ไม่เคย, ไม่เคยเลย ที่ฉันจะรักหรือสงสาร เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันไม่เคยคิดพิจารณาเกี่ยวกับคนเจ็บป่วยและความโดดเดี่ยวของเขา
ฉันไม่เคยคิดถึงบรรดาเด็กๆที่ขาดแม่ บรรดาเด็กกำพร้า....เด็กทารกจำนวนมากที่กำลังทนทุกข์ ฉันควรจะพูดว่า ข้าแต่พระเป็นเจ้า
โปรดให้ลูกมีส่วนร่วมในความเจ็บปวดของพวกเขาด้วยเถิด...แต่เปล่า ไม่มีเลย
หัวใจของฉันแข็งกระด้าง
ไม่เคยคิดถึงความทุกข์ของผู้อื่น
ร้ายยิ่งกว่านั้น ฉันไม่ได้ทำสิ่งใดที่แสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์...ตัวอย่างเช่น
ฉันใช้จ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อสิ่งของในห้างสรรพสินค้าเพื่อมอบให้คนยากจนและคนที่ต้องการ แต่ฉันไม่ได้ทำเพราะความรัก ฉันมีเงินมากมายและนี่ไม่ได้ทำให้ฉันเดือดร้อนอะไร ฉันทำเพราะคนอื่นจะได้มองเห็น และพวกเขาจะพูดว่าฉันเป็นคนดี ฉันเป็นนักบุญ
และฉันยังหาประโยชน์จากคนยากจนเหล่านั้น
ฉันไม่ได้ให้สิ่งใดโดยไม่รับผลตอบแทน
ในความจริงฉันบอกพวกเขาว่า “ฉันทำสิ่งนี้ให้คุณ แต่คุณต้องตอบแทนฉัน จงไปที่นั่น ที่โรงเรียนของฉัน ไปหาลูกของฉัน
ไปห้องประชุม
เพราะฉันไม่มีเวลา...เอาจดหมายหรือใบเสร็จรถยนต์ไปด้วย...ทำสิ่งนี้ให้ฉันนะ...” ฉันทำเช่นนี้กับทุกคน ฉันทำเป็นคนมีเมตตาเพื่อที่จะได้รับประโยชน์ตอบแทน ไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นยากจนน่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้น มันทำให้หลายคนพูดยกย่องชมเชยว่า ฉันเป็นคนดี
และบางคนถึงกับบอกว่า ฉันเป็นนักบุญ
คนที่พูดเช่นนี้เป็นคนที่รู้จักฉันเป็นอย่างดีด้วย
พระเยซูเจ้าทรงตรวจสอบฉันด้วยพระบัญญัติสิบประการ ฉันได้เห็นว่าความชั่วทั้งหมดของฉันมีสาหตุมาจากความโลภ ฉันตาบอดด้วยความปรารถนาในเงินทอง ฉันอยากได้เงินมากๆ เพราะคิดว่าจะมีความสุขมากถ้ามีเงินมาก แต่ความเลวร้ายก็คือ ในช่วงเวลาที่ฉันมีเงินมาก จิตวิญญาณของฉันก็ตกต่ำลง จนถึงขั้นที่คิดจะฆ่าตัวตาย ทั้งๆที่ฉันร่ำรวย แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยว ว่างเปล่า
ขมขื่น ว้าวุ่น ละโมบโลภมาก
ความปรารถนาในเงินทองนำทางชีวิตของฉันด้วยมือของปีศาจตนหนึ่ง ทำให้ฉันอยู่ห่างไกลและถอนมือของฉันออกจากพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า พระองค์ตรัสกับฉันว่า
“เจ้ามีพระเจ้าของเจ้า
พระเจ้าของเจ้าคือเงินตรา
และเพราะมัน เจ้าจึงได้สาปแช่งตัวจ้าเอง
เพราะมัน เจ้าจึงจมดิ่งลงสู่ห้วงอเวจี
และอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้าแท้จริงของเจ้า”
เมื่อพระองค์ตรัสกับฉันว่า
“พระเจ้าเงินตรา”...ใช่แล้ว,
เรามีเงินมากมาย
แต่ยิ่งไปกว่านั้น
เรามีใบเรียกเก็บเงินมากด้วย
เรามีหนี้สิน
แล้วฉันก็ไม่มีเงินเหลือเลยแม้แต่แดงเดียว
แล้วฉันก็ร้องออกมาว่า “เงินอะไรกัน?
สิ่งที่ฉันเหลือทิ้งไว้บนโลก
ก็มีแต่เพียงหนี้สินเท่านั้น!....”
ในการตรวจสอบด้วยพระบัญญัติสิบประการนี้ ฉันสอบไม่ผ่านเลยแม้แต่ข้อเดียว ช่างน่ากลัว
น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
ฉันอยู่ในสถานการณ์ของความจริงที่สับสนวุ่นวาย!....อย่างไรเล่า?....ตัวฉันหรือ? ฉันไม่เคยฆ่าใครหรือ? ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนหรือ? นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดเอาเอง...แต่แท้ที่จริง ฉันได้ฆ่าคนไปมากมาย!
หนังสือแห่งชีวิต
หลังจากการตรวจสอบด้วยพระบัญญัติสิบประการแล้ว พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็น
“หนังสือแห่งชีวิต”
ฉันอยากจะหาคำพูดมาอธิบายให้เห็นชัดเจนได้จริงๆ มันช่างน่ามหัศจรรย์ เราได้เห็นชีวิตทั้งหมดของเราเอง การกระทำทุกอย่างทั้งที่ดีและไม่ดี ต่อตัวเองและต่อผู้อื่น อารมณ์และความคิดของเราและของผู้อื่นด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านเข้ามาเหมือนดูภาพยนตร์ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การปฏิสนธิ เราได้เห็นชีวิตของเราตั้งแต่ตอนนั้น ในเวลาปฏิสนธิเราถูกมอบถวายไว้ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า ในเวลาที่เราปฏิสนธินั้นเอง
มีแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงามระเบิดขึ้น และวิญญาณก็ก่อกำเนิด
ขาวบริสุทธิ์....แต่ไม่ใช่ความขาวเหมือนที่เรารู้จัก ฉันบอกว่าเป็นสีขาวเพราะมันดูคล้ายมากที่สุด แต่แสงนั้นเจิดจ้าจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ช่างสวยงามและเจิดจรัส....วิญญาณสวยงามมาก เต็มไปด้วยแสง
น่าหลงใหล รัศมีแผ่ไปและเต็มไปด้วยความรักของพระเป็นเจ้า.....ฉันเพ่งพินิจด้วยความพิศวงในความรักของพระเป็นเจ้า
พวกคุณเคยสังเกตไหมว่าเด็กทารกแรกเกิดเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขายิ้มและส่งเสียงเล็กๆออกมา คุณรู้ไหม?
พวกเขากำลังคุยกับพระเป็นเจ้านะ
ถูกต้อง
เพราะพวกเขาอยู่ในพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
พวกเราก็อยู่ในพระจิตเจ้าด้วยเช่นกันแต่คนละแบบ ในความบริสุทธิ์ไร้เดียง สาของเด็กทารก
พวกเขารู้ด้วยจิตวิญญาณถึงการปรากฏของพระเป็นเจ้า
พวกคุณไม่อาจจินตนาการได้หรอก
ถึงความมหัศจรรย์ในการที่ได้เห็นช่วงเวลาที่พระเป็นเจ้าทรงเนรมิตสร้างฉัน ในครรภ์ของคุณแม่ วิญญาณของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าพระบิดา
ฉันได้รู้ว่าพระบิดาช่างทรงสวยงามเหลือเกิน น่ามหัศจรรย์และทรงอ่อนโยนยิ่งนัก ทรงเอาใจใส่และน่ารัก ทรงดูแลฉันตลอด 24 ชั่วโมง ทรงรักและปกป้องฉัน
และทรงมาหาฉันเสมอเมื่อฉันตีตัวออกห่างจากพระองค์ ด้วยความอดทนไม่มีสิ้นสุด ส่วนฉันมองเห็นแต่เพียงการลงโทษ ในขณะที่พระองค์มีแต่เพียงรักเท่านั้น พระองค์ทรงมองดูที่วิญญาณไม่ใช่เนื้อหนัง และพระองค์ทรงเห็นว่าฉันออกนอกทางแห่งความรอดมากสักเพียงไร
แม่ของฉันแต่งงานนาน 7 ปี
แต่ก็ยังไม่มีลูก
ในตอนนั้นท่านลำบากมาก
เนื่องมาจากความไม่ซื่อสัตย์ของคุณพ่อ
ท่านวิตกกังวลและเครียดในเวลาที่ท่านรู้ว่าท่านตั้งครรภ์
ท่านร้องไห้เป็นทุกข์ส่งผลถึงฉันที่อยู่ในครรภ์ ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความรักของแม่มากเท่านี้มาก่อนเลย และท่านยังคงรักและทำดีต่อฉันเสมอ แต่ฉันกลับพูดว่าท่านไม่ได้รักฉันเลย ฉันอยู่ในความสับสนนี้
มีเพียงพระหรรษทานจากศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้เท่านั้นที่ช่วยพวกเราได้ เมื่อฉันได้รับการล้างบาป มีงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ในสวรรค์ ทารกได้รับตราประทับบนศีรษะ คือตราประทับการเป็นลูกของพระเป็นเจ้า มันเป็นไฟ
ไฟแห่งการเป็นของพระเยซูคริสตเจ้า
แต่ฉันก็ยังได้เห็นในหนังสือแห่งชีวิต ในเวลาที่ยังเป็นเด็ก
ฉันรู้สึกถึงบาปของคุณพ่อที่ทำผิดต่อศีลแต่งงาน นั่นเป็นบาปที่ฉันเริ่มรู้จัก อาทิเช่น
ท่านพูดโกหก ดื่มสุรา
ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา
และทำให้คุณแม่เป็นทุกข์
ทั้งหมดนี้ฉันรับรู้และทำให้ฉันมีอารมณ์และพฤติกรรมที่ไม่ดี
เงินตาแลนท์ (ความสามารถ)
พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า
“เจ้าได้ทำอะไรกับเงินตาแลนท์ที่เราให้กับเจ้าบ้าง?....นี่ไม่ใช่เงินของโลกหรอก
เงินตาแลนท์นี้มีกลิ่นหอมอบอวลน่ามหัศจรรย์ด้วยเครื่องหอมราคาแพงที่ไม่เคยใช้ประพรมผ้าใดมาก่อน....เงินตาแลนท์
น่ะหรือ? ฉันมาสู่โลกด้วยภารกิจอย่างหนึ่ง นั่นคือ เพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งความรัก แต่ฉันลืมไปว่าฉันมีวิญญาณ ฉันได้รับไม่แต่เพียงเงินตาแลนท์เท่านั้น
ฉันยังอยู่ในพระหัตถ์อันเมตตาของพระเป็นเจ้าด้วย
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความดีทั้งหลายที่ฉันละเลยไม่กระทำนั้น
เป็นสาเหตุแห่งความเศร้าพระทัยของพระเยซูเจ้า
ฉันได้เห็นว่าเงินตาแลนท์นั้นเป็นอัศจรรย์ที่พระเป็นเจ้าทรงใส่ไว้ในตัวของฉัน และพวกเราทุกๆคนด้วย มันเป็นสิ่งมีค่าเป็นอย่างมากต่อพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงรักพวกเราทุกคน และแต่ละคนเป็นพิเศษ พวกเราทุกคนมีภารกิจในโลกนี้ ฉันเห็นปีศาจมันวิตกกังวลมาก
เพราะเงินตาแลนท์นี้ที่พระเป็นเจ้าทรงใส่ไว้ในพวกเราเพื่อนำมารับใช้พระเยซูเจ้า
คุณทราบไหมว่าพระเยซูเจ้าทรงขอให้ฉันยอมรับและมีความรับผิดชอบต่อเรื่องใดมากที่สุด?
ก็คือเรื่องการที่ฉันขาดความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ พระองค์ตรัสกับฉันว่า “การตายฝ่ายจิตของเจ้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าไม่รู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ เจ้าเช่นกันจะมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ เจ้าจะมีชีวิตแต่ตายไปแล้ว”
ถ้าคุณได้รู้ว่าการตายฝ่ายจิตเป็นอย่างไรละก็....วิญญาณที่มีแต่ความเกลียดชังนั้น
น่าเกลียดน่ากลัว น่าสะอิดสะเอียน มันรบกวนและทำร้ายทุกคน
เป็นความเจ็บปวดยิ่งนักเมื่อได้เห็นวิญญาณของเราเองที่เต็มไปด้วยบาป....ฉันได้เห็นวิญญาณของตัวเอง:(สะอื้น)...ภายในมีเหล็กไนอันใหญ่มหึมาและจมดิ่งลงไปสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งนรก
นี่เป็นสาเหตุของความขมขื่นและความทรมานเป็นอย่างมาก พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า
“การตายฝ่ายจิตของเจ้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าไม่เห็นอกเห็นใจพี่น้องของเจ้า ซึ่งสามารถรับรู้ได้เมื่อเจ้าเห็นเหตุร้ายเกิดแก่พี่น้องของเจ้าไม่ว่าในที่ใด
หรือเมื่อเจ้าได้ยินข่าวจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับการฆาตกรรม
การทำทารุณกรรม..แต่เจ้ากลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เจ้าพูดแต่เพียงว่า โอ
คนที่น่าสงสาร
แต่หัวใจของเจ้าไม่รู้สึกเศร้าเสียใจ
ไม่รู้สึกอะไรเลย
หัวใจของเจ้าเป็นหิน
และนั่นเป็นบาปของความใจแข็ง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น