าไรที่จะมาสู่การแต่งงาน อันเนื่องมาจากความไม่ซื่อสัตย์ ตัวอย่างเช่น สามีซึ่งไปที่ทำงาน และไม่ซื่อสัตย์กับเลขานุการ โดยเขาไม่ระวังตัวเอง ทำให้เขาได้ติดเชื้อไวรัสจากเลขานุการ ถึงแม้จะชำระล้างตัวเองหลังจากนั้น เชื้อไวรัสก็ยังไม่ตาย....ดังนั้นเมื่อเขาไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาตนเอง เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ภรรยาของตนด้วย โดยภรรยาของตนไม่ทราบ เมื่อภรรยารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อเชื้อโรคลุกลามมากแล้วในปีต่อมา ซึ่งตรวจพบได้ในเวลาที่ไปพบแพทย์ และแพทย์แจ้งให้ทราบว่าเธอเป็นมะเร็ง ใช่แล้ว มะเร็ง ใครล่ะที่บอกว่าการเป็นชู้สาวไม่ฆ่าใคร? ร้ายกว่านั้น การทำแท้งเกิดขึ้นมากสักเท่าไรอันมีสาเหตุจากการเป็นชู้สาว? ภรรยาที่ต้องทำแท้งเพราะสามีนอกใจ มีจำนวนมากมายนัก พวกเธอต้องฆ่าทารกผู้บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือป้องกันตัวเอง การนอกใจได้ฆ่าคนมากมาย เรายังจะกล้าที่จะเดินขบวนเรียกร้องให้ทำแท้งอย่างถูกกฏหมายได้หรือ? มันเป็นการแข็งขืนต่อพระเป็นเจ้า เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เมื่อมีปัญหา เมื่อล้มเจ็บลง เป็นสิ่งที่เราสมควรได้รับเพราะบาปของเราเองมิใช่หรือ? เบื้องหลังบาปมีปีศาจชั่วร้ายอยู่เสมอ เราได้เปิดประตูให้กับมัน แล้วเรายังคงต่อว่าพระเจ้าว่าไม่ทรงรักเรา พระเจ้าอยู่ที่ไหน ทำไมจึงทำให้เกิดสิ่งนี้ สิ่งนั้น? เราเป็นบ้าไปหรืออย่างไร? จงรู้เถิดว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นศิลาที่ปกป้องการแต่งงาน วิบัติแก่ผู้ที่พยายามทำลายศีลแต่งงาน เมื่อใครที่พยายามทำลาย เขาจะชนเข้ากับศิลานี้คือพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้าทรงต่อสู้ป้องกันศีลแต่งงาน อย่าได้สงสัยเลย
ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ เรื่องของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ หรือ
แม่ยายกับลูกเขย
ที่ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างพวกเขา
สิ่งที่เราควรทำคือสวดภาวนาให้กันและกัน
และอย่าไปใส่ใจหรือเคืองโกรธกัน
เคารพเชื่อฟังบิดามารดา
พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง.....ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังถึงความอกตัญญูของฉันต่อพ่อแม่ของฉัน ฉันรู้สึกละอายใจต่อพวกท่านเหลือเกิน
ฉันพูดไม่ดีกับพวกท่านและไม่ยอมรับพวกท่านเพียงเพราะท่านยากจนและไม่สามารถให้ทุกสิ่งแก่ฉันเหมือนกับเพื่อนๆที่ร่ำรวยของฉันได้รับจากพ่อแม่ของเขา ฉันช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียนี่กระไร จนถึงกับเคยพูดว่า ท่านไม่ใช่แม่ของฉัน เพราะท่านมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน
ผู้หญิงที่ไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้านั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก เธอทำลายทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่แย่มาก นั่นก็คือฉันยังคงรู้สึกว่า ฉันเป็นคนดี
ฉันคิดว่าฉันได้ปฏิบัติตามบัญญัติประการที่
4 นี้เป็นอย่างดีแล้ว
เพราะฉันได้ใช้จ่ายเงินเพื่อท่านมากมายในตอนที่ท่านเจ็บป่วย
เพราะก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั้นท่านล้มป่วยอาการหนักมาก สามีของฉันเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
แล้วฉันยังพูดอีกว่า “ดูสองคนนี้สิ พวกเขาไม่ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอะไรไว้ให้ลูกๆเลย
แต่ลูกยังต้องจ่ายเงินทองเป็นค่ารักษาให้อีก พ่อแม่ของเพื่อนๆ ยังจากไปดีกว่าและ.....” พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็น
ถึงการที่ฉันตัดสินทุกอย่างด้วยเงินทอง
เพราะฉันทำเช่นนี้แม้แต่พ่อแม่ของฉันเอง
ในเวลาที่ฉันมีเงินและอำนาจอยู่แล้ว
ฉันก็ยังคิดจะหาประโยชน์จากพวกท่านอีก
ด้วยเงินทองที่มีอยู่ ฉันทำตัวเป็นพระเจ้า และฉันดูถูกแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง
พวกคุณทราบไหมว่าอะไรทำให้ฉันเศร้าเสียใจมากที่สุด?....ก็คือการเห็นพวกท่านอยู่ที่นั่น......คุณพ่อของฉันกำลังร้องไห้ ท่านเป็นพ่อที่ดี ท่านสอนลูกให้รู้จักทำงาน รู้จักต่อสู้ชีวิต ให้เข้ากับคนอื่น ให้รู้จักรับผิดชอบ
เพราะคนที่ทำงานจึงจะก้าวหน้า.....แต่ฉันลืมสิ่งที่ท่านสอนซึ่งสำคัญที่สุด นั่นคือ ฉันมีจิตวิญญาณ และท่านรู้ว่าท่านต้องเป็นประกาศกของฉัน ด้วยการเป็นพยานและด้วยแบบอย่างที่ดี แต่ท่านหาได้ทำอย่างดีไม่ เวลานี้ท่านเห็นฉันกำลังจมดิ่งลง ท่านเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้สึกรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้า ท่านเคยพูดโอ้อวดกับคุณแม่และทุกคนว่า ท่านเป็น
“ลูกผู้ชาย” เต็มตัว
เพราะมีผู้หญิงหลายคนมาติดพันท่าน
ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังเคยดื่มสุราและสูบหรี่ ท่านเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่ก็มีข้อเสียด้วยซึ่งท่านไม่รู้ตัวเองและยังคิดว่าสิ่งนั้นเป็นความดีอย่างหนึ่ง ท่านยังภูมิใจด้วยซ้ำ
ในตอนที่ฉันเป็นเด็กเล็กๆและเห็นแม่ของฉันร้องไห้เมื่อคุณพ่อพูดถึงผู้หญิงคนอื่น ฉันรู้สึกโกรธฝังใจ ความฝังใจนั้นทำให้จิตวิญญาณของฉันตายไป
ฉันรู้สึกโกรธจัดเมื่อเห็นคุณพ่อเยาะเย้ยคุณแม่ต่อหน้าคนอื่น
ท่านทำให้คุณแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากมายทีเดียว...ส่วนคุณแม่นิ่งเงียบไม่พูดเลยสักคำเดียว ทำให้ฉันเริ่มต้นเป็นกบฏต่อครอบครัว
เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ฉันเคยพูดกับแม่ว่า “ฉันจะไม่ทำเหมือนคุณแม่ คุณแม่ทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิงถูกเหยียบย่ำ ทำให้ผู้หญิงไร้ค่า ความผิดทั้งหมดมาจากผู้หญิงอย่างคุณแม่นี่แหละ สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสียความภูมิใจ ได้รับการดูถูกจากผู้ชาย” ส่วนคุณพ่อของฉัน ฉันเคยพูดกับท่านว่า “คุณพ่อ ฟังดีๆนะ ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายมาทำกับฉันเหมือนที่คุณพ่อทำกับคุณแม่หรอก ถ้าวันใดผู้ชายไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะทำเช่นเดียวกันนั้นบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้” คุณพ่อตะโกนใส่ฉันว่า “แกกล้าดีอย่างไร เจ้าเด็กน้อย?” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงมีอคติมากเช่นนั้น ฉันตอบท่านว่า “โอเค คุณพ่อจะตีฉันก็ได้....แต่ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน และสามีหลอกลวงฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะตอบแทนเขาด้วยการกระทำแบบเดียวกัน ผู้ชายจะได้รู้และเข้าใจและมีประสบการณ์ว่าผู้หญิงเป็นทุกข์มากแค่ไหน เมื่อผู้ชายดูถูกและเยาะเย้ยเธอแบบนั้น” ฉันพกพาความเกลียดและความฝังใจเอาไว้ในใจ สิ่งนี้ทำให้ฉันเป็นกบฏ ฉันคิดที่จะกระทำสิ่งที่เป็นการปกป้องผู้หญิง ฉันสนับสนุนการทำแท้ง การหย่าร้าง การทำการุณยฆาต และฉันแนะนำผู้หญิงทุกคนที่รู้จักว่า อย่ายอมผู้ชายถ้าเขาหลอกลวงเธอ ตัวฉันเองไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ฉันทำร้ายผู้คนมากมายด้วยการให้คำแนะนำเช่นนั้น
เมื่อฉันมีฐานะที่ดีขึ้น ฉันเริ่มบอกกับแม่ว่า “คุณแม่ แยกตัวจากพ่อเถอะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้
รู้จักมีศักดิ์ศรีให้คุณค่ากับตัวเองบ้างนะแม่” แต่ถึงแม้คุณพ่อจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันก็ยังชอบท่าน ฉันรักท่านถึงแม้ท่านจะเป็นแบบนั้น? เพราะคุณแม่ท่านเป็นคนดีจริงๆ
ท่านไม่เคยสอนลูกให้เกลียดพ่อหรือเกลียดคนอื่นเลย.....ส่วนฉัน คิดดูเถอะ
ฉันต้องการให้พ่อแม่หย่ากัน
แต่คุณแม่บอกว่า “ไม่ แม่ไม่ทำ เป็นความจริงที่แม่เป็นทุกข์ แต่แม่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อลูก พ่อของลูกเป็นคนดี
แม่ไม่สามารถแยกไปอยู่คนเดียวและทำให้ลูกขาดพ่อได้หรอก และถ้าแม่แยกไปแล้วใครจะสวดภาวนาให้พ่อเพื่อที่เขาจะได้รับความรอดล่ะ?
มีแต่แม่ที่จะวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อคุณพ่อ ความจริงความทุกข์และความเจ็บปวดที่คุณพ่อทำกับแม่นั้น
แม่ได้ถวายสิ่งเหล่านั้นเข้ากับความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ทุกวันแม่จะไปที่โบสถ์
เมื่ออยู่เบื้องหน้าพระแท่นแม่จะสวดภาวนาว่า “พระเยซูเจ้า
ลูกขอถวายความเจ็บปวดนี้เข้ากับพระมหาทรมานของพระองค์ เพื่อที่สามีและลูกๆจะได้รับความรอด” แม่ได้มอบพ่อของลูกให้แก่พระเยซูเจ้า และสวดสายประคำ ปีศาจดึงพ่อให้ตกต่ำลงด้วยบาป แต่แม่ดึงพ่อกลับขึ้นมาด้วยสายประคำ
แม่ดึงพ่อขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระแท่นและแม่พูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า เขาอยู่ที่นี่แล้ว
ลูกเชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่ให้ลูกสิ้นใจก่อนที่จะได้เห็นเขากลับใจ พระเยซูเจ้าข้า ลูกไม่ได้สวดภาวนาเพื่อสามีของลูกเท่านั้น
แต่สวดภาวนาเพื่อผู้หญิงอื่นๆซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผู้หญิงที่ไม่คุกเข่าวอนขอต่อพระองค์เพื่อสามีของเขาและลูกๆของเขา แต่กลับไปพึ่งพาไสยศาสตร์หรือหมอดูหรือสิ่งอื่นๆซึ่งเป็นสิ่งหลอกลวง
อันเป็นการนำครอบครัวของเขาให้ไปสู่อุ้งมือของปีศาจ พระเยซูเจ้าข้า
ลูกสวดภาวนาสำหรับผู้หญิงเหล่านี้และครอบครัวเหล่านี้”เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ฉันเคยพูดกับแม่ว่า “ฉันจะไม่ทำเหมือนคุณแม่ คุณแม่ทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิงถูกเหยียบย่ำ ทำให้ผู้หญิงไร้ค่า ความผิดทั้งหมดมาจากผู้หญิงอย่างคุณแม่นี่แหละ สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสียความภูมิใจ ได้รับการดูถูกจากผู้ชาย” ส่วนคุณพ่อของฉัน ฉันเคยพูดกับท่านว่า “คุณพ่อ ฟังดีๆนะ ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายมาทำกับฉันเหมือนที่คุณพ่อทำกับคุณแม่หรอก ถ้าวันใดผู้ชายไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะทำเช่นเดียวกันนั้นบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้” คุณพ่อตะโกนใส่ฉันว่า “แกกล้าดีอย่างไร เจ้าเด็กน้อย?” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงมีอคติมากเช่นนั้น ฉันตอบท่านว่า “โอเค คุณพ่อจะตีฉันก็ได้....แต่ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน และสามีหลอกลวงฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะตอบแทนเขาด้วยการกระทำแบบเดียวกัน ผู้ชายจะได้รู้และเข้าใจและมีประสบการณ์ว่าผู้หญิงเป็นทุกข์มากแค่ไหน เมื่อผู้ชายดูถูกและเยาะเย้ยเธอแบบนั้น” ฉันพกพาความเกลียดและความฝังใจเอาไว้ในใจ สิ่งนี้ทำให้ฉันเป็นกบฏ ฉันคิดที่จะกระทำสิ่งที่เป็นการปกป้องผู้หญิง ฉันสนับสนุนการทำแท้ง การหย่าร้าง การทำการุณยฆาต และฉันแนะนำผู้หญิงทุกคนที่รู้จักว่า อย่ายอมผู้ชายถ้าเขาหลอกลวงเธอ ตัวฉันเองไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ฉันทำร้ายผู้คนมากมายด้วยการให้คำแนะนำเช่นนั้น
และแปดปีก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต คุณพ่อของฉันได้กลับใจ
ท่านสำนึกผิดและวอนขออภัยโทษต่อพระเป็นเจ้า และพระเยซูเจ้าทรงอภัยให้ท่าน ท่านได้ไปอยู่ในไฟชำระส่วนที่ลึกที่สุด ทนทรมานแสนสาหัสเพื่อชดใช้โทษบาปของท่าน การใช้โทษบาปเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ค่อยตระหนักอย่างจริงจังเท่าไรนัก เราไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้
พระเยซูเจ้าทรงประทานพระหรรษทานในการชดใช้โทษในบาปความผิดของเราโดยผ่านทางศีลมหาสนิท ทุกๆครั้งที่เราไปร่วมพิธีมิสซา
พระเป็นเจ้าจะทรงแสดงให้พวกเราเห็นหลังจากที่เราเสียชีวิต บาปต่างๆของเรา ความชั่วที่เราทำต่อเพื่อนมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
คำพูดที่ไม่ดี.....ถ้าหากเราได้เห็นความน่ากลัวของโทษของบาปที่เราทำ เราจะร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
ในกรณีของคุณพ่อของฉัน
คุณแม่เคยบอกคุณพ่อให้ตักเตือนพี่ชายของฉันให้ละทิ้งชีวิตในบาปที่เขากำลังทำอยู่เสีย เพราะเขากำลังดำเนินรอยตามคุณพ่อ นั่นคือความไม่ซื่อสัตย์
การดื่มสุรา....ถ้าคุณพ่อยอมทำตามที่คุณแม่แนะนำ นี่จะเท่ากับเป็นการชดใช้โทษบาปของท่านได้ แต่ท่านไม่ได้ทำและพูดแต่เพียงว่า เด็กๆเขาสนุกเล่นเท่านั้น ไม่ได้เอาจริง
และเขาก็จะเปลี่ยนไปเองในภายหลัง
คุณพ่อเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่พี่ชายของฉัน แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเลย ในไฟชำระ ท่านร้องไห้และพูดว่า “ข้าพเจ้าได้รับความรอดโดยอาศัยการสวดภาวนาเป็นเวลาถึง
38 ปี ของผู้หญิงที่พระองค์ทรงประทานมาให้เป็นคู่ของข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณพระองค์” แม่ของฉันสวดภาวนานานถึง 38 ปีเพื่อคุณพ่อ_____________________________________________________________________
(To be continue)
ขอบคุณท่แบ่งปันค่ะ เป็นสิ่งท่ดี ากๆ เลย ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ตอบลบ