ด้วยความเย่อหยิ่ง ฉันคิดว่า ฉันไม่มีทางทำผิดบาปประการนี้ได้เด็ดขาด เพราะฉันไม่เคยนอก ใจ ฉันมีความเชื่อในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยม
และในความเป็นจริง หลังจากแต่งงานแล้ว ฉันไม่เคยให้ใครจูบเลย นอกจากสามีของฉัน แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็นว่าฉันดูแลร่างกายของฉันมากเกินไป เมื่อฉันชอบอวดทรวงอก ใช้ถุงเท้ายาวแนบผิว สวมใส่เสื้อผ้าอย่างที่ใช้อยู่....เพราะฉันคิดว่าพวกผู้ชายจะมองฉันและนิยมชมชอบ...แต่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านั้นได้ทำบาปต่อฉันอย่างไร แทนที่พวกเขาจะรู้สึกนิยมชมชอบฉันอย่างที่ฉันคิด พวกเขากลับถูกกระตุ้นทางเพศ ฉันได้ทำบาปเป็นต้นเหตุของความลามกเพราะได้อวดร่างกายของฉัน ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกอ่อนไหวของเพศชาย ฉันเพียงแต่คิดว่าพวกเขาชอบฉัน เมื่อมองดูฉันพวกเขาจะพูดว่า “รูปร่างสวยอะไรเช่นนี้”
แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับทำบาปเพราะความผิดของฉัน ฉันไม่เคยเป็นชู้กับชายใด แต่ฉันกลับทำผิดประเวณีฝ่ายจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันหาข้ออ้างให้กับตัวเอง ถ้าสามีของฉันไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน หรือผู้หญิงอื่นที่พบว่าสามีของตนเองไม่ซื่อสัตย์ ฉันจะให้คำแนะนำว่า “อย่าโง่ไปเลย อย่าให้อภัย
แสดงคุณค่าของคุณให้เขาเห็น
เพราะอย่างนี้แหละที่ทำให้ผู้ชายดูถูกผู้หญิง ดังนั้นต้องไม่ยอม” รู้ไหมว่า
ด้วยคำแนะนำเช่นนี้
ฉันและเพื่อนบางคนได้ทำให้เพื่อนหญิงคนหนึ่งต้องแยกทางกับสามีของเขา
เพราะเธอบังเอิญไปเห็นสามีกำลังจูบกับเลขาในที่ทำงานของเขา พวกเราได้แนะนำเธอไม่ให้ยกโทษ ทั้งๆที่สามีได้วิงวอนของอภัยต่อเธอ และเธออยากจะให้อภัยเขาเพราะเธอยังรักเขา
แต่เป็นพวกเราผู้ให้คำแนะนำต่างหากที่ไม่ยอมให้อภัย ในที่สุดทั้งสองก็หย่ากัน และสองปีต่อมาเพื่อนหญิงคนนี้ก็แต่งงานใหม่กับชายชาวอาร์เจนตินา พวกคุณเข้าใจหรือยัง? เมื่อฉันให้คำแนะนำแบบนี้ ฉันก็ได้มีส่วนในบาปทำผิดประเวณีด้วย พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันได้เห็น
และฉันก็เห็นอย่างชัดเจนว่าบาปของเนื้อหนังนั้นน่ารังเกียจสักเพียงไร เพราะเท่ากับมนุษย์ได้สาปแช่งตนเอง ถึงแม้ว่าโลกจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจก็ตาม
ตลอดชีวิตของฉัน ฉันมีผู้ชายเพียงคนเดียว คือสามีของฉัน
แต่ยังมีบาปทางความคิด , คำพูดและการกระทำด้วย
เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ได้เห็นว่าบาปและการทำผิดประเวณีของคุณพ่อของฉันมีผลกระทบร้ายแรงต่อลูกๆมากสักเพียงไร สำหรับตัวของฉันเอง
มันได้เปลี่ยนฉันให้เป็นคนกระด้าง
ฉันรู้สึกเจ็บใจผู้ชาย
ในขณะที่พี่ชายของฉันได้เลียนแบบพ่อของฉัน
ผู้ชายภูมิใจมากนักหรือในความเป็นผู้ชายของเขา? พวกเขาดูถูกผู้หญิง ดื่มสุรา
และไม่ตระหนักว่าเขาได้ทำร้ายลูกๆของเขา
เพราะเหตุนี้คุณพ่อของฉันจึงร้องไห้ด้วยความขมขื่นในไฟชำระ
เมื่อได้เห็นผลของบาปของเขาและพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาซึ่งกลายเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ
เราสาปแช่งตัวเราเอง ด้วยการกระทำผิดประเวณี เพราะมันแสดงว่าเรามีชีวิตเหมือนกับสัตว์ เช่น หนู
สุนัข...ที่นี่และที่นั่น...
พระบัญญัติประการที่เจ็ด – อย่าลักขโมย
พระบัญญัติประการที่เจ็ด – อย่าลักขโมย
การพูดใส่ความนินทาคือการลักขโมย ฉันเคยพูดว่าฉันไม่เคยขโมยของๆใคร ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ความจริงฉันได้ขโมยของจากพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นมา ฉันเกิดมาเพื่อช่วยทำให้โลกดีขึ้น
และมีส่วนร่วมกับพระองค์ในการขยายอาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้ แต่นอกจากฉันจะไม่ได้ทำแล้ว ฉันยังได้ให้คำแนะนำที่เลวและทำลายคนเป็นจำนวนมากที่มาหาฉัน ฉันไม่รู้วิธีที่จะใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่ฉัน เพราะฉะนั้นจึงเท่ากับฉันได้ลักขโมย ฉันลักขโมยอย่างแน่นอน!
คนกี่คนแล้วที่ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของพวกเขา ฉันได้กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่น
คุณไม่รู้หรอกว่าบาปอันเนื่องจากลิ้นของเรานั้นมันเลวร้ายมากสักเพียง ไร!....และมีวิธีใดที่จะแก้ไขความผิดประการนี้ได้....
จะแก้ไขชื่อเสียงของคนที่เราทำลายให้กลับคืนมาได้อย่างไร หลังจากที่เราได้กระซิบบอกผู้อื่น ด้วยการพูดใส่ความนินทา?
จะต้องทำอย่างไรจึงจะนำชื่อเสียงของคนเหล่านั้นกลับคืนมาได้? ใช่แล้ว
เป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยเหตุนี้ในไฟชำระ คนที่ทำความผิดด้วยคำพูด
จึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมาก
เกือบทุกคนต้องเคยใช้ลิ้นในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ด้วยการทำลาย
และปกป้อง
ด้วยการทำลายชื่อเสียงของคนอื่น
ลิ้นเหล่านี้ เมื่อตกลงไปในไฟชำระ ได้รับความทุกข์แสนสาหัส พวกเขาถูกเผาไหม้!!!
ถูกเผาไหม้อย่างไร
คุณนึกไม่ถึงหรอก!
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันรู้ว่า
เราหลอกตัวเองอย่างไรเมื่อเราพิพากษาผู้อื่น ตัวอย่างเช่น
ในขณะที่เรามองดูหญิงขายบริการด้วยความเหยียดหยาม แต่พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรเธอด้วยความรักและพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุด พระองค์ทรงเห็นภายในจิตใจของเธอ ทรงรู้ถึงชีวิตทั้งหมดของเธอ และทรงทราบว่าอะไรที่ชักนำเธอให้มาเป็นหญิงขายบริการ พวกคุณอาจรู้มาบ้างว่า
สาเหตุที่ทำให้เธอมาทำงานประเภทนี้ก็เพราะบาปของพวกเรา เพราะการดูถูกเหยียดหยามของเรา
และเพราะการขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา
มีใครบ้างที่ยื่นมือออกไปช่วยหญิงขายบริการเหล่านั้น? หรือเราคอยแต่จับผิดคนอื่น? เราเอาแต่พิพากษาผู้อื่นและมองดูข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วก็ตำหนิติเตียนเขา เมื่อเรามองเห็นบางคนทำสิ่งผิดพลาด อย่างน้อยเราควรปิดปากของเรา ขอให้เราคุกเข่าและสวดภาวนาเพื่อเขาเถอะ ในเวลาที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พระเป็นเจ้าทรงทำได้ ขอให้เราอย่าได้พิพากษาพวกเธอเลย มิฉะนั้น
เราเองนั่นแหละที่จะมีบาปมากกว่าพวกเธอ
แน่นอนว่า เราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้กลับคืนสู่ความถูกต้องได้
หรือถ้าเรามีส่วนในการผยแพร่ด้วยการพูดใส่ความนินทา ด้วยการโกหก
ด้วยการตัดสินผู้อื่น
การทำเช่นนี้เท่ากับเราขโมยสันติสุขไปจากเพื่อนบ้านของเรา จงระวังตัวไว้เถิด เพราะการโกหกก็คือการโกหกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ แดงหรือขาว
การโกหกเป็นความผิดเสมอ
และบิดาแห่งการโกหกคือซาตาน
ในกรณีของฉัน ฉันโกหกไปมากมาย แล้วได้อะไร? ชีวิตของฉันถูกเปิดเผยอย่างหมดสิ้นภายใต้แสงสว่างของพระเป็นเจ้า...
แล้วพวกคุณล่ะ?...แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า ในอีกมิติหนึ่งนั้น ไม่มีใครที่จะออกมาโต้แย้งแทนหรือออกคำสั่งคุณได้...ที่นั่น มีแต่เพียงมโนธรรมของคุณกับพระเป็นเจ้า
ในการพิพากษาของฉัน พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อดูการพูดโกหกของฉัน แต่คุณแม่ของฉันไม่ได้กล่าวหาอะไรฉันเลย ท่านเพียงแต่มองดูฉันด้วยความอ่อนโยนเท่านั้น
การพูดโกหกที่เลวร้ายของฉันคือการโกหกต่อตนเองเมื่อฉันพูดว่าฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันไม่ได้ขโมยของใคร ฉันเป็นคนดี
ฉันไม่เคยทำความชั่วแก่ผู้ใด
พระเป็นเจ้าไม่มีอยู่จริง
และฉันควรจะไปอยู่ในสวรรค์เหมือนคนอื่น
ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ฉันเริ่มรู้ตัวแล้วในตอนนี้
พระเยซูเจ้ายังทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า ขณะที่อาหารในบ้านของฉันถูกทิ้ง แต่ในบ้านของคนอื่นในโลกนี้ยังมีผู้หิวโหย พระองค์ตรัสกับฉันว่า “มองดูสิ เรากำลังหิวโหย และดูสิ่งที่เราได้ประทานแก่เจ้าเถิด เจ้าทิ้งอาหารไปเสียเปล่า แล้วเจ้าได้ทำอะไร เจ้าเป็นทาสของแฟชั่น เป็นทาสของคำพูดที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าซื้อสินค้ามีชื่อเสียง ซื้อเครื่องเพชรพลอย เจ้าใช้เงิน 150,000 เปโซในการฉีดยาเพื่อทำให้รูปร่างผอมบาง
เจ้าเป็นทาสของร่างกายของเจ้าเอง...เจ้าใช้จ่ายเงินทองเพื่อทำให้รูปร่างสวยงาม แต่คนจำนวนมากไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ หรือไม่มีอะไรจะกิน หรือไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
.......พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นภาพพี่น้องที่หิวโหยของฉัน
และฉันต้องมีความรับผิดชอบช่วยเหลือผู้หิวโหยเหล่านี้ซึ่งอยู่ในประเทศของฉันเองและประเทศอื่นๆในโลกนี้...เพราะพวกเราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน!
และพระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันได้ทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อฉันพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนบางคน คนผู้นั้นต้องสูญเสียงานซึ่งเป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัวของเขา ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของเขาไป และหลังจากนั้น
ฉันจะแก้ไขชื่อเสียงของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างไร? พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า การนำเงินที่ถูกขโมยกลับคืนมานั้นยังเป็นการง่ายกว่า เพราะเราอาจให้เงินของเราเองทดแทนได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการแก้ไขบาป
แต่เมื่อคุณขโมยชื่อเสียงของใครไปด้วยการพูดนินทาว่าร้าย
ใครจะสามารถแก้ไขชื่อเสียงของคนผู้นั้นให้กลับคืนมาได้..อย่างไรเล่า? คุณทำความผิดต่อเขามากยิ่งนัก ทั้งในด้านการงาน หรือในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจทำให้การแต่งงานถูกทำลายไปได้ ช่างเป็นความชั่วยิ่งนัก! เป็นความชั่วยิ่งนัก!
และฉันยังได้ขโมยจากลูกๆของฉัน พระหรรษทานที่พวกเขาควรจะได้แม่ที่อ่อนโยน อ่อนหวาน
ที่รักพวกเขาและอยู่กับเขาที่บ้าน...แทนที่จะเป็นเช่นนั้น...แม่กลับออกไปนอกบ้าน ทิ้งลูกให้โดดเดี่ยวอยู่กับ “แม่”
ซึ่งเป็นทีวี และ “พ่อ”
ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์และวีดีโอเกมส์....และฉันยังคงเชื่อว่าฉันเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ ฉันออกจากบ้านเวลา 5.00 น.ในตอนเช้าและไม่กลับบ้านก่อน
23.00 น.
เพื่อทำให้มโนธรรมไม่ติเตียน ฉันจะซื้อของแบรนด์เนมและของทุกอย่างที่ลูกต้องการมาให้พวกเขา
ฉันตกใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพ.........คุณแม่ของฉันกำลังถามตัวเองว่าได้ทำผิดพลาดอะไรบ้าง...ท่านควรทำหรือไม่ควรทำอะไรเพื่อการศึกษาของฉัน
ท่านเป็นผู้หญิงที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
ท่านปลูกฝังสิ่งสำคัญที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าให้แก่พวกเรา และคุณพ่อของฉันก็เป็นผู้ชายที่ดีที่อยู่กับพวกเรา ดังนั้นฉันจึงพูดกับตัวเองว่า
“แล้วฉันจะเป็นอย่างไร
ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อลูกๆเลย? ฉันถามตัวเอง ฉันจะเป็นอย่างไร เมื่อพระเป็นเจ้าจะทรงพิพากษาฉันในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก? ช่างน่ากลัวนี่กระไร!
ช่างน่าเศร้าใจนี่กระไร!
ฉันได้ขโมยสันติสุขไปจากลูกๆของฉัน
เวลานี้ฉันได้เห็นในหนังสือแห่งชีวิตของฉันแล้ว
ฉันรู้สึกอับอายยิ่งนัก....ในหนังสือแห่งชีวิต เราจะได้เห็นชีวิตทั้งหมดของเราเหมือนกับภาพยนตร์ มันช่างเจ็บปวดเมื่อได้เห็นลูกๆพูดว่า
“หวังว่าแม่จะกลับมาช้า
หวังว่าการจราจรจะติดทำให้แม่มาช้า
เพราะแม่นั้นน่าเบื่อ
ไม่น่ารักเลย
เมื่อกลับมาบ้านก็มักจะบ่นและตะโกนด่าว่าตลอดทั้งวัน!” น่าเศร้าใจเหลือเกิน เด็กๆอายุสามขวบและอีกคนที่อายุมากกว่า
พูดเช่นนี้
พวกเขาหวังว่าแม่จะไม่กลับมาบ้าน
ฉันได้ขโมยสันติสุขจากพวกเขาซึ่งฉันควรจะมอบให้พวกเขาที่บ้าน ฉันไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย
พวกเขาควรรู้จักพระเป็นเจ้าจากฉันและทำให้พวกเขารักเพื่อนบ้าน แต่ตรงกันข้าม
ฉันไม่อาจให้สิ่งที่ฉันไม่มีได้
ฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน
และถ้าฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน
ฉันก็ไม่ได้รักพระเป็นเจ้าด้วย
เพราะพระเป็นเจ้าคือความรัก
การพูดโกหกก็เป็นการลักขโมยด้วย ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี รู้ไหม? เพราะซาตานกลายมาเป็นบิดาของฉัน แท้จริง
คุณสามารถมีพระเป็นเจ้าเป็นบิดา
หรือมีซาตานเป็นบิดาก็ได้
ถ้าพระเป็นเจ้าคือความรัก
และฉันมีความเกลียดชัง แล้วใครล่ะที่เป็นบิดาของฉัน?
ถ้าพระเป็นเจ้าสอนฉันให้ยกโทษและรักผู้ที่ทำร้ายฉัน แต่ฉันกลับพูดว่า
“คนที่ทำเช่นนั้นกับฉันจะต้องชดใช้”
ฉันมีใจอาฆาต เป็นคนพูดโกหก และในเมื่อซาตานเป็นบิดาแห่งการโกหก เช่นนั้นใครคือบิดาของฉันล่ะ? การโกหกคือการโกหก และซาตานก็เป็นบิดาของเรื่องนี้ บาปของลิ้นที่โกหกนั้นน่ากลัวมาก
ฉันได้เห็นความชั่วทุกอย่างที่ฉันได้ทำโดยใช้ลิ้นของฉัน เมื่อฉันวิจารณ์คนอื่น ดูถูกเหยียดหยาม ตั้งชื่อเล่นให้บางคนเพื่อเย้ยหยัน และผู้หญิงที่ฉันตั้งชื่อเล่นให้นั้นจะรู้สึกอย่างไร
ฉันเพียงต้องการเย้ยหยันเธอและทำให้เธอรู้สึกวุ่นวายใจเท่านั้น แต่มันสามารถทำลายชีวิตของเธอได้ มีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ฉันได้ล้อเลียนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้วนมาก ทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และเพราะคำพูดของฉัน ทำให้เธอปลิดชีวิตตนเอง
ฉันขอเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง ขณะที่ฉันอายุ 13 ปี
ฉันอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงเล็กๆกลุ่มหนึ่ง และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในกลุ่มนี้....เพราะเป็นกลุ่มผู้หญิงที่เก่งและเชี่ยวชาญ พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่า การอยู่ในกลุ่ม “ผู้หญิงเก่ง”
นี้เป็นอย่างไร
มันได้ทำลายจิตใจของเพื่อนในโรงเรียน
ในชั้นของฉันมีเด็กผู้หญิงที่อ้วนมากคนหนึ่ง
และเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็พูดล้อเลียนเธอ เรียกเธอด้วยชื่อที่ตลก เช่น
แมวน้ำอ้วน, ช้าง และชื่ออื่นๆ
พวกเราล้อเธอ
และฉันก็ทำด้วยเพื่อจะได้ไม่อยู่นอกกลุ่ม
และเวลานี้
ในหนังสือแห่งชีวิต
ฉันได้เห็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นเศร้าหมองเพราะความอ้วนของเธอ เธอมองดูตัวเองในกระจกเงา ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นว่าตนเองน่าเกลียด เธอเริ่มเกลียดพวกเรา และเกลียดตัวเองด้วย ยิ่งนานวันเธอยิ่งเกลียดตัวเอง และความเกลียดคือความตาย มันเป็นความตายของวิญญาณ ภายใต้เงาแห่งความสิ้นหวัง วันหนึ่งเด็กหญิงผู้นี้ได้ดื่มขวดยาไอโอดิน โดยหวังว่ามันจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? รู้ไหมว่าในที่สุดเป็นอย่างไร? เธอเกือบตาบอด
เธอได้รับยาพิษอย่างแรงและเกือบตาบอด
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้กลับไปโรงเรียนอีกเลย พวกเราไม่สนใจเมื่อรู้ข่าวนี้ พวกเราไม่ได้เห็นเธออีกเลย และพวกเราก็ไม่สนใจว่าเป็นเพราะเหตุใด!
พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอบอกพวกคุณ
บาปที่เราทำมากมายนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ร้ายแรงที่สุด
เพราะมันเป็นบาปของเราโดยเฉพาะ
บาปของบรรดาเด็กหญิงเหล่านั้น
เป็นบาปของพวกเรา
เป็นบาปของสังคมซึ่งก็คือบาปของพวกคุณด้วย
เพราะคุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น และนี่เป็นเรื่องจริงสำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่ละบุคคลเท่านั้น
เพราะนั่นคือการที่คุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
อำนาจของคำพูด....!
พวกเราได้ทำลายเด็กหญิงผู้นั้น
ด้วยการตั้งชื่อเล่นให้เธอ
ปีศาจจึงได้เข้าสู่จิตใจและทำลายเธอ
และเธอก็กระทำตอบแทนด้วยการทำลายคนอื่นด้วยความเกลียดชังของเธอ ด้วยวิธีนี้กระแสแห่งความชั่วได้ก่อตัวขึ้นและขยายตัวออกไป ที่ใดที่มีความเกลียด ที่นั่นมีความชั่ว นี่เป็นวิธีที่เราได้ทำฆาตกรรมเพื่อนๆในโรงเรียนของเรา เราได้ฆ่าวิญญาณของเธอ
ยี่สิบปีต่อมา...ฉันมีหลานสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง ฉันสอนเธอให้คำปรึกษาในเรื่องการแต่งกายของเธอ
ทำอย่างไรจึงจะทำให้ร่างกายดูดีด้วยการใช้เครื่องสำอาง เป็นต้น
วันหนึ่ง เธอถูกไฟเผาไหม้อย่างรุนแรงถึง
70 % ของร่างกาย
มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเผาไหม้
แต่มันรุนแรงมากจนอาจทำให้ตายได้
ฉันเริ่มว้าวุ่นและรู้สึกขุ่นเคืองพระเป็นเจ้า ฉันเข้าไปในโบสถ์น้อยของโรงพยาบาลและพูดว่า
“พระเจ้า ถ้าพระองค์มีอยู่จริง จงพิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ พิสูจน์ว่าพระองค์มีอยู่จริง จงช่วยเธอ”
มองดูความเย่อหยิ่งของฉันสิ
ในที่สุด หลานสาวของฉันก็รอดชีวิต แต่เธอมีรอยไหม้ทั่วตัว มือก็ผิดรูปไป....และที่น่าเศร้าก็คือ
ในตอนนั้นฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักทางการเงิน วันหนึ่งฉันเดินไปพร้อมกับหลานสาว เมื่อมาถึงสระว่ายน้ำและฉันนำตัวเธอลงน้ำ คนทุกคนในสระต่างประท้วงและพูดว่า “ทำไมไม่อยู่กับเธอที่บ้าน? เธอจะทำลายวันหยุดพักผ่อนของเรา”
พวกเขาต่างพูดแบบนี้เมื่อเห็นเธอ คนเลวและเห็นแก่ตัว เมื่อพวกเขาพูดด้วยความเห็นแก่ตัวเช่นนี้
ทำให้หลานสาวของฉันไม่ต้องการออกจากบ้านอีก เธอกลัวผู้คน
และในที่สุดเธอก็เกลียดพวกเขา
(กลอเรียร้องไห้)...พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า
เมื่อเราแต่ละคนดูถูกเยาะเย้ยพี่น้องเพื่อนมนุษย์ของเรา โดยปราศจากความสงสาร
คุณมีสิทธิอะไรที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์โศกเศร้า ด้วยการตั้งชื่อเล่น หรือล้อชื่อ โดยไม่ตระหนักว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร?
คุณมีสิทธิอะไรที่กระทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนั้น?
พระเป็นเจ้าจะทรงให้คุณเห็นการที่คุณได้ทำฆาตกรรมคนจำนวนมากเพียงไรด้วยคำพูดของคุณ
คุณจะได้เห็นอำนาจอันน่ากลัวของคำพูดที่ได้ฆ่าวิญญาณ
ถ้าเพียงแต่ฉันไปอยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท
และวอนขอพระหรรษทานเพื่อปลอบประโลมใจหลานสาวของฉัน
พระเป็นเจ้าจะทรงเยียวยาจิตวิญญาณของหลานสาวของฉัน เพราะพวกเราอยู่ในความรักของพระเป็นเจ้า และเมื่อเราปิดประตูให้กับความชั่ว
พระองค์ก็จะทรงเปิดประตูแห่งการอวยพรให้กับเรา
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงยกตัวอย่างบัญญัติสิบประการให้แก่ฉัน พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า
เมื่อฉันพูดว่าฉันรักและนมัสการบูชาพระเป็นเจ้า ด้วยวาจา
แต่แท้จริงแล้วฉันบูชาซาตานต่างหาก
ฉันวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องและทุกคน
และทุกคนชี้นิ้วมาที่ฉัน....นี่หรือคือ
”กลอเรียผู้ศักดิ์สิทธิ์”...พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า
เมื่อฉันพูดว่าฉันรักพระเป็นเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์
แต่ฉันกลับทำความชั่วและอิจฉาริษยาเพื่อนมนุษย์.....พระองค์ทรงให้ฉันเห็นว่า ฉันไม่ได้กตัญญูรู้คุณบิดามารดา
และฉันไม่เคยแม้แต่จะพูดขอบคุณท่านในการที่ท่านช่วยฉันให้ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน
ฉันไม่ได้ขอบคุณสำหรับการเสียสละและการลงแรงช่วยเหลือที่ท่านได้ทำเพื่อฉันเลย...ในทันทีที่ฉันเริ่มทำงาน พ่อแม่ก็อยู่นอกสายตาของฉัน...ฉันต้องละอายใจต่อคุณแม่ของฉันเป็นพิเศษ เพราะท่านยากจนและถ่อมตนมาก ดูความบ้องตื้นของจิตใจนี้เถิด
พระเป็นเจ้าทรงวิเคราะห์ชีวิตทั้งหมดของฉัน ภายในแสงสว่างแห่งพระบัญญัติสิบประการ พระองค์ทรงทำให้ฉันเห็นว่า
ฉันปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไร
และปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไร
ขอบคุณครับสำหรับการแปลที่ยอดเยี่ยมมาก และเนื้อหาที่ดีมากมาก ทำให้เราเข้าใจถึงพระบัญญัติพระเจ้าในแบบที่เป็นชีวิตจริง
ตอบลบ