บทความนี้มาจาก
First Things เขียนโดย William Dionio Jr
เขาเป็นอาชญากรที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น เป็นคนที่โหดเหี้ยมน่าเกลียดน่าชังที่สุด -- เขาคือ อองรี
ปรานซินี รูปร่างสูง เคร่งขรึม – เขาใช้ชีวิตเป็นหัวขโมยเป็นเวลานานและเหยื่อก็มักเป็นผู้หญิงชาวฝรั่งเศส พฤติกรรมเหล่านี้ได้ทำลายชีวิตของเขา
เช้าของวันที่ 17 มี.ค. 1887 ร่างของมารี
เรเนาท์ (Marie
Regnault) สตรีผู้มีชื่อเสียงในสังคมฝรั่งเศส พร้อมด้วยหญิงรับใช้ของเธอ แอนเนต
กรีเมอเรต( Annette Gremeret) และ มารี ลูกสาวของหญิงรับใช้ พบเป็นศพอยู่ในอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ บรรยายว่า เป็นภาพที่น่าสยดสยองที่สุด
มารี เรเนาท์....เสียชีวิตอยู่บนพื้นในห้องพักของเธอ ลำคอถูกตัดและร่างกายถูกเชือดเฉือนอย่างโหดเหี้ยมนอนอยู่ใกล้ประตูที่นำไปสู่ห้องรับแขก ที่ซึ่งพบร่างของแอนเนตนอนเสียชีวิต โดยมีลำคอที่ถูกตัดเช่นเดียวกัน
ส่วนมารีลูกสาวของแอนเนตนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงในห้องของมารดาที่อยู่อีกห้องหนึ่ง....ศีรษะถูกตัดจนเกือบหลุดจากร่างด้วยใบมีดของฆาตกร สันนิษฐานว่าแอนเนตคงจะพยายามหนี...แต่ถูกฆาตกรทำร้ายจนล้มลง เด็กหญิงได้มาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปากอย่างโหดร้ายอีกคนหนึ่ง
เหตุจูงใจในการกระทำนี้คือการขโมยเครื่องเพชรราคาแพง.... หลายวันต่อมา ปรานซีนีถูกจับ แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันความบริสุทธิ์ แต่มีข้อพิรุธหลายอย่างในตัวของเขา อีกทั้งยังมีหลักฐานมัดตัว ในเดือนกรกฏาคม คณะลูกขุนใช้เวลาสองชั่วโมงในการพิพากษาไต่สวนคดีของฆาตกรสามศพ และในเดือนสิงหาคม ปรานซีนีถูกตัดสินประหารชีวิต
เหตุจูงใจในการกระทำนี้คือการขโมยเครื่องเพชรราคาแพง.... หลายวันต่อมา ปรานซีนีถูกจับ แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันความบริสุทธิ์ แต่มีข้อพิรุธหลายอย่างในตัวของเขา อีกทั้งยังมีหลักฐานมัดตัว ในเดือนกรกฏาคม คณะลูกขุนใช้เวลาสองชั่วโมงในการพิพากษาไต่สวนคดีของฆาตกรสามศพ และในเดือนสิงหาคม ปรานซีนีถูกตัดสินประหารชีวิต
คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของปรานซินีคงจะเลือนหายไปในประวัติศาสตร์ ถ้าหากไม่เป็นเพราะเด็กหญิงชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่ง เทเรซา
มาร์ติน -- ซึ่งต่อมาก็เป็นที่รู้จักกันในนาม นักบุญ เทเรซา แห่งลีซีเออร์ นักปราชญ์ของพระศาสนจักร – ขณะนั้นเธออายุเพียง
14 ปี
เธอรู้สึกมีแรงบันดาลใจให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามที่เธอบันทึกไว้ในหนังสืออัตชีวิตของเธอ “ประวัติของวิญญาณดวงหนึ่ง” เธอได้สวดภาวนาอย่างร้อนรนเพื่อความรอดของฆาตกรผู้นี้:
“สถานการณ์ทุกอย่างทำให้เชื่อว่าเขาต้องตายโดยไม่สำนึกผิด ดิฉันมีความปรารถนาอย่างที่สุดที่จะช่วยเขาไม่ให้ตกนรก เพื่อการนี้ดิฉันทำทุกวิธีเท่าที่จะนึกได้ แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ดิฉันเสนอวิงวอนแด่พระเป็นเจ้าซึ่งพระเมตตาอันไม่สิ้นสุดของพระเยซูคริสตเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
ขณะที่เวลาประหารของปรานซินีใกล้เข้ามา เทเรซาเพิ่มการสวดภาวนามากขึ้น จนถึงวันรุ่งขึ้นอันเป็นเวลาที่ปรานซินีถูกนำตัวไปอยู่เบื้องหน้ากิโลติน
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม
เทเราซาอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่รายงานอย่างละเอียดว่า
ขณะที่ศีรษะของปรานซีนีถูกวางไว้บนเครื่องประหาร “เขาได้หันกลับมาถือไม้กางเขนที่พระสงฆ์ยื่นออกมาให้เขา และจูบที่รอยบาดแผลของพระเยซูเจ้าสามครั้ง!
แล้ววิญญาณของเขาก็จากไปรับการพิพากษาขององค์พระผู้ทรงพระทัยเมตตา ผู้ตรัสว่าในสวรรค์มีความยินดีที่เห็นคนบาปคนหนึ่งกลับใจยิ่งกว่าเห็นคนเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว!”
เทเราซาเชื่อมั่นว่าคำภาวนาของเธอได้ช่วยปรานซินีจากการถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์ เขากลายเป็น “บุตรคนแรก” ของเธอ(“mon
premier enfant”)
และเหตุการณ์นี้ทำให้เธอมีความมั่นใจที่จะบวชเป็น”คาร์เมไลท์”
เพื่อสวดภาวนาวอนขอสำหรับคนที่สิ้นหวังและต้องการความรักของพระเป็นเจ้า
พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยคำภาวนาของเราที่อุทิศแก่คนที่เราไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับเราเลย เพราะแสดงให้เห็นว่าเรามีความรักต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
และการพิพากษาของพระเป็นเจ้าไม่เหมือนกับการพิพากษาของมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น