วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดร.กลอเรีย โปโล (ตอนที่ 7)

พระบัญญัติประการที่หก  - อุลามก,การคบชู้, ทำผิดประเวณี
ด้วยความเย่อหยิ่ง  ฉันคิดว่า ฉันไม่มีทางทำผิดบาปประการนี้ได้เด็ดขาด  เพราะฉันไม่เคยนอก ใจ  ฉันมีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยม
และในความเป็นจริง  หลังจากแต่งงานแล้ว  ฉันไม่เคยให้ใครจูบเลย  นอกจากสามีของฉัน  แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็นว่าฉันดูแลร่างกายของฉันมากเกินไป  เมื่อฉันชอบอวดทรวงอก  ใช้ถุงเท้ายาวแนบผิว  สวมใส่เสื้อผ้าอย่างที่ใช้อยู่....เพราะฉันคิดว่าพวกผู้ชายจะมองฉันและนิยมชมชอบ...แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านั้นได้ทำบาปต่อฉันอย่างไร  แทนที่พวกเขาจะรู้สึกนิยมชมชอบฉันอย่างที่ฉันคิด  พวกเขากลับถูกกระตุ้นทางเพศ  ฉันได้ทำบาปเป็นต้นเหตุของความลามกเพราะได้อวดร่างกายของฉัน  ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกอ่อนไหวของเพศชาย  ฉันเพียงแต่คิดว่าพวกเขาชอบฉัน  เมื่อมองดูฉันพวกเขาจะพูดว่า “รูปร่างสวยอะไรเช่นนี้”  แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับทำบาปเพราะความผิดของฉัน  ฉันไม่เคยเป็นชู้กับชายใด  แต่ฉันกลับทำผิดประเวณีฝ่ายจิตใจ  ยิ่งไปกว่านั้น  ฉันหาข้ออ้างให้กับตัวเอง   ถ้าสามีของฉันไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน  หรือผู้หญิงอื่นที่พบว่าสามีของตนเองไม่ซื่อสัตย์  ฉันจะให้คำแนะนำว่า “อย่าโง่ไปเลย  อย่าให้อภัย  แสดงคุณค่าของคุณให้เขาเห็น  เพราะอย่างนี้แหละที่ทำให้ผู้ชายดูถูกผู้หญิง  ดังนั้นต้องไม่ยอม”  รู้ไหมว่า  ด้วยคำแนะนำเช่นนี้  ฉันและเพื่อนบางคนได้ทำให้เพื่อนหญิงคนหนึ่งต้องแยกทางกับสามีของเขา  เพราะเธอบังเอิญไปเห็นสามีกำลังจูบกับเลขาในที่ทำงานของเขา  พวกเราได้แนะนำเธอไม่ให้ยกโทษ  ทั้งๆที่สามีได้วิงวอนของอภัยต่อเธอ  และเธออยากจะให้อภัยเขาเพราะเธอยังรักเขา  แต่เป็นพวกเราผู้ให้คำแนะนำต่างหากที่ไม่ยอมให้อภัย  ในที่สุดทั้งสองก็หย่ากัน  และสองปีต่อมาเพื่อนหญิงคนนี้ก็แต่งงานใหม่กับชายชาวอาร์เจนตินา  พวกคุณเข้าใจหรือยัง?  เมื่อฉันให้คำแนะนำแบบนี้  ฉันก็ได้มีส่วนในบาปทำผิดประเวณีด้วย  พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็น  และฉันก็เห็นอย่างชัดเจนว่าบาปของเนื้อหนังนั้นน่ารังเกียจสักเพียงไร  เพราะเท่ากับมนุษย์ได้สาปแช่งตนเอง  ถึงแม้ว่าโลกจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจก็ตาม
ตลอดชีวิตของฉัน  ฉันมีผู้ชายเพียงคนเดียว  คือสามีของฉัน  แต่ยังมีบาปทางความคิด , คำพูดและการกระทำด้วย  เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ได้เห็นว่าบาปและการทำผิดประเวณีของคุณพ่อของฉันมีผลกระทบร้ายแรงต่อลูกๆมากสักเพียงไร  สำหรับตัวของฉันเอง มันได้เปลี่ยนฉันให้เป็นคนกระด้าง  ฉันรู้สึกเจ็บใจผู้ชาย   ในขณะที่พี่ชายของฉันได้เลียนแบบพ่อของฉัน  ผู้ชายภูมิใจมากนักหรือในความเป็นผู้ชายของเขา?  พวกเขาดูถูกผู้หญิง  ดื่มสุรา  และไม่ตระหนักว่าเขาได้ทำร้ายลูกๆของเขา  เพราะเหตุนี้คุณพ่อของฉันจึงร้องไห้ด้วยความขมขื่นในไฟชำระ  เมื่อได้เห็นผลของบาปของเขาและพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาซึ่งกลายเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ
เราสาปแช่งตัวเราเอง ด้วยการกระทำผิดประเวณี  เพราะมันแสดงว่าเรามีชีวิตเหมือนกับสัตว์  เช่น หนู  สุนัข...ที่นี่และที่นั่น...           

พระบัญญัติประการที่เจ็ด – อย่าลักขโมย
การพูดใส่ความนินทาคือการลักขโมย  ฉันเคยพูดว่าฉันไม่เคยขโมยของๆใคร  ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์  แต่ความจริงฉันได้ขโมยของจากพระเป็นเจ้า  พระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นมา  ฉันเกิดมาเพื่อช่วยทำให้โลกดีขึ้น  และมีส่วนร่วมกับพระองค์ในการขยายอาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้  แต่นอกจากฉันจะไม่ได้ทำแล้ว  ฉันยังได้ให้คำแนะนำที่เลวและทำลายคนเป็นจำนวนมากที่มาหาฉัน  ฉันไม่รู้วิธีที่จะใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่ฉัน  เพราะฉะนั้นจึงเท่ากับฉันได้ลักขโมย  ฉันลักขโมยอย่างแน่นอน!  คนกี่คนแล้วที่ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของพวกเขา  ฉันได้กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่น  คุณไม่รู้หรอกว่าบาปอันเนื่องจากลิ้นของเรานั้นมันเลวร้ายมากสักเพียง ไร!....และมีวิธีใดที่จะแก้ไขความผิดประการนี้ได้....
จะแก้ไขชื่อเสียงของคนที่เราทำลายให้กลับคืนมาได้อย่างไร  หลังจากที่เราได้กระซิบบอกผู้อื่น  ด้วยการพูดใส่ความนินทา?  จะต้องทำอย่างไรจึงจะนำชื่อเสียงของคนเหล่านั้นกลับคืนมาได้?  ใช่แล้ว  เป็นเรื่องที่ยากมาก  ด้วยเหตุนี้ในไฟชำระ  คนที่ทำความผิดด้วยคำพูด จึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมาก  เกือบทุกคนต้องเคยใช้ลิ้นในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น  ด้วยการทำลาย  และปกป้อง  ด้วยการทำลายชื่อเสียงของคนอื่น  ลิ้นเหล่านี้  เมื่อตกลงไปในไฟชำระ  ได้รับความทุกข์แสนสาหัส  พวกเขาถูกเผาไหม้!!!  ถูกเผาไหม้อย่างไร  คุณนึกไม่ถึงหรอก!  พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันรู้ว่า  เราหลอกตัวเองอย่างไรเมื่อเราพิพากษาผู้อื่น  ตัวอย่างเช่น  ในขณะที่เรามองดูหญิงขายบริการด้วยความเหยียดหยาม  แต่พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรเธอด้วยความรักและพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุด  พระองค์ทรงเห็นภายในจิตใจของเธอ  ทรงรู้ถึงชีวิตทั้งหมดของเธอ  และทรงทราบว่าอะไรที่ชักนำเธอให้มาเป็นหญิงขายบริการ  พวกคุณอาจรู้มาบ้างว่า   สาเหตุที่ทำให้เธอมาทำงานประเภทนี้ก็เพราะบาปของพวกเรา  เพราะการดูถูกเหยียดหยามของเรา  และเพราะการขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา  มีใครบ้างที่ยื่นมือออกไปช่วยหญิงขายบริการเหล่านั้น?  หรือเราคอยแต่จับผิดคนอื่น?  เราเอาแต่พิพากษาผู้อื่นและมองดูข้อผิดพลาดของคนอื่น  แล้วก็ตำหนิติเตียนเขา  เมื่อเรามองเห็นบางคนทำสิ่งผิดพลาด  อย่างน้อยเราควรปิดปากของเรา  ขอให้เราคุกเข่าและสวดภาวนาเพื่อเขาเถอะ  ในเวลาที่เราไม่สามารถทำอะไรได้  แต่พระเป็นเจ้าทรงทำได้  ขอให้เราอย่าได้พิพากษาพวกเธอเลย  มิฉะนั้น  เราเองนั่นแหละที่จะมีบาปมากกว่าพวกเธอ  แน่นอนว่า  เราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้กลับคืนสู่ความถูกต้องได้  หรือถ้าเรามีส่วนในการผยแพร่ด้วยการพูดใส่ความนินทา  ด้วยการโกหก  ด้วยการตัดสินผู้อื่น  การทำเช่นนี้เท่ากับเราขโมยสันติสุขไปจากเพื่อนบ้านของเรา  จงระวังตัวไว้เถิด  เพราะการโกหกก็คือการโกหกเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่  แดงหรือขาว  การโกหกเป็นความผิดเสมอ  และบิดาแห่งการโกหกคือซาตาน
ในกรณีของฉัน  ฉันโกหกไปมากมาย แล้วได้อะไร?  ชีวิตของฉันถูกเปิดเผยอย่างหมดสิ้นภายใต้แสงสว่างของพระเป็นเจ้า...  แล้วพวกคุณล่ะ?...แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า  ในอีกมิติหนึ่งนั้น  ไม่มีใครที่จะออกมาโต้แย้งแทนหรือออกคำสั่งคุณได้...ที่นั่น  มีแต่เพียงมโนธรรมของคุณกับพระเป็นเจ้า
ในการพิพากษาของฉัน  พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นั่นด้วย  เพื่อดูการพูดโกหกของฉัน  แต่คุณแม่ของฉันไม่ได้กล่าวหาอะไรฉันเลย  ท่านเพียงแต่มองดูฉันด้วยความอ่อนโยนเท่านั้น  การพูดโกหกที่เลวร้ายของฉันคือการโกหกต่อตนเองเมื่อฉันพูดว่าฉันไม่ได้ฆ่าใคร  ฉันไม่ได้ขโมยของใคร  ฉันเป็นคนดี  ฉันไม่เคยทำความชั่วแก่ผู้ใด  พระเป็นเจ้าไม่มีอยู่จริง  และฉันควรจะไปอยู่ในสวรรค์เหมือนคนอื่น  ช่างน่าอับอายยิ่งนัก  ฉันเริ่มรู้ตัวแล้วในตอนนี้
พระเยซูเจ้ายังทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า  ขณะที่อาหารในบ้านของฉันถูกทิ้ง  แต่ในบ้านของคนอื่นในโลกนี้ยังมีผู้หิวโหย  พระองค์ตรัสกับฉันว่า “มองดูสิ  เรากำลังหิวโหย  และดูสิ่งที่เราได้ประทานแก่เจ้าเถิด  เจ้าทิ้งอาหารไปเสียเปล่า  แล้วเจ้าได้ทำอะไร  เจ้าเป็นทาสของแฟชั่น  เป็นทาสของคำพูดที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเจ้า  เจ้าซื้อสินค้ามีชื่อเสียง  ซื้อเครื่องเพชรพลอย  เจ้าใช้เงิน 150,000 เปโซในการฉีดยาเพื่อทำให้รูปร่างผอมบาง  เจ้าเป็นทาสของร่างกายของเจ้าเอง...เจ้าใช้จ่ายเงินทองเพื่อทำให้รูปร่างสวยงาม  แต่คนจำนวนมากไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่  หรือไม่มีอะไรจะกิน  หรือไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ

.......พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นภาพพี่น้องที่หิวโหยของฉัน  และฉันต้องมีความรับผิดชอบช่วยเหลือผู้หิวโหยเหล่านี้ซึ่งอยู่ในประเทศของฉันเองและประเทศอื่นๆในโลกนี้...เพราะพวกเราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน!  และพระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันได้ทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้  เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อฉันพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนบางคน  คนผู้นั้นต้องสูญเสียงานซึ่งเป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัวของเขา  ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของเขาไป  และหลังจากนั้น  ฉันจะแก้ไขชื่อเสียงของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างไร?  พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า  การนำเงินที่ถูกขโมยกลับคืนมานั้นยังเป็นการง่ายกว่า  เพราะเราอาจให้เงินของเราเองทดแทนได้  ซึ่งเท่ากับเป็นการแก้ไขบาป  แต่เมื่อคุณขโมยชื่อเสียงของใครไปด้วยการพูดนินทาว่าร้าย  ใครจะสามารถแก้ไขชื่อเสียงของคนผู้นั้นให้กลับคืนมาได้..อย่างไรเล่า?  คุณทำความผิดต่อเขามากยิ่งนัก ทั้งในด้านการงาน  หรือในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น  อาจทำให้การแต่งงานถูกทำลายไปได้  ช่างเป็นความชั่วยิ่งนัก!    เป็นความชั่วยิ่งนัก!    
และฉันยังได้ขโมยจากลูกๆของฉัน  พระหรรษทานที่พวกเขาควรจะได้แม่ที่อ่อนโยน  อ่อนหวาน  ที่รักพวกเขาและอยู่กับเขาที่บ้าน...แทนที่จะเป็นเช่นนั้น...แม่กลับออกไปนอกบ้าน  ทิ้งลูกให้โดดเดี่ยวอยู่กับ  “แม่”  ซึ่งเป็นทีวี   และ “พ่อ”  ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์และวีดีโอเกมส์....และฉันยังคงเชื่อว่าฉันเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ  ฉันออกจากบ้านเวลา 5.00 น.ในตอนเช้าและไม่กลับบ้านก่อน 23.00 น.

         เพื่อทำให้มโนธรรมไม่ติเตียน  ฉันจะซื้อของแบรนด์เนมและของทุกอย่างที่ลูกต้องการมาให้พวกเขา

ฉันตกใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพ.........คุณแม่ของฉันกำลังถามตัวเองว่าได้ทำผิดพลาดอะไรบ้าง...ท่านควรทำหรือไม่ควรทำอะไรเพื่อการศึกษาของฉัน ท่านเป็นผู้หญิงที่ศักดิ์สิทธิ์มาก  ท่านปลูกฝังสิ่งสำคัญที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าให้แก่พวกเรา  และคุณพ่อของฉันก็เป็นผู้ชายที่ดีที่อยู่กับพวกเรา  ดังนั้นฉันจึงพูดกับตัวเองว่า “แล้วฉันจะเป็นอย่างไร  ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อลูกๆเลย? ฉันถามตัวเอง  ฉันจะเป็นอย่างไร  เมื่อพระเป็นเจ้าจะทรงพิพากษาฉันในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก?  ช่างน่ากลัวนี่กระไร! ช่างน่าเศร้าใจนี่กระไร! ฉันได้ขโมยสันติสุขไปจากลูกๆของฉัน  เวลานี้ฉันได้เห็นในหนังสือแห่งชีวิตของฉันแล้ว  ฉันรู้สึกอับอายยิ่งนัก....ในหนังสือแห่งชีวิต  เราจะได้เห็นชีวิตทั้งหมดของเราเหมือนกับภาพยนตร์  มันช่างเจ็บปวดเมื่อได้เห็นลูกๆพูดว่า “หวังว่าแม่จะกลับมาช้า  หวังว่าการจราจรจะติดทำให้แม่มาช้า  เพราะแม่นั้นน่าเบื่อ  ไม่น่ารักเลย  เมื่อกลับมาบ้านก็มักจะบ่นและตะโกนด่าว่าตลอดทั้งวัน!  น่าเศร้าใจเหลือเกิน  เด็กๆอายุสามขวบและอีกคนที่อายุมากกว่า พูดเช่นนี้  พวกเขาหวังว่าแม่จะไม่กลับมาบ้าน  ฉันได้ขโมยสันติสุขจากพวกเขาซึ่งฉันควรจะมอบให้พวกเขาที่บ้าน  ฉันไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย  พวกเขาควรรู้จักพระเป็นเจ้าจากฉันและทำให้พวกเขารักเพื่อนบ้าน  แต่ตรงกันข้าม  ฉันไม่อาจให้สิ่งที่ฉันไม่มีได้  ฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน  และถ้าฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน  ฉันก็ไม่ได้รักพระเป็นเจ้าด้วย  เพราะพระเป็นเจ้าคือความรัก
การพูดโกหกก็เป็นการลักขโมยด้วย  ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี  รู้ไหม? เพราะซาตานกลายมาเป็นบิดาของฉัน  แท้จริง  คุณสามารถมีพระเป็นเจ้าเป็นบิดา  หรือมีซาตานเป็นบิดาก็ได้  ถ้าพระเป็นเจ้าคือความรัก  และฉันมีความเกลียดชัง  แล้วใครล่ะที่เป็นบิดาของฉัน?  ถ้าพระเป็นเจ้าสอนฉันให้ยกโทษและรักผู้ที่ทำร้ายฉัน  แต่ฉันกลับพูดว่า “คนที่ทำเช่นนั้นกับฉันจะต้องชดใช้”  ฉันมีใจอาฆาต  เป็นคนพูดโกหก  และในเมื่อซาตานเป็นบิดาแห่งการโกหก  เช่นนั้นใครคือบิดาของฉันล่ะ?  การโกหกคือการโกหก  และซาตานก็เป็นบิดาของเรื่องนี้  บาปของลิ้นที่โกหกนั้นน่ากลัวมาก  ฉันได้เห็นความชั่วทุกอย่างที่ฉันได้ทำโดยใช้ลิ้นของฉัน   เมื่อฉันวิจารณ์คนอื่น  ดูถูกเหยียดหยาม  ตั้งชื่อเล่นให้บางคนเพื่อเย้ยหยัน  และผู้หญิงที่ฉันตั้งชื่อเล่นให้นั้นจะรู้สึกอย่างไร  ฉันเพียงต้องการเย้ยหยันเธอและทำให้เธอรู้สึกวุ่นวายใจเท่านั้น  แต่มันสามารถทำลายชีวิตของเธอได้  มีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง  ฉันได้ล้อเลียนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้วนมาก  ทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง  และเพราะคำพูดของฉัน  ทำให้เธอปลิดชีวิตตนเอง
ฉันขอเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง  ขณะที่ฉันอายุ 13 ปี  ฉันอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงเล็กๆกลุ่มหนึ่ง  และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในกลุ่มนี้....เพราะเป็นกลุ่มผู้หญิงที่เก่งและเชี่ยวชาญ  พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่า  การอยู่ในกลุ่ม “ผู้หญิงเก่ง” นี้เป็นอย่างไร  มันได้ทำลายจิตใจของเพื่อนในโรงเรียน  ในชั้นของฉันมีเด็กผู้หญิงที่อ้วนมากคนหนึ่ง  และเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็พูดล้อเลียนเธอ  เรียกเธอด้วยชื่อที่ตลก  เช่น  แมวน้ำอ้วน, ช้าง และชื่ออื่นๆ  พวกเราล้อเธอ  และฉันก็ทำด้วยเพื่อจะได้ไม่อยู่นอกกลุ่ม  และเวลานี้  ในหนังสือแห่งชีวิต  ฉันได้เห็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นเศร้าหมองเพราะความอ้วนของเธอ  เธอมองดูตัวเองในกระจกเงา  ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นว่าตนเองน่าเกลียด  เธอเริ่มเกลียดพวกเรา  และเกลียดตัวเองด้วย  ยิ่งนานวันเธอยิ่งเกลียดตัวเอง  และความเกลียดคือความตาย  มันเป็นความตายของวิญญาณ  ภายใต้เงาแห่งความสิ้นหวัง  วันหนึ่งเด็กหญิงผู้นี้ได้ดื่มขวดยาไอโอดิน  โดยหวังว่ามันจะช่วยลดความอ้วนได้  แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?  รู้ไหมว่าในที่สุดเป็นอย่างไร?  เธอเกือบตาบอด  เธอได้รับยาพิษอย่างแรงและเกือบตาบอด  ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้กลับไปโรงเรียนอีกเลย  พวกเราไม่สนใจเมื่อรู้ข่าวนี้  พวกเราไม่ได้เห็นเธออีกเลย  และพวกเราก็ไม่สนใจว่าเป็นเพราะเหตุใด!
พี่น้องทั้งหลาย  ฉันขอบอกพวกคุณ  บาปที่เราทำมากมายนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก  ร้ายแรงที่สุด  เพราะมันเป็นบาปของเราโดยเฉพาะ  บาปของบรรดาเด็กหญิงเหล่านั้น  เป็นบาปของพวกเรา  เป็นบาปของสังคมซึ่งก็คือบาปของพวกคุณด้วย  เพราะคุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น  และนี่เป็นเรื่องจริงสำหรับมนุษย์ทุกคน  ไม่ใช่เฉพาะแต่ละบุคคลเท่านั้น  เพราะนั่นคือการที่คุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
อำนาจของคำพูด....! พวกเราได้ทำลายเด็กหญิงผู้นั้น  ด้วยการตั้งชื่อเล่นให้เธอ  ปีศาจจึงได้เข้าสู่จิตใจและทำลายเธอ  และเธอก็กระทำตอบแทนด้วยการทำลายคนอื่นด้วยความเกลียดชังของเธอ  ด้วยวิธีนี้กระแสแห่งความชั่วได้ก่อตัวขึ้นและขยายตัวออกไป  ที่ใดที่มีความเกลียด  ที่นั่นมีความชั่ว  นี่เป็นวิธีที่เราได้ทำฆาตกรรมเพื่อนๆในโรงเรียนของเรา  เราได้ฆ่าวิญญาณของเธอ
ยี่สิบปีต่อมา...ฉันมีหลานสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง  ฉันสอนเธอให้คำปรึกษาในเรื่องการแต่งกายของเธอ  ทำอย่างไรจึงจะทำให้ร่างกายดูดีด้วยการใช้เครื่องสำอาง  เป็นต้น  วันหนึ่ง  เธอถูกไฟเผาไหม้อย่างรุนแรงถึง 70 % ของร่างกาย  มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเผาไหม้  แต่มันรุนแรงมากจนอาจทำให้ตายได้
ฉันเริ่มว้าวุ่นและรู้สึกขุ่นเคืองพระเป็นเจ้า  ฉันเข้าไปในโบสถ์น้อยของโรงพยาบาลและพูดว่า “พระเจ้า  ถ้าพระองค์มีอยู่จริง  จงพิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ  พิสูจน์ว่าพระองค์มีอยู่จริง  จงช่วยเธอ”  มองดูความเย่อหยิ่งของฉันสิ  ในที่สุด  หลานสาวของฉันก็รอดชีวิต  แต่เธอมีรอยไหม้ทั่วตัว  มือก็ผิดรูปไป....และที่น่าเศร้าก็คือ  ในตอนนั้นฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักทางการเงิน  วันหนึ่งฉันเดินไปพร้อมกับหลานสาว  เมื่อมาถึงสระว่ายน้ำและฉันนำตัวเธอลงน้ำ  คนทุกคนในสระต่างประท้วงและพูดว่า  “ทำไมไม่อยู่กับเธอที่บ้าน?  เธอจะทำลายวันหยุดพักผ่อนของเรา”
พวกเขาต่างพูดแบบนี้เมื่อเห็นเธอ  คนเลวและเห็นแก่ตัว  เมื่อพวกเขาพูดด้วยความเห็นแก่ตัวเช่นนี้  ทำให้หลานสาวของฉันไม่ต้องการออกจากบ้านอีก  เธอกลัวผู้คน  และในที่สุดเธอก็เกลียดพวกเขา (กลอเรียร้องไห้)...พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า  เมื่อเราแต่ละคนดูถูกเยาะเย้ยพี่น้องเพื่อนมนุษย์ของเรา  โดยปราศจากความสงสาร  คุณมีสิทธิอะไรที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์โศกเศร้า  ด้วยการตั้งชื่อเล่น หรือล้อชื่อ  โดยไม่ตระหนักว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร?  คุณมีสิทธิอะไรที่กระทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนั้น?  พระเป็นเจ้าจะทรงให้คุณเห็นการที่คุณได้ทำฆาตกรรมคนจำนวนมากเพียงไรด้วยคำพูดของคุณ  คุณจะได้เห็นอำนาจอันน่ากลัวของคำพูดที่ได้ฆ่าวิญญาณ
ถ้าเพียงแต่ฉันไปอยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท  และวอนขอพระหรรษทานเพื่อปลอบประโลมใจหลานสาวของฉัน  พระเป็นเจ้าจะทรงเยียวยาจิตวิญญาณของหลานสาวของฉัน  เพราะพวกเราอยู่ในความรักของพระเป็นเจ้า  และเมื่อเราปิดประตูให้กับความชั่ว  พระองค์ก็จะทรงเปิดประตูแห่งการอวยพรให้กับเรา  เมื่อพระเยซูเจ้าทรงยกตัวอย่างบัญญัติสิบประการให้แก่ฉัน  พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า  เมื่อฉันพูดว่าฉันรักและนมัสการบูชาพระเป็นเจ้า  ด้วยวาจา  แต่แท้จริงแล้วฉันบูชาซาตานต่างหาก  ฉันวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องและทุกคน  และทุกคนชี้นิ้วมาที่ฉัน....นี่หรือคือ  ”กลอเรียผู้ศักดิ์สิทธิ์”...พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า  เมื่อฉันพูดว่าฉันรักพระเป็นเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์  แต่ฉันกลับทำความชั่วและอิจฉาริษยาเพื่อนมนุษย์.....พระองค์ทรงให้ฉันเห็นว่า  ฉันไม่ได้กตัญญูรู้คุณบิดามารดา  และฉันไม่เคยแม้แต่จะพูดขอบคุณท่านในการที่ท่านช่วยฉันให้ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน  ฉันไม่ได้ขอบคุณสำหรับการเสียสละและการลงแรงช่วยเหลือที่ท่านได้ทำเพื่อฉันเลย...ในทันทีที่ฉันเริ่มทำงาน  พ่อแม่ก็อยู่นอกสายตาของฉัน...ฉันต้องละอายใจต่อคุณแม่ของฉันเป็นพิเศษ  เพราะท่านยากจนและถ่อมตนมาก  ดูความบ้องตื้นของจิตใจนี้เถิด
               พระเป็นเจ้าทรงวิเคราะห์ชีวิตทั้งหมดของฉัน  ภายในแสงสว่างแห่งพระบัญญัติสิบประการ  พระองค์ทรงทำให้ฉันเห็นว่า ฉันปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไร  และปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไร

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับสำหรับการแปลที่ยอดเยี่ยมมาก และเนื้อหาที่ดีมากมาก ทำให้เราเข้าใจถึงพระบัญญัติพระเจ้าในแบบที่เป็นชีวิตจริง

    ตอบลบ