แม่พระทรงสั่งให้สร้างพระรูป
แม่พระตรัสว่า “เป็นความปรารถนาขององค์พระบุตรของแม่ ให้ลูกจัดทำพระรูปของแม่ตามที่ลูกเห็นอยู่ในขณะนี้ขึ้นมา และวางพระรูปไว้บนเก้าอี้ของอธิการคณะ เพื่อที่แม่จะเป็นผู้ปกครองคอนแวนต์ของแม่ ในมือขวาของแม่ให้วางไม้เท้าสังฆราชและกุญแจของอารามเพื่อเป็นเครื่องหมายถึงสิทธิและอำนาจของแม่ในการปกครองคอนแวนต์ ในมือซ้ายของแม่ให้พระกุมารเยซูประทับอยู่ ด้วยเหตุผลประการแรกคือ มนุษย์จะได้เข้าใจถึงอำนาจของแม่ในการยับยั้งพระยุติธรรมและได้รับพระเมตตาและการอภัยสำหรับคนบาปทุกคนที่มาหาแม่ด้วยหัวใจที่สำนึกผิด เพราะแม่เป็นมารดาแห่งพระเมตตาและในแม่มีแต่ความดีและความรักเท่านั้น ประการที่สอง เพื่อที่ตลอดทุกยุคทุกสมัย ลูกสาวของแม่จะเข้าใจได้ว่าแม่กำลังแสดงและมอบให้แก่พวกเขาซึ่งองค์พระบุตรของแม่ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา และแม่เป็นแบบอย่างความสมบูรณ์พร้อมของนักบวช พวกเขาควรมาหาแม่ เพราะแม่ปรารถนาจะนำพวกเขาไปหาพระเยซูเจ้า”
แม่พระตรัสว่า “เป็นความปรารถนาขององค์พระบุตรของแม่ ให้ลูกจัดทำพระรูปของแม่ตามที่ลูกเห็นอยู่ในขณะนี้ขึ้นมา และวางพระรูปไว้บนเก้าอี้ของอธิการคณะ เพื่อที่แม่จะเป็นผู้ปกครองคอนแวนต์ของแม่ ในมือขวาของแม่ให้วางไม้เท้าสังฆราชและกุญแจของอารามเพื่อเป็นเครื่องหมายถึงสิทธิและอำนาจของแม่ในการปกครองคอนแวนต์ ในมือซ้ายของแม่ให้พระกุมารเยซูประทับอยู่ ด้วยเหตุผลประการแรกคือ มนุษย์จะได้เข้าใจถึงอำนาจของแม่ในการยับยั้งพระยุติธรรมและได้รับพระเมตตาและการอภัยสำหรับคนบาปทุกคนที่มาหาแม่ด้วยหัวใจที่สำนึกผิด เพราะแม่เป็นมารดาแห่งพระเมตตาและในแม่มีแต่ความดีและความรักเท่านั้น ประการที่สอง เพื่อที่ตลอดทุกยุคทุกสมัย ลูกสาวของแม่จะเข้าใจได้ว่าแม่กำลังแสดงและมอบให้แก่พวกเขาซึ่งองค์พระบุตรของแม่ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา และแม่เป็นแบบอย่างความสมบูรณ์พร้อมของนักบวช พวกเขาควรมาหาแม่ เพราะแม่ปรารถนาจะนำพวกเขาไปหาพระเยซูเจ้า”
คุณแม่มาเรียนาแย้งว่าท่านจะไม่สามารถบรรยายความสวยงามของพระมารดาแห่งสวรรค์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แก่ช่างผู้แกะสลัก แม่พระตรัสตอบว่า “ลูกสาวของแม่ แม่เห็นด้วยกับที่ลูกพูด น. ฟรังซิส (อัสซีซี) ผู้รับใช้ของแม่
จะเป็นผู้แกะสลักพระรูปด้วยมือที่มีรอยแผลศักดิ์สิทฺธิ์ของท่าน โดยมีเหล่าทูตสวรรค์เป็นผู้ช่วยเหลือ
ท่านนักบุญจะเป็นผู้วางสายวัดบนตัวแม่ อันเป็นสัญลักษณ์หมายถึงบุตรชายหญิงของนักบุญฟรังซิสผู้เป็นของแม่และใกล้ชิดแม่ สำหรับส่วนสูงของแม่
ลูกจะเป็นผู้วัดโดยใช้สายรัดเอวที่ลูกสวมอยู่
จงนำสายรัดเอวของลูกมาและวางปลายข้างหนึ่งบนมือแม่ ส่วนปลายอีกข้างหนึ่ง ลูกจงวางไว้ที่เท้าของแม่
(...)”
คุณแม่มาเรียนาได้ถือปลายสายรัดเอวของท่านไว้ที่พระบาทขององค์ราชินีของปวงเทวา
แม่พระทรงถือปลายอีกข้างหนึ่งและมอบให้กับพระกุมารเยซู
พระองค์ทรงนำปลายสายรัดไปวางไว้ที่หน้าผากของแม่พระ แต่สายรัดเอวนั้นสั้นเกินไป ทันใดนั้น...อย่างอัศจรรย์สายรัดเอวก็ยืดออกจนถึงระดับความสูงของแม่พระ
แม่พระตรัสว่า “ลูกสาวของแม่
ลูกได้วัดความสูงของแม่แล้ว
จงบอก Francisco
del Castillo ผู้รับใช้ของแม่
และอธิบายลักษณะรูปร่างของแม่แก่เขา
เขาจะทำงานในการสร้างพระรูปของแม่....”
ก่อนที่แม่พระจะจากไป
พระนางทรงบอกกับคุณแม่มาเรียนาว่า
การถูกคุมขังอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะจบสิ้นในไม่ช้า
(คุณแม่มาเรียนาและซิสเตอร์หลายคนถูกคำสั่งพระสังฆราชให้ถูกคุมขังในห้อง เพราะการใส่ร้ายของซิสเตอร์ที่ไม่ดีบางคน) คุณแม่มาเรียนาจึงปลุกซิสเตอร์อื่นๆให้ตื่นขึ้นมาสวดภาวนา ในเวลาบ่ายสามโมงของวันนั้น
คุณแม่มาเรียนาและบรรดาซิสเตอร์ได้เห็นนิมิตมังกรตัวใหญ่มหึมา ตาลุกเป็นไฟจ้องมองมายังพวกท่าน
มังกรเดินดุ่มๆไปทุกที่แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาในห้องได้
แล้วพวกเขาก็เห็นนักบุญฟรังซิสพร้อมด้วยธนูในมือ ท่านนักบุญยิงลูกศรไฟไปที่มังกร ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส
มังกรทำให้แผ่นดินแยกออกแล้วมันก็กระโจนลงไปสู่ขุมนรก ในเวลานั้นเอง
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
ทำให้ซิตเตอร์เหล่านั้นและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหวาดกลัวเป็นอันมาก ไม่นานต่อมา Mother Valenzuelaซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการแทนคุณแม่มาเรียนาในระหว่างที่ถูกคุมขัง ก็คิดว่าเรื่องราวมาไกลเกินไปแล้ว(ท่านถูกกดดันจากซิสเตอร์ที่ก่อกบฏ)
ได้สั่งให้ปล่อยคุณแม่มาเรียนา
และได้สารภาพความผิดของตน
Mother Valenzuela เป็นซิสเตอร์ชาวพื้นเมือง
ท่านมาจากครอบครัวที่ดีในควิโต
แต่เป็นคนอ่อนแอจึงไม่สามารถมีอิทธิพลต่อซิสเตอร์ที่กบฏเหล่านั้นได้ แต่ตอนนี้ท่านเกิดความกล้าและสั่งให้ปล่อยคุณแม่มาเรียนาและซิสเตอร์อื่นๆที่ถูกขังด้วย และได้คืนตำแหน่งอธิการแก่คุณแม่มาเรียนา
คุณแม่มาเรียนาวอนขอพระเยซูเจ้าให้ช่วยซิสเตอร์ของท่าน
หลังจากถูกปล่อยตัวแล้ว
ได้มีการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เมื่อพระสังฆราชทราบว่าท่านถูก ซิสเตอร์ La Capitana หลอกให้เชื่อว่าคุณแม่มาเรียนาทำความผิด พระสังฆราชจึงสั่งให้คุมขัง
ซิสเตอร์ La Capitana แทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ซิสเตอร์
La Capitana ไม่สำนึกผิด
แทนที่จะขอโทษเธอกลับ โกรธแค้นเกลียดชังคุณแม่มาเรียนา เพราะความเย่อหยิ่งของตนเอง
สุขภาพของเธอแย่ลงเพราะเธอประท้วงด้วยการไม่ยอมกินอาหาร เธอกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่ง ตะโกนสาปแช่งและโขกศีรษะกับกำแพง คุณแม่มาเรียนาขอร้องพระสังฆราชให้นำเธอออกจากคุกและนำตัวไปอยู่ในห้องพักแทน ซึ่งพระสังฆราชก็อนุญาติ อย่างไรก็ตามไม่มีซิสเตอร์คนใดกล้าเข้าใกล้เธอเลย
คุณแม่มาเรียนาเอาใจใส่ดูแลเธอด้วยความอ่อนโยน แต่กลับได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยาม
คุณแม่เห็นว่าซิสเตอร์ผู้นี้คงต้องตกนรก ท่านจึงวอนขอต่อพระเยซูเจ้าให้ช่วยเหลือเพื่อความรอดของวิญญาณนี้ ท่านสวดภาวนาเบื้องหน้าศีลมหาสนิท
และท่านได้รับพระพรให้รู้ถึงการที่ปีศาจเข้าสิงวิญญาณบาปนี้ได้อย่างไรและมันทำให้เธอก่อกบฏ มีความเกลียดชังและสิ้นหวัง คุณแม่ยังได้รู้ด้วยว่า ซิสเตอร์ผู้นี้จะตายในไม่ช้าและต้องตกลงไปในส่วนลึกที่สุดของนรก
ขณะที่ท่านกำลังสวดภาวนาวอนขอความรอดของซิสเตอร์La Capitana พระเยซูเจ้าประจักษ์มาเหมือนขณะที่พระองค์อยู่ในสวนมะกอกและทรงทุกข์ทรมานในพระทัยมากยิ่งนัก ท่านได้เห็นความทุกข์ทรมานยิ่งยวดภายในดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า และรู้ว่าความทุกข์ของพระองค์เกิดจากความอกตัญญู และจิตใจที่แข็งกระด้างของวิญญาณที่ถูกเลือกสรรในท่ามกลางมนุษย์นับล้านคนให้มาเป็นเจ้าสาวและผู้อภิบาลของพระองค์ พวกเขาทอดทิ้งพระองค์ให้โศกเศร้าอย่างโดดเดี่ยวในศีลมหาสนิท พระองค์อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับบรรดาเจ้าสาวของพระองค์และมาอยู่ในมือของพระสงฆ์เมื่อท่านสวดบทภาวนาในช่วงเวลาที่เสกศีล
คุณแม่มาเรียนาวอนขอให้ท่านรับโทษแทนซิสเตอร์ผู้นี้ พระเยซูเจ้าทรงยินดึยกโทษให้ซิตเตอร์ La Capitana
แต่เธอต้องอยู่ในไฟชำระจนถึงวันสิ้นพิภพ
ส่วนคุณแม่มาเรียนาจะต้องทนทุกข์อยู่ในโลกเป็นเวลาห้าปีโดยได้รับโทษความเจ็บปวดของนรกแทนซิสเตอร์ La Capitana
คุณแม่ทราบดีว่าความทุกข์ทรมานของโทษนิรันดรนั้นเป็นความเจ็บปวดของประสาทสัมผัสซึ่งเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ซิสเตอร์ La Capitana หลังจากป่วยหนักเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เข้าใจถึงสภาพอันเลวร้ายของตนเอง
เธอได้สำนึกผิดและสารภาพบาปและได้ปรับปรุงตนเองจนกลายเป็นแบบอย่างของความถ่อมตนและความมีเมตตาจิต
ห้าปีของความทุกข์ทรมานของนรก
ไม่นานนัก ซิสเตอร์ La Capitana
ก็ได้สัมผัสกับพระหรรษทานแห่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้า และได้ช่วยทำให้บรรดาซิสเตอร์ที่ก่อการกบฏได้กลับใจ
คุณแม่มาเรียนาต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาถึงห้าปี
ความเจ็บปวดของนรกทิ่มแทงทุกส่วนของประสาทสัมผัสของท่าน สายตาของท่านถูกทรมานจากการเห็นปีศาจปรากฏมา หูของท่านได้ยินคำพูดสบประมาทและสาปแช่ง
การสัมผัสสิ่งต่างๆจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทง
การรับรู้รสมีแต่ความขมเมื่อรับประทานอาหารหรือกลืน แต่ความทรมานที่สุดคือความรู้สึกสิ้นหวัง
ไม่มีความรู้สึกถึงความรักต่อพระเยซูเจ้าผู้ที่ท่านรักมากที่สุด ท่านถึงกับทนไม่ได้เมื่อปราศจากพระองค์และรู้สึกว่าจะไม่สามารถพบพระองค์ตลอดนิรันดร
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานห้าปีเป็นเหมือนกับนิรันดร แต่ท่านยังคงรักษาความสงบและสันติ ท่านยังทำกิจการต่างๆตามกฏของคณะในการสวดภาวนาและการเสียสละต่างๆ
เมื่อสิ้นสุดเวลาห้าปี
คุณแม่มาเรียนาเรียกบรรดาคุณแม่ผู้ร่วมก่อตั้งคณะมารวมกัน
ซึ่งท่านเหล่านั้นได้ร่วมความทุกข์กับคุณแม่มาเรียนาด้วยการสวดภาวนา ทำกิจใช้โทษบาป และพลีกรรม คุณแม่บอกพวกท่านว่า “อนิจจา ซิสเตอร์ทั้งหลาย
นรกช่างน่ากลัวจนไม่อาจหาคำพูดใดมาอธิบายได้เลย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น