ฉันได้เห็นลูกไฟลูกเล็กๆเป็นพันๆลูกลอยขึ้นมา...ช่างสวยงามเหลือเกิน...ลอยขึ้นสู่เฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า
พวกมันเป็นลูกไฟเล็กๆสีขาวที่เจิดจรัสอบอุ่นด้วยความรัก พวกมันคือคำภาวนาของคนจำนวนมาก พวกเขาสวดภาวนาเพื่อฉัน เพราะรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้ดูทีวีและอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน พวกเขาร้องไห้และขอมิสซาอุทิศให้ฉัน
พระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถให้แก่คนอื่นได้ก็คือมิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งใดที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งสามารถช่วยเหลือคนเราได้มากเท่ากับมิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยมากที่สุด ที่เห็นลูกๆของพระองค์วอนขอเพื่อเพื่อนมนุษย์ของตนและช่วยเหลือพี่น้องของตนเอง พิธีมิสซาไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ แต่เป็นผลงานของพระเป็นเจ้า
ในท่ามกลางลูกไฟเล็กๆเหล่านี้
มีลูกไฟลูกหนึ่งที่ใหญ่และเจิดจรัสยิ่งกว่าลูกอื่น สวยงามยิ่งนัก
มันยิ่งใหญ่กว่าลูกไฟทุกดวง รู้ไหมว่าทำไมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ได้? ทำไมฉันจึงกลับฟื้นคืนชีวิต?
เป็นเพราะในดินแดนของฉันมีนักบุญอยู่องค์หนึ่ง ฉันเพ่งดูด้วยความอยากรู้ เพื่อจะรู้ว่าใครคือผู้นั้นที่รักฉันมากและสวดภาวนาให้ฉัน และพระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า
“ชายผู้นั้นที่ลูกเห็น
คือผู้ที่รักลูกมากๆ และเขาไม่รู้จักลูกด้วยซ้ำไป” พระองค์ทรงให้ฉันเห็นชายชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง
เขาอาศัยอยู่เชิงเขาใน เซียรา เนวาดา แห่งเซนต์มาร์ทา ชายผู้นี้ยากจนมาก เขาไม่มีอะไรจะกิน
เพราะพืชที่เขาเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวถูกไฟเผาไหม้หมด แม้แต่ไก่ที่เลี้ยงไว้
ก็ถูกขโมยไปโดยพวก”ผู้ก่อการร้าย”
พวกนี้ยังพยายามจะเอาตัวลูกชายคนโตของเขาไปด้วย
ชายชาวนาผู้นี้ได้เดินลงจากเขาเพื่อไปร่วมพิธีมิสซา พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้ยินคำสวดภาวนาของเขา “พระเยซูเจ้าข้า ลูกรักพระองค์
ขอขอบพระคุณที่ทรงประทานสุขภาพที่ดี
ขอบพระคุณสำหรับลูกๆของข้าพระองค์
ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทรงประทานแก่ลูก ลูกขอสรรเสริญพระองค์”
คำภาวนาของเขามีแต่การสรรเสริญ ขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเท่านั้น พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นเงินในกระเป๋าของเขาซึ่งมีธนบัตร
5,000 เปโซ หนึ่งใบ และ 10,000 เปโซ
อีกหนึ่งใบ
และนี่เป็นทั้งหมดที่เขามี
และเขาทำอย่างไรรู้ไหม?...เขาให้เงิน 10,000 เปโซแก่โบสถ์ และเก็บเงิน
5,000 เปโซเอาไว้
เขาให้เงินจำนวนมากที่มี แต่เก็บเงินจำนวนน้อยไว้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเงินทั้งหมดของเขา
แต่เขาก็ไม่ได้เสียดาย หรือบ่นว่าในความยากจนของตน แต่เขาขอบพระคุณและสรรเสริญพระเป็นเจ้า
หลังจากนั้น...เขาออกจากโบสถ์และไปซื้อสบู่ก้อนหนึ่ง สบู่ถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์“O Espectador”ฉบับเมื่อวาน
ในหนังสือพิมพ์มีเหตุการณ์ของฉันและรูปภาพของฉันซึ่งร่างกายทั้งหมดถูกเผาไหม้
เมื่อเขาเห็นรูปภาพและอ่านข่าวอย่างช้าๆ
เขารู้สึกสะเทือนใจมากและร้องไห้เสียใจราวกับว่า สำหรับเขาแล้ว...ฉันเป็นคนที่เขารักมากที่สุด เขาก้มหน้าลงกับพื้นดิน
วิงวอนต่อพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจของเขา...กล่าวว่า “พระบิดา พระเจ้าของลูก
โปรดเมตตาน้องสาวคนเล็กผู้นี้ของลูกด้วยเถิด โปรดช่วยเธอด้วย พระเจ้าข้า
โปรดช่วยเธอด้วยเถิด
ถ้าพระองค์ช่วยน้องสาวผู้นี้ของลูก
ลูกสัญญาว่าจะไปแสวงบุญที่“Sanctuary of Buga”เป็นการทดแทน
แต่ขอพระองค์ช่วยเธอด้วยเถิด”
คิดดูเถิด ชายผู้ยากจน
ผู้ไม่เคยกล่าวคำสบถ หรือบ่นว่าความทุกข์ ความอดหยากของครอบครัว แต่ตรงกันข้าม
เขาสรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้า...และมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีอะไรจะกิน
แต่เขาก็ยังข้ามภูเขาของเมืองเพื่อทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้เพื่อคนที่เขาก็ไม่รู้จัก
พระเยซูเจ้าตรัสว่า
“นี่คือความรักที่แท้จริงต่อเพื่อนมนุษย์
เช่นนี้แหละที่ลูกต้องทำในการรักเพื่อนมนุษย์...”
และด้วยเหตุการณ์นี้...พระองค์ทรงมอบภารกิจให้แก่ฉัน “ลูกจะกลับไป
เพื่อเป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้
และลูกต้องเป็นพยานไม่เพียง 1,000 ครั้งเท่านั้น แต่ 1,000 x 1,000 ครั้ง
วิบัติแก่ผู้ที่ได้ฟังเรื่องของลูก
แต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เพราะเขาจะถูกพิพากษาอย่างรุนแรงยิ่งนัก
และเป็นเช่นเดียวกันสำหรับลูกด้วยในการกลับสู่ชีวิตครั้งที่สอง สำหรับนักบวชคือพระสงฆ์ของเรา และแม้แต่คนที่ไม่ได้ฟังเรื่องของลูก
เพราะไม่มีคนหูหนวกคนใดที่ไม่ต้องการได้ยิน และไม่มีคนตาบอดคนใดที่ไม่ต้องการเห็น"
นี่แหละ พี่น้องที่รัก
นี่ไม่ใช่การบังคับ
ตรงกันข้าม
พระเยซูเจ้าไม่ทรงต้องการบังคับใคร
นี่เป็นโอกาสครั้งที่สองของฉัน
และมันเป็นโอกาสของพวกคุณด้วย นี่เป็นเครื่องหมายแสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงรักพวกเรา
และทรงนำกระจกนี้วางไว้ต่อหน้าสายตาของพวกคุณ ซึ่งก็คือตัวฉันเอง กลอเรีย โปโล เพราะพระเป็นเจ้าไม่ทรงต้องการให้เราสาปแช่งตัวเราเอง
แต่ปรารถนาให้เราได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์ แต่เพื่อสิ่งนี้เราต้องยอมให้พระองค์ปรับเปลี่ยนตัวของเรา เมื่อเวลาของเรามาถึงที่จะต้องจากโลกนี้ไป พวกเราแต่ละคนจะเปิด
“หนังสือแห่งชีวิต”ของตนเองเมื่อตายไป
พวกเราทุกคนต้องผ่านช่วงเวลานี้
เหมือนเช่นที่ฉันได้ผ่านมาแล้ว
ที่นั่น...เราจะได้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนเวลานี้ แต่แตกต่างออกไป เราจะได้เห็นทั้งความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของเรา การกระทำต่างๆและผลต่อเนื่อง การละเว้นไม่กระทำและผลต่อเนื่องของมัน....ทั้งหมดจะอยู่เบื้องเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า
แต่สิ่งที่สวยงามมากที่สุดก็คือเราแต่ละคนจะได้เห็นพระเป็นเจ้า...หน้าต่อหน้า และสิ่งที่พระองค์ทรงขอจากเราคือขอให้เรากลับใจ แม้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์ก็จะยังทรงขอสิ่งนี้จากเรา
เพื่อที่เราจะเริ่มต้นเป็นสิ่งสร้างใหม่ของพระองค์ในพระสัจจะธรรม เพราะถ้าปราศจากพระองค์ เราจะทำอะไรไม่ได้เลย
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ส่งสารนี้มายังพวกลูก
ตอบลบรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ตอบลบรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ตอบลบ